ทาสรักซาตานทะเลทราย (ซีรี่ย์ 3 สิงห์ทะเลทราย)

158.0K · จบแล้ว
กานจ์แก้ว
52
บท
103.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

“คุณ!..”“ใช่ ผมเอง ตกใจมากหรือไง” เขาถามด้วยสีหน้าราบเรียบ “ผมบอกแล้วไงว่าคุณหนีผมไม่รอดหรอก”“ฉันจะฟ้องคุณ คุณลักพาตัวฉันมา แล้วพี่เอริคอยู่ไหน” เธอหันมองซ้ายมองขวา และก็พบว่าตัวเองกำลังเคลื่อนที่อยู่ “แล้วที่นี่ที่ไหน”“เดี๋ยวก็จะได้รู้สาวน้อย และตอนนี้เราก็กำลังอยู่บนเครื่องบินส่วนตัวของผม เรากำลังเข้าเขตประเทศคูลฮาร์น” ชายหนุ่มไล้มือไปที่หัวไหล่มนของหญิงสาว อภัสราปัดมือเขาออก “ไม่จริง ฉันไม่เชื่อ” “ไม่เชื่อก็มองดูเอาเองสิ” ชายหนุ่มเบนสายตาไปที่หน้าต่างเครื่องบิน หญิงสาวลุกขึ้นชะโงกหน้าเข้าไปใกล้หน้าต่างข้างเตียงนอน และพบว่ามันเป็นจริงอย่างที่เขาพูด เบื้องล่างมีแต่ทะเลทรายอันกว้างใหญ่และบ่อน้ำมันดิบอีกจำนวนมาก นี่เธอฝันร้ายไปหรือเปล่า ถ้าเป็นฝันร้ายเธอก็อยากจะตื่นขึ้นเสียที อภัสราส่ายหน้าไปมาก่อนจะหันมาจ้องหน้าชายหนุ่มตรงหน้าตาขวาง “คุณพาตัวฉันมาที่นี่ทำไม แบบนี้มันลักพาตัวชัดๆ ฉันจะแจ้งตำรวจจับคุณ” “ก็ตามใจ แต่ก่อนจะมาที่นี่ผมก็แจ้งสถานกงสุลของผมเรียบร้อยแล้ว แต่ตอนนี้คุณคือทาสของผม ผมจะทำอะไรกับคุณก็ได้” อาเหม็ดเอื้อมมือมาจับปลายคางของหญิงสาวตรึงเอาไว้ “อย่ามาแตะต้องตัวฉัน คุณมันเป็นโจรลักพาตัว ฉันขยะแขยง” เธอถอยหนี

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักประธานพลิกชีวิตรักหวานๆประธานพันล้านแก้แค้นเศรษฐีโรแมนติกพระเอกเก่ง

ตอนที่ 1 หนี้พนัน

ภายในเรือสำราญขนาดใหญ่ที่สามารถบรรจุผู้โดยสารได้นับ 1,000 คน กำลังเคลื่อนที่ออกจากท่าเรือในเขตอ่าวไทยอย่างช้าๆ ภาพผู้คนที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าชั้นดีและเครื่องประดับราคาแพง มีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติหลากหลายภาษาทุกคนต่างก็มีสีหน้ายิ้มแย้ม เหล่าสาวสวยลูกผู้ดีมีเงินต่างก็แต่งกายอวดโฉมกันอย่างไม่ยอมแพ้

อภัสรายืนมองภาพน้ำทะเลที่เป็นเกลียวคลื่นเบื้องหน้าอย่างไม่ใส่ใจสิ่งรอบตัวมากนัก สายลมและกลิ่นเค็มจากน้ำทะเลทำให้เธอสดชื่นและผ่อนคลายจากงานที่เหนื่อยล้ามาเกือบทุกวัน ก่อนหน้านี้เธอถูกพี่ชายคะยั้นคะยอให้มาเป็นเพื่อนโดยที่เธอไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆเลย เธอพอจะรู้ว่าเพราะอะไรพี่ชายเธอถึงอยากมาเที่ยวเรือสำราญครั้งนี้นัก เอริคซึ่งเป็นพี่ชายต่างมารดาของเธอติดการพนันจนหมดเนื้อหมดตัว ขายทั้งบริษัทของบิดาและสมบัติทั้งหมดที่บิดายกให้เขา ดีที่เขาไม่มายุ่งเกี่ยวกับบ้านและสมบัติส่วนของเธอ บิดาและมารดาของเธอตายไป

เมื่อ 5 ปีก่อนตอนที่เกิดคลื่นซึนามิที่หาดป่าตอง บิดาของเธอเป็นชาวอังกฤษที่หลงใหลในความงดงามของเมืองไทยและเสน่ห์ของสาวไทยอย่างมารดาของเธอ แต่บิดาของเธอก็มีลูกติดมาด้วย 1 คน ก็คือเอริค อภัสราเข้าใจดีว่าพี่ชายไม่ค่อยชอบมารดาของเธอ รวมทั้งตัวเธอด้วย เขาจึงไม่ค่อยเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเธอและมารดาของเธอมากนัก นอกจากเวลาที่จะขอเงินใช้เท่านั้น มารดาของเธอเป็นคนจัดการเรื่องการเงินภายในบ้านทั้งหมด

มารดาของเธอรักเอริคเหมือนกับลูกชายแท้ๆ เมื่อเอริคขอมารดาของเธอก็ไม่เคยขัดใจ เธอเคยบอกมารดาแล้วว่าพี่ชายติดการพนันไม่อยากให้มารดาให้เงินเขาไปคราวละมากๆ แต่มารดาของเธอก็บอกว่า “เงินทุกบาททุกสตางค์มันเป็นสิทธิ์ของเขาที่เขาจะใช้ เพราะเขาเป็นลูกของพ่อหนู เขาจะทำอะไรก็ตามใจเขาเถอะ” ซึ่งเธอก็โกรธมารดามากที่ตามใจพี่ชายจนเสียคน อภัสราคิดจะบอกบิดาอยู่หลายครั้งแต่ก็โดนมารดาห้ามไว้ทุกครั้ง จนทั้ง 2 เสียชีวิตลงเงินทองก็ร่อยหลอลงทุกวัน ค่าใช้จ่ายภายในบ้านรวมทั้งเงินเดือนของคนรับใช้ภายในบ้านจึงตกเป็นภาระของเธอทั้งหมด อภัสราจึงหางานทำและได้เป็นพนักงานของธนาคารแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ

“ยืนคิดอะไรอยู่ภัส” เอริคหยุดยืนมองแผ่นหลังบางเพรียวของน้องสาวพร้อมกับอมยิ้ม อภัสราหันมามองก็เห็นพี่ชายยืนโอบเอวสาวสวยนางหนึ่งเอาไว้ “คิดไปเรื่อยเปื่อยค่ะ แล้วเรือลำนี้จะแล่นไปไหนบ้างคะ ภัสลาพักร้อนแค่ 7 วันเองนะคะห้ามเกินกว่านั้น”

“รู้แล้วน่า ที่พี่ชวนมาก็เพราะอยากให้เราพักผ่อนบ้าง แล้วจัดของเรียบร้อยแล้วหรือ” เขาเลื่อนมือขึ้นมาโอบที่หัวไหล่ของสาวสวยที่เขาเพิ่งเจอเมื่อตอนขึ้นเรือมา เธอหันมายิ้มให้กับหญิงสาวที่เพิ่งเจอครั้งแรก “น้องสาวของคุณสวยมากนะคะ แพทยังสวยสู้ไม่ได้เลย” เธอหันไปหัวเราะกับเอริคก่อนจะหันกลับมาทางอภัสราอีกครั้ง “สวัสดีค่ะคุณภัส ดิฉันเจนจิราค่ะ หรือเรียกแพทก็ได้ค่ะ”

“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะคุณแพท” อภัสราส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร

“เข้าไปข้างในกันเถอะ พี่ชักหิวแล้วล่ะ แล้วก็จะพาคุณแพทไปเลี้ยงฉลองที่ได้เจอกันสักหน่อย” เอริคยิ้มหวานให้เธอ เขาเป็นหนุ่มอังกฤษที่หล่อมากจริงๆ หญิงสาวคนไหนเห็นเป็นต้องอยากรู้จักเขาทุกคน ผิดกับอภัสราที่เป็นลูกครึ่ง ด้วยรูปร่างเพรียวและความสูง 170 กว่าบวกกับดวงตาที่กลมโตใบหน้าเรียว ผิวขาวเนียนอมชมพู เธอไม่ใช่คนสวยสะดุดตาแต่ก็เป็นหญิงสาวที่ใครมองแล้วก็ต้องมองกลับมาอีกครั้ง หญิงสาวก้าวตามพี่ชายไป

ภายในห้องอาหารหรูหราและมีระดับมากและอาหารของที่นี่ก็คงระดับภัตตาคารทั้งนั้น ก็นี้มันเรือสำราญสำหรับคนรวยหรือมหาเศรษฐีเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์ขึ้นมาได้ เธอเองก็ไม่รู้ว่าพี่ชายของเธอไปรวยมาจากไหน ถามเท่าไรก็ไม่ยอมบอกเธอ บอกแต่เพียงว่า “พี่มีจ่ายก็แล้วกัน อยากพาน้องสาวสุดสวยไปพักผ่อนบ้าง อย่าคิดมากเลย”

“เชิญครับคุณผู้หญิงทั้งสอง” เอริคเลือกที่นั่งที่อยู่ตรงมุมนอกสุดและไม่มีผู้คนพลุกพล่าน แล้วขยับเก้าอี้ออกให้หญิงสาวสวยนั่งแล้วดันเข้าไป อภัสรานั่งลงตรงข้ามกับพี่ชาย

“ทานอะไรดีล่ะภัส” เขาเงยหน้าขึ้นถามน้องสาวแล้วเอื้อมมือไปหยิบสมุดเมนูขึ้นมากางออกก่อนจะหันมาถามหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆอีกคน “แล้วคุณแพทล่ะครับจะทานอะไรดี”

“อืม...แพทของสลัดผลไม้แล้วกันค่ะ แพทกลัวอ้วน” เจนจิราหันไปยิ้มให้กับเขาก่อนจะหันไปมองทางหญิงสาวอีกคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม “แล้วคุณภัสล่ะคะ”

“ภัสขอผัดไทยกุ้งสดค่ะ แล้วก็น้ำส้ม” อภัสราตอบแล้ววางเมนูลง

“แหม..สมเป็นหญิงไทยจังเลยนะคะ ทานอาหารไทย” เจนจิราเอ่ยแบบแซวๆ อภัสรายิ้มน้อยๆให้ “ภัสชอบอาหารไทยค่ะ รสชาติอร่อยดีค่ะ”

“น้องๆ!” เอริคยกมือขึ้นเพื่อเรียกพนักงานบริการประจำห้องอาหาร เมื่อพนักงานบริการเดินเข้ามาเขาก็สั่งตามรายการที่พวกผู้หญิงสั่งพร้อมทั้งของตนเองด้วย

“เอริคขา คืนนี้พาแพทมาเต้นรำหน่อยนะคะ แพทชอบเต้นรำแล้วก็ดื่มกัน 2 คนใต้แสงจันทร์สลัวๆ” นัยน์ตาหวานเยิ้มของเจนจิราทำให้เอริคเข้าใจดีว่าที่แท้จริงแล้วเธอไม่ใช่แค่ต้องการเพียงเท่านั้นแน่ อภัสราเบนสายตาจากคู่หวานตรงหน้ามองไปรอบๆแล้วก็ต้องสะดุดกับสายตาคมคู่หนึ่งที่จ้องมาทางโต๊ะที่เธอนั่งอยู่ สายตาคู่นั้นดูราวกับมีอำนาจและพลังบางอย่างแต่ก็ดูเย็นชาและเลือดเย็นอย่างบอกไม่ถูก ใบหน้าคมเข้มกับผมรองทรงและชุดสูทแบบสากลทำให้เขาดูสะดุดตามาก สายตาของเขาทำให้หญิงสาวรู้สึกหนาวๆร้อนๆขึ้นมาได้ทันที หญิงสาวคิดว่าเขาคงเป็นระดับมหาเศรษฐีอย่างแน่นอนเพราะจากการแต่งตัวและเหล่าบอดี้การ์ดที่ยืนเฝ้าระวังอย่างแน่นหนา อภัสราจ้องตอบอีกฝ่ายด้วยสายตาที่ไม่พอใจก่อนจะหันกลับมามองที่โต๊ะเมื่ออาหารถูกนำมาวางเอาไว้บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว

“น่าทานจังเลยนะคะเอริคขา” เจนจิรากรีดนิ้วหยิบช้อนและซ้อมขึ้นมา อภัสรามองอาการดัดๆของอีกฝ่ายแล้วก็ลอบถอนใจแล้วก็อดที่จะมองไปทางโต๊ะที่มีสายตาคู่นั้นจ้องมองมาไม่ได้ และก็ปรากฏว่าเขายังจ้องเธออยู่ “เสียมารยาทที่สุด” หญิงสาวพึมพำออกมาดังๆแล้วหันกลับมา เอริคและเจนจิราเงยหน้าขึ้นมองหน้าหญิงสาวพร้อมกัน

“ว่าใครหรือภัส” เอริคขมวดคิ้วอย่างสงสัย

“ก็ผู้ชายตรงนั้นไงค่ะ ที่จ้องมาทางโต๊ะเรา ดูสิจ้องราวกับว่าเราไปทำผิดอะไรไว้ เสียมารยาทที่สุด” เธอหันกลับไปมองตาขวาง เอริคหันไปมองแล้วก็ต้องหน้าซีดลงก่อนจะฝืนยิ้มน้อยๆให้น้องสาว “อย่าไปสนใจเลยภัส เรื่องของเขา เขาคงอิจฉาพี่ที่ควงสาวสวยมาถึง 2 คน ฮ่า ฮ่า” เขาฝืนหัวเราะกลบเกลื่อน

“แต่เขาก็หล่อมากเลยนะคะ ท่าทางจะรวยใช่เล่น ดูสิมีคนคุ้มกันอยู่รอบตัวเลย” เจนจิราหันไปมองแล้วส่งสายตาเชิญชวนไปให้ เอริคไม่ได้แสดงอาการหึงหวงแต่อย่างใดได้แต่มองนิ่งแล้วรีบหันกลับมา ทุกกิริยาของพี่ชายที่แสดงออกมาทำให้อภัสรามองด้วยแววตาแปลกใจ เธอรู้ดีว่าเอริคเป็นคนที่ห่วงของมากและถ้าเป็นผู้หญิงด้วยแล้วมีหรือที่จะแสดงอาการนิ่งเฉยแบบนี้

“พี่เอริค” หญิงสาวเรียกพี่ชายเบาๆ ทำให้เขาเงยหน้าขึ้นมองหน้าน้องสาว “ดูท่าทางพี่จะกลัวๆผู้ชายคนนั้นนะ พี่รู้จักเขาหรือ” เธอหรี่ตามองเขา

“ปะ..เปล่า พี่ไม่รู้จัก ทานเถอะอย่าไปสนใจเลย” เอริคก้มหน้าลงจัดการกับอาหารตรงหน้าโดยไม่สนใจสิ่งใดอีก เจนจิราหันกลับมามองคู่ควงของตนเองพร้อมกับยักไหล่น้อยๆแล้วก็ทานสลัดของตัวเองต่อ แต่อภัสรารู้สึกอึดอัดกับสายตาที่จ้องมองอย่างไม่ยอมคลาดสายตา

“ภัสทานไม่ลงแล้ว ขอตัวออกไปเดินเล่นที่ดาดฟ้าเรือนะคะ” หญิงสาวบอกพร้อมกับลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากห้องอาหาร

สายลมเย็นๆพัดเข้ามาปะทะกับใบหน้าและพัดให้เส้นผมดำสนิทยาวตรงของอภัสราปลิวไปด้านหลัง หญิงสาวยกมือชูขึ้นเหนือหัวแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆพร้อมกับหลับตาลงด้วยความผ่อนคลาย เธอไม่ค่อยรู้สึกสบายและผ่อนคลายแบบนี้มานานมากแล้ว ทุกวันของเธอต้องครุ่นคิดอยู่กับการหาเงินและหาเงินเท่านั้น แม้แต่เรื่องส่วนตัวของเธอเองก็ไม่มีแม้แต่เวลาที่จะคิดด้วยซ้ำไป

“ดูท่าทางคุณจะชอบทะเลมากนะครับ” เสียงห้าวทุ่มดังขึ้นทางด้านหลังของหญิงสาว และเมื่อเธอหันไปก็ต้องหน้าบึ้งขึ้นมาทันทีเมื่อชายที่ยืนอยู่นั้นและเป็นผู้กล่าวทักเธอคือคนๆเดียวกับที่นั่งจ้องมองมาทางโต๊ะที่เธอนั่งอยู่ในห้องอาหารนั่นเอง คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเมื่ออีกฝ่ายพูดภาษาไทยได้อย่างชัดเจน อาเหม็ดมองสำรวจไปทั่วเรือนร่างบางในชุดกระโปรงยาวติดกันสีน้ำทะเล เขาไม่รู้เลยว่าสายตาของเขาทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจมากแค่ไหน

“ดูท่าทางของคุณจะไม่ชอบผมเอาเสียเลย” เขากระตุกยิ้มเล็กน้อย แต่ก็ทำให้ชายหนุ่มมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น อภัสราไม่ตอบได้แต่ยืนมองเขาตาขวางก่อนจะเดินหนีเขามาดื้อๆ แต่หญิงสาวก็เดินห่างมาได้เพียงสองก้าวเท่านั้นก็ต้องเซถลาเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของชายแปลกหน้า

“นี่คุณ ปล่อยฉันนะ ไม่งั้นฉันจะร้องให้คนช่วย” เธอตวาดเสียงแหวใส่เขา แต่แทนที่เขาจะกลัวกลับหัวเราะอย่างชอบใจ “ฮึ ฮึ ฮึ บนนี้มีแค่คุณกับผมเท่านั้น” หญิงสาวมองไปรอบๆก็เห็นว่ามันเป็นจริงอย่างที่เขาพูด แต่เมื่อครู่เธอแน่ใจว่ามีคนอยู่บนนี้เกือบสิบคนเห็นจะได้แต่ทำไมตอนนี้ไม่มีใครเลยล่ะ

“คนอย่างผมไม่มีใครกล้ามาสั่งผมได้” เขาจ้องมองเธอด้วยใบหน้านิ่งเฉย สายตาคมกริบของเขาทำให้อภัสราหนาวเยือกไปทั้งตัว

“คุณต้องการอะไร ฉันแน่ใจว่าเมื่อครู่ในห้องอาหารคุณก็นั่งจ้องมองฉันอยู่” เธอถามเขาพร้อมกับดิ้นรนเพื่อให้หลุดจากอ้อมแขนแข็งแกร่งของเขา กลิ่นโคโลญอ่อนปะทะเข้ากับจมูกของเธอ กลิ่นที่หญิงสาวไม่เคยรู้จักและมันทำให้รู้สึกสบายอย่างแปลกประหลาด

“คุณคิดเข้าข้างตัวเองไปหรือเปล่า ผมอาจจะมองผู้หญิงอีกคนหนึ่งอยู่ก็ได้” คำพูดของเขาเหมือนกับตบหน้าเธออย่างแรง ริมฝีปากเรียวเม้มเข้าหากันโดยอัตโนมัติ “ถ้าเป็นแบบนั้นก็ต้องเสียใจกับคุณด้วยเพราะเธอเป็นคู่ควงกับพี่ชายของฉัน”

“แต่เงินสามารถซื้อทุกอย่างได้ แล้วคุณจะได้เห็น” อาเหม็ดบอกพร้อมกับปล่อยหญิงสาวออกจากอ้อมแขนอย่างเสียดาย และจังหวะที่เขายังไม่ทันตั้งตัวนี้เอง ฝ่ามือเรียวบางก็ฟาดลงไปบนใบหน้าคมคายของเขาเต็มแรง

เพียะ!!!