3ภาพแห่วงความขมขื่น
ภาพแห่งความขมขื่นลอยวน ถึงแม้ว่าจะผ่านมาเป็นสิบปีแล้ว ความทรงจำเก่า ๆ มันก็เหมือนเพิ่งผ่านมาเมื่อวาน
สำหรับราเมศแล้วภาพจำยังชัดเจน เขาไม่เคยลืมว่ามารดาของเขาต้องเจ็บปวดและทุกข์ทรมานมากเพียงใด กับสิ่งที่บิดาทอดทิ้งเขาและแม่อย่างไม่ไยดี
“อันนา” มือหนาเลื่อนไปกุมมือบางของเธอเบา ๆ เขารู้มาตลอดว่าอันนามีใจให้เขาและรักเขามาก และนั่นมันเป็นผลดีที่เธอเดินตามเกมที่เขาวางไว้ และต่อจากนี้เป็นต้นไปราเมศจะใช้เธอเป็นเครื่องมือ
เขาว่ากันว่าการรอคอยมันมักจะคุ้มค่า เขารอมานานจะได้เอาคืนสักที
“คะ” ราเมศมองร่างบางของหญิงสาว ตอนนี้อันนาสวยกว่าเดิมมาก เธอในตอนนี้เป็นสาวสะพรั่ง ชายใดที่ได้มองก็ต้องตกหลุมรักในความงดงามของเธอ
“อันนารู้สึกรักเมศเหมือนเมศรักอันนาไหม?” คำพูดแสนหวานของชายคนรักที่เอื้อนเอ่ยออกมา อันนารู้สึกปลื้มหัวใจเป็นอย่างมาก เธออยากให้เขาพูดคำนี้กับเธอในทุก ๆ วัน และอยู่เคียงข้างจับมือกันตลอดไป
นี่ไม่ใช่คำบอกรักครั้งแรก ตลอดหลายปีที่ผ่านมาอันนาได้ฟังมาตลอด และเธอก็รู้สึกดีใจที่ได้ฟังทุกครั้ง
“รักสิ รักหมดหัวใจของอันนาเลย”
“วันนี้ไปดูคอนโดของเมศไหม?” ราเมศปล่อยมือบางเเล้วเอนกายพิงพนักพิง นัยน์ตาคมกริบจ้องมองคนร่างเล็กไม่วางตา
“คอนโดเหรอคะ?” อันนาเอ่ยถาม เธอไว้ใจราเมศมากกว่าใครทั้งหมด ไว้ใจมากกว่าน้องชายของเธอเสียอีก
“ใช่ พอดีเมศซื้อคอนโดใหม่ อยากให้อันนาไปดู”
“งั้นอันนาไปตอนเย็นได้ไหมคะ อันนาอยากอยู่ดูพ่อก่อน”
“ได้สิ งั้นเมศกลับไปทำงานก่อนนะ” ร่างหนาลุกขึ้นหันหลังจะเดินออกไป
“เมศจะมารับอันนาจริงๆใช่ไหม?” อันนาเอ่ยถามเพราะจับอาการผิดปกติของชายหนุ่มได้ เธอรู้สึกเหมือนเขาเปลี่ยนไป ถึงแม้จะไม่ค่อยแน่ใจก็ตาม
“มาสิ เมศต้องมารับคนสำคัญอยู่แล้ว” ราเมศยิ้มให้อันนาแล้วหันไปแสยะยิ้มมุมปากเดินออกไป เป็นจังหวะเดียวกันที่เจนจิราเดินเข้ามา
“เอ้าเมศกลับแล้วเหรอ”
“อืม มีงานที่ต้องไปเคลียร์น่ะ” เขาตอบแล้วก้าวย่างออกไปอย่างรวดเร็ว
“ยัยอันนาแกเป็นไรนี่” เจนจิราเอ่ยถามเพื่อนสนิทที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่บนโซฟา
“ไม่มีอะไรหรอก ว่าแต่แกไม่ได้ทำงานเหรอวันนี้”
“ฉันลาน่ะ เมื่อวานฉันเหนื่อยมาก วันนี้เลยหยุด”
“อืม เดี๋ยวอันขึ้นไปหาพ่อก่อนนะ”
“พ่อแกเป็นไร ทำไมต้องไปดู”
“ประสบอุบัติเหตุ แต่ฉันก็ไม่ได้ถามหรอกนะว่าท่านไปประสบอุบัติเหตุอะไรมา ตอนนั้นมันตกใจมันทำตัวไม่ถูก แต่ตอนนี้ตั้งสติได้แล้วและจะขึ้นไปหาพ่อสักหน่อย”
“อืม งั้นฉันไปด้วย”
“ว่าแต่ราเมศเขาไปทำงานมีสาวๆบ้างไหม”
“พวกผู้หญิงอะ เห็นผู้ชายหล่อๆเป็นไม่ได้ แต่แกวางใจเถอะ ฉันจะคอยสอดส่องให้แกเอง”
“ไม่เป็นไรหรอก พรุ่งนี้ฉันก็ได้ไปทำที่บริษัทเดียวกันกับราเมศแล้ว ฉันจะไปดูแลเขาเองฉันจะไม่ให้ผู้หญิงคนไหนเข้ามายุ่งวุ่นวายกับเขา ขอบใจนะที่คอยสอดส่องให้ฉันอยู่ตลอด”
“อืม” เจนจิราพยักหน้าแล้วเดินตามอันนาขึ้นไปบนบ้านเพื่อเยี่ยมอาการพ่อของเพื่อนสนิท
ด้านราเมศเขาขับรถหรูตรงไปที่บริษัทที่เขาทำงานอยู่ เป็นบริษัทของคนที่เขาเกลียดเขาบริหารงานจนบริษัทปั้นจั่นได้กำไรมหาศาล อีกไม่นานเขาจะทำลายมันด้วยมือของเขาเอง
ปั้นจั่นจะได้รับรู้รสชาติของการถูกทรยศหักหลังมันเป็นยังไง
ครืด! ครืด!
โทรศัพท์ของเขามันกรีดร้องราเมศหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับ
“ครับแม่”
(“งานเยอะไหมลูก”)
“ผมเพิ่งออกจากบ้านไอ้ปั้นจั่นมาครับ”
(“แล้วพ่อเอ่ยเรื่องราวเก่า ๆ ให้ฟังบ้างไหม?)
“...”
(“คงไม่สินะ”)
“...”
“แม่อย่าเสียใจไปเลย เขาไม่เห็นค่าเรา ไม่เคยคิดว่าเรามีตัวตน ผมจะให้บทเรียนพวกมันเอง”
(“มันถึงเวลาแล้ว ลูกควรทำอะไรสักที”)
“ผมทำแน่นอน” ราเมศกดวางสายแล้วขับรถไปจอดที่ลานจอดรถ ร่างสูงเดินตรงเข้าไปในบริษัทท่ามกลางพนักงานที่ทำความเคารพเขา
นี่แค่เป็นผู้บริหารเขายังมีคนเคารพขนาดนี้ ถ้าบิดาไม่ทิ้งเขาไป เขาก็คงจะเป็นทายาทตระกูลนี้ไม่ต่างจากอันนาและคชา
“เขาหย่อนกายลงนั่งเก้าอี้พร้อมกับดูเอกสารกองโตที่เจนจิราเลขาสาวเอามาไว้ให้ เขาอ่านดูแล้วจรดปากกาเซ็นเอกสารไม่นานนักมันก็เสร็จเรียบร้อย ราเมศเดินไปเอนกายลงนอนบนโซฟาตัวยาว มือหนากดโทรศัพท์ส่งข้อความหาใครบางคน
ผ่านไป30นาที
มือเรียวเล็กก็เปิดประตูเข้า ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มอย่างมีความสุข ท่อนขาเรียวสวยเดินกรีดกรายเข้าไปหาชายหนุ่ม
“เมศคะ” หญิงสาวร่างบอบบางหย่อนกายลงนั่งพลางใช้มือลูบไปที่แผงอกกว้างอย่างยั่วยวน
“ช่วยทำให้ฉันหายเหนื่อยหน่อยสิ” ประโยคที่ราเมศเอ่ย ทำเอาคนที่ได้รับฟังส่งยิ้มยั่วยวน เธอลุกขึ้นแล้วถอดชุดของตัวเองออกทีละชิ้นละชิ้น ราเมศเห็นท่าทางของเธอเขาก็รีบลุกขึ้นนั่ง
“วันนี้เมศต้องชอบแน่นอน”
