โอเคมั้ย?
หญิงสาวในตอนแรกยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นักกับสิ่งที่ชายหนุ่มบอก แต่ก็เหมือนได้คำตอบขึ้นมาเมื่อถึงช่วงรายการต่อไปที่ทางร้านเตรียมไว้ นั่นก็คือการที่พนักงานสามารถจูงแขกที่สมัครใจไปรอบร้านได้ราวสัตว์เลี้ยง ในขณะเดียวกันก็สามารถจับจูงพนักงานที่พร้อมจะเป็นสัตว์เลี้ยงเช่นกัน
"มาสิคะ เจ้าหมาน้อย"
ทอไหมออกจะตกใจอยู่หน่อยที่พนักงานคนหนึ่งพูดขึ้นกับเจ้านายของเธอ หลังจากที่ฝ่ายนั้นเสนอตัวเป็นหมาน้อยขึ้นมา เสียงล็อกปลอกคอดังกริ๊กดังขึ้นข้างหูของเลขาสาวก่อนที่ชายหนุ่มจะถูกจับจูงให้เดินไปอย่างเชื่องช้า ราวกับมาจริงๆ แววตาของเจ้านายหนุ่มทำเอาทอไหมรู้สึกทั้งตื่นเต้นและตกใจขึ้นไปอีกกับมุมที่ไม่เคยเห็นจากเขา
"อยากลองดูบ้างไหมครับ"
เสียงของพนักงานคนหนึ่งดังขึ้นเรียกสาวน้อยให้หลุดจากภวังค์ เธอปฏิเสธออกไปเพราะคิดภาพตอนตัวเองโดนจูงไม่ออกจริงๆ
"งั้น...นายหญิงอยากลองเลี้ยงสุนัขตัวนี้บ้างไหมครับ"
ไม่พูดเปล่าทั้งพนักงานคนนั้นยังคุกเข่าส่งสายตาอ้อนวอนมาให้ จนคนงามไม่กล้าปฏิเสธจึงบอกว่าจะลองดู
มือบางบรรจงสวมปลอกคอไปหายชายคนนั้นที่หลับตาพริ้ม ก่อนจะกรีดนิ้วจูงสายโซ่อย่างเชื้องช้า น่าแปลกที่หญิงสาวไม่เคบพบเห็นหรือมีประสบการณ์แบบนี้มาก่อน ทว่าเธอกลับรู้สึกตื่นตัวขึ้นมาทุกครั้งที่กระตุกสายจูง
หลังจากดูโชว์จบพวกเขาก็พากันกลับ โดยเรียกแท็กซี่มารับ
ความว่างเปล่าของถนนยามดึกทำให้สร้างความรู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นในใจของทอไหม ความทรงจำที่ครั้งหนึ่งพยายามลบมันไปแล้วจนไม่มีอยู่ในความคิด
วันหนึ่งมีพัสดุมาส่งที่บริษัท ที่บนกล่องนั้นระบุว่านี่คือพัสดุของเจ้านายเธอเอง
“คุณตุลย์ค่ะ มีพัสดุของคุณมาส่งนะคะ”
“ออ! ช่วยรับไว้ให้หน่อยนะ อืม! ช่วยเช็กของให้ด้วยนะว่าครบไหม”
ปกติทอไหมก็ไม่ใช่คนชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านสักเท่าไรแต่นี่เป็นการไหว้วานจากเจ้านายเธอเอง เมื่อใช้คัตเตอร์กรีดสกอตช์เทปอันผลึกกล่องกระดาษออก สิ่งของที่บรรจุอยู่ภายในนั่นทำให้หัวใจของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ
“คุณพระ!”
เป็นเสียงเดียวที่หลุดออกจากปากด้วยความตกใจจนคนรอบข้างหันมามองด้วยสายตาเดียวกัน เธอแกล้งทำเป็นหยิบของที่ตกลงบนพื้นแล้วขอโทษทุกคน ก่อนจะปิดกล่องกลับคืนด้วยความรวดเร็ว
สิ่งของที่อยู่ภายในนั่นเป็นแส้หนังรูปแบบต่างๆ หลายเส้น เธอเคยเห็นมันแค่ในละครและไม่คาดคิดเหมือนกันว่าจะมาเจอในกล่องพัสดุของเจ้านายเธอเอง
เสียงเรียกของคนร่างใหญ่ทำให้เธอที่อยู่ในภวังค์สะดุ้งเฮือก
“ทอไหม ทอไหม”
“ค่ะ”
“ถึงแล้วครับ เป็นอะไรรึเปล่า? ฉันเห็นเธอเงียบไปตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”
ทอไหมตะกุกตะกักแล้วจ่ายเงินให้แท็กซี่ก่อนจะพากันเดินลงมาที่หน้าคอนโดของทอไหม
“อืม! คุณตุลย์ค่ะฉันขอถามอะไรหน่อยได้ไหม?"
“ได้สิว่ามาเลยครับ”
“ทำไมคุณถึงไม่อยากเป็นบอสเอง ในเมื่อคุณสามารถทำได้?”
หญิงสาวเปิดประเด็นที่ทำให้เธอครุ่นคิด เรื่องรสนิยมก็ส่วนหนึ่ง แต่เรื่องที่ทำไมถึงอยากเป็นทาสขนาดนั้นเล่นเอาเธอแอบสงสัย คนที่ไม่ค่อยยุ่งเรื่องชาวบ้านแบบเธอเลยอดใจที่จะถามไม่ได้
“เอ่อ…คือ ทอไหม ฉันอยากจะขอร้องเธอสักเรื่อง ช่วยเก็บเรื่องนี้เป็นความลับได้ไหม”
“ไหมเหมือนคนที่ชอบโพนทะนาเรื่องของชาวบ้านหรือคะ”
หญิงสาวถอนหายใจใส่หน้าเจ้านายที่อ่อนกว่าเธอเกือบ 2 ปี เมื่อเขาเริ่มที่จะทำหน้าเหมือนหมาหงอยอีกครั้ง
“ถ้าเธอรังเกียจฉัน ฉันก็ไม่ได้โกรธเธอหรอกนะและจะไม่เป็นปัญหาเรื่องงานด้วย”
โอ๊ย เจ้าหมอนี่ ขยันทำหน้าตาแบบนี้จัง แล้วฉันก็อดใจอ่อนไม่ได้ด้วยสิ ทอไหมคิดในใจแล้วเอื้อมมือขึ้นไปทาบที่แก้มชายหนุ่มอย่างอ่อนโยน
“เปล่าค่ะๆ ไม่ได้คิดแบบนั้นเลย แค่รู้สึกตกใจนิดหน่อย และรู้สึกยินดีที่คุณยอมเปิดเผยส่วนตัวแบบนี้กับฉัน”
เธอลูบคางเขาอ่อนโยน แต่ความอ่อนโยนไม่ใช่จุดประสงค์ของชายหนุ่มเขาจ้องมองที่ตาเธอพลางคิดว่า ถ้าผู้หญิงคนนี้ใช้แส้ฟาดมาที่หลังเขาแทนน่าจะดีกว่านี้
“ตุลย์”
หญิงสาวเรียกเขาที่กำลังทำหน้าตาแบบต้องการเธอใจจะขาด
“อึก ทอไหม”
ชายหนุ่มหลืนน้ำลายลงคอแล้วโน้มหัวลงไปซบที่ไหล่ของคนตัวเล็กเชิงอยากอ้อน
“คุณโอเคมั้ยคะบอส หญิงสาวเผลอเรียกสรรพนามติดปาก”
