บท
ตั้งค่า

3:สตรีโง่งมกับบุรุษตาบอด (2)

“ท่านประมุข ท่านฮูหยิน หลินหลิงขอฝากเนื้อฝากตัวกับพวกท่านด้วยนะเจ้าคะ” ร่างบางเอ่ยพลางย่อตัวทำความเคารพคนทั้งสองด้วยความนอบน้อม ที่นางไม่เรียกท่านพ่อท่านแม่ เพราะคิดว่ายังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม

เมื่อไม่มีเสียงตอบรับนางก็หันไปพูดกับคุณชายใหญ่และคุณชายรองต่อ

“คุณชายใหญ่ คุณชายรอง...”

“มิต้องมากพิธีหรอกน้องสะใภ้ ต่อไปก็เรียกข้าว่าพี่ใหญ่แบบที่อาซาเรียกเถอะ” มิทันขาดคำ คุณชายใหญ่ก็เอ่ยแทรกขึ้นมาก่อน

“ส่วนข้าก็คือพี่รองของเจ้า ยินดีต้อนรับสู่สกุลซือของเรานะ… หลินเอ๋อร์” คุณชายรองกล่าวบ้าง ซึ่งคำพูดของทั้งสองคนสร้างความฉงนให้ประมุขกับฮูหยิน และสร้างความไม่พอใจให้แก่คุณชายสามเป็นอย่างมาก

ไยพี่ชายของข้าถึงดูชื่นชมนางนัก!?

ทั้งที่นางได้แต่งเข้ามาก็เพราะใช้วิธีต่ำช้าแท้ๆ

พวกท่านเป็นพี่ชายใครกันแน่!

“เจ้าค่ะ” เซียวหลินหลิงคลี่ยิ้มบางๆ ก่อนย่อตัวให้ทั้งคู่

อย่างน้อยท่ามกลางพนาอันเคว้งคว้างนี้ ก็ยังมีพฤกษาสองต้นที่พอจะเป็นที่พักพิงให้แก่นางได้...

‘ซือหยางซี’ พี่ใหญ่ผู้เจนสนามรบ มีรูปร่างสูงกำยำ ผิวคล้ำเข้มตามประสาคนที่อยู่กลางแจ้งบ่อย เจ้าของใบหน้าคม รับกับดวงตาเหยี่ยวสีเทาเข้มซึ่งเห็นความตายในสนามรบมานับไม่ถ้วน แม่ทัพใหญ่คุมกองกำลังประจำการที่ชายแดนทางทิศตะวันออก

ส่วน ‘ซือหยินซู’ พี่รองผู้มีรูปร่างที่เตี้ยกว่าพี่ใหญ่และน้องสาม แต่มีใบหน้ารูปไข่และเครื่องหน้าที่หวานยิ่งกว่าอิสตรี ผิวขาวราวหิมะ ดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้มที่ส่องประกายขี้เล่นตลอดเวลา มีศักดิ์เป็นถึงองครักษ์เสื้อแพร ที่มีหน้าที่อารักขาองค์รัชทายาทตงจวิ้นหวง ซึ่งตอนนี้หลายมาเป็นฮ่องเต้ของแคว้นอย่างใกล้ชิด

นี่คือสิ่งที่ทุกคนรู้กัน แต่อาจมีอะไรมากกว่านั้นก็เป็นได้…

ทว่าก็เป็นเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ เพียงแค่วันเดียว...

ใช่... ฟังมิผิดหรอก แค่วันเดียวหลังจากที่เพิ่งพบหน้ากัน!

ทั้งพี่ใหญ่พี่รองต่างก็ต้องแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตน

ซือหยางซีเดินทางกลับไปยังชายแดนทิศตะวันออก...

ซือหยินซูเดินทางเข้าวังหลวงเมืองฉางอันตามรับสั่งของฮ่องเต้…

แต่เซียวหลินหลิงก็หาได้รู้สึกอ้างว้างไม่ เพราะทำใจไว้แล้วว่าต้องเจอเช่นนี้ เพียงแค่ตอนแรกนึกดีใจที่อย่างน้อยก็ยังมีคนยอมญาติดีกับนาง ดังนั้นทุกวัน นางก็จะเริ่มปฏิบัติภารกิจพิชิตใจทุกคนทันที...

เริ่มจาก... ตื่นมาตั้งแต่ยามเหม่า[1]เพื่อมาทำธุระส่วนตัวแล้วตรงไปยังเรือนของพ่อแม่สามีเพื่อทำความเคารพ ซึ่งสิ่งที่ได้รับกลับมาจะมีเพียงความเย็นชา...

แต่ไม่เป็นไร... นางเข้าใจว่าพวกเขายังโกรธอยู่

ล่วงยามสายก็ให้ชิงปี้ไปตลาด ซื้อวัตถุดิบมาแล้วเข้าครัวทำขนมไปแจกจ่ายให้ทุกคนในจวน ถึงท่านประมุขกับซือฮูหยินจะไม่รับ หรือคุณชายสามให้จุ้นเผิงรับมาเททิ้ง อย่างน้อยก็มีบรรดาบ่าวที่เอาขนมของนางไปกิน (แม้หลังจากนั้นพวกเขาจะมึนตึงใส่นางก็เถอะ เซียวหลินหลิงจึงไม่กล้าไปเสวนาด้วยนับแต่นั้นมา)

นอกจากนี้นางยังเสนอตัวไปช่วยแม่สามีทำงานฝีมือเย็บปักถักร้อยต่างๆ นานา ถึงอีกฝ่ายจะไล่นางกลับเรือนไป๋หลานฮวาก็เถอะ ร่างบางก็ไม่หวั่น ด้วยถือคติว่า

‘วันนี้ไม่สำเร็จมิเป็นไร พรุ่งนี้ยังมีโอกาส’

วันเวลาผ่านไป... เซียวหลินหลิงยังคงเพียรทำเช่นนี้กับครอบครัวของสามี

จนในที่สุดท่านประมุขซือห้าวโจวก็ยอมรับการคารวะจากนาง ทำให้    ซือฮูหยินพลอยยอมรับไปด้วย ทว่ายังไม่ยอมให้นางเข้ามาช่วยปรนนิบัติอยู่ดี แถมดูแล้วคล้ายถูกใจชิงปี้มากกว่านางเสียอีก เห็นให้คนมาตามไปพูดคุยกันบ่อยเหลือเกิน

แต่คนที่นางเพิ่มความใส่ใจมากที่สุดก็ไม่มีทางพ้นซือหยวนซาหรอก!

กับบุรุษผู้นี้ เซียวหลินหลิงนั้น

ทั้งทำของคาวไปให้...

ทำของหวานไปให้...

ปักถุงหอมไปให้...

ถักพู่ห้อยป้ายหยกประจำตระกูลไปให้...

ซื้อหนังสือที่เขาน่าจะชอบให้...

ชวนเล่นต่อบทกวี...

ชวนทายปริศนาโคมไฟ[2]ในเทศกาล...

ชวนถอดรหัสจากภาพวาด...

ชวนไปปีนเขาเดินป่า...

เป็นเวลาสามปี ที่นางอดทนทำทุกอย่างให้ด้วยความรักและความจริงใจ

ซึ่งตลอดสามปี… ไม่เคยมีสักครั้งที่จะได้รับการตอบรับที่ดีจากอีกฝ่าย...

คุณชายสามปฏิเสธทุกอย่างจากนาง โดยเฉพาะกิจกรรมที่นางชวน   เขาทำ แม้มันจะเป็นสิ่งที่เขาชอบมากก็ตาม เรื่องร้ายแรงที่สุดคือการที่เขาเทเสี่ยวหลงเปาที่นางตั้งใจปั้นสุดฝีมือลงพื้น แล้วกระทืบจนเหลือแต่ซากที่ดูไม่ออกว่าเคยเป็นอะไรต่อหน้านาง!

...เสี่ยวหลงเปาเข่งนั้นถูกท่านเหยียบย่ำจนแหลกลาญเช่นไร

หัวใจของข้าราวกับถูกเหยียบย่ำจนแหลกลาญไม่ต่างกัน...

แม้จะเสียใจแค่ไหน เซียวหลินหลิงก็ไม่เคยนั่งร้องไห้ฟูมฟาย... มากสุดก็น้ำตาคลอแล้วรีบปาดทิ้งก่อนจะมีผู้ใดมาเห็น กระนั้นนางก็ยังพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เขาเปิดใจ...

ร่างบางอดทนอยู่แบบนี้มาถึงสามปี กระทั่งเกาเชียนจือต้องแต่งเข้าไปเป็นอนุคนที่สิบสี่ให้แก่สือหลี่ม่ออย่างจำใจด้วยไม่มีทางเลือกอื่น เซียวหลินหลิงจึงวางใจและยอมคืนอิสรภาพให้เขา

เพียงแต่…

ซือหยวนซา... ข้าใคร่อยากถามท่านสักคำ...

เป่ยพูและเมืองใกล้เคียงมีสตรีเป็นร้อยที่ข้ามั่นใจว่าถึงไม่เพียบพร้อมเท่าข้า แต่ก็พร้อมที่จะรักและซื่อสัตย์กับท่าน ทั้งยังไม่ทำตัวเยี่ยงคนที่ท่านรัก

ไยท่านกลับไปหลงรักเกาเชียนจือ สตรีที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ด้านสัมพันธ์ข้ามคืน จนไม่มีใครอยากแต่งนางเข้าจวนไปเป็นฮูหยินเอก!?

ท่านตาบอดหรือ!?

แต่...

หากท่านตาบอด ข้าก็คือคนโง่งมที่ไปหลงรักคนตาบอดเช่นท่าน...

สตรีโง่งมกับบุรุษตาบอด…

สมกันดีแท้...

หึ...

ที่ข้าว่าสมกัน...

หมายถึง...

น่าสมเพชทั้งคู่!!!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel