บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 6 กลืนน้ำลาย

@ โรงแรมหรูใจกลางเมือง

งานฉลองมงคลสมรสของเธียร์วิชทร์และชามาถูกจัดขึ้นอย่างหรูหรา ภายในงานเลี้ยงถูกจัดขึ้นเหมือนดั่งสรวงสวรรค์ รวมไปถึงเจ้าสาวป้ายแดงในงานเช่นกัน

ชามาสวยราวกับนางฟ้าลงมาจุติยังโลกมนุษย์ หญิงสาวอยู่ในชุดเจ้าสาวขาวสะอาดฟูฟ่อง ใบหน้าถูกแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางราคาแพงยิ่งทำให้เธอดูสวยสะดุดตา

“ยายชา วันนี้แกสวยมาก” เสียงแหลมของมุกดาเอ่ยชมเพื่อนสาวของตัวเองไม่ขาดปาก

“ชมเกินไปแล้ว”

“ฉันเห็นด้วยกับยายมุกดา” เพทายเพื่อนสนิทของชามาเอ่ยชมเพื่อนสาวอีกคน ความสวยของชามาในวันนี้เรียกสายตาของแขกที่มาร่วมงานได้เป็นอย่างดี

“เจ้าบ่าวแกไปไหนล่ะ” มุกดาหันซ้ายแลขวามองหาเจ้าบ่าวของเพื่อนรักที่ยังคงเดินทางมาไม่ถึงแบ็กดรอปถ่ายรูปหน้างานที่ตอนนี้เริ่มมีแขกทยอยเข้ามาในงาน

“ยังไม่มา”

“แกโอเคใช่มั้ย?” เพทายลูบแผ่นหลังบางของชามาเหมือนกำลังปลอบใจหญิงสาวไม่ปาน

“โอเคสิ พวกแกก็รู้ว่า ทำไมพี่เธียร์ถึงต้องยอมแต่งงานกับฉัน” เธอไม่มีสิทธิ์อะไรที่สามารถพูดคำว่า ไม่โอเค เรื่องที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้เกิดจากความต้องการของผู้ใหญ่ล้วน ๆ แถมเจ้าบ่าวของเธอยังดูเกลียดเธอเข้าแล้ว

“ฉันเชื่อว่าสักวันพี่เธียร์เขาต้องหลงรักแก” มุกดาเองก็เอ่ยให้กำลังใจชามา เมื่อเห็นเพื่อนสาวกำลังยิ้มหน้าเจื่อนแฝงไปด้วยความเศร้า

“พูดอะไรของแก พี่เธียร์เกลียดฉันจะตายไป”

“คุณเธียร์เขาคงไม่ร้ายกับเมียตัวเองหรอก”

“หลังจากแต่งงาน ฉันต้องรีบทำงานหาเงิน เพื่อคืนอิสระให้กับพี่เธียร์ให้เร็วที่สุด” แววตาที่ทอประกายความเจ็บปวดออกมา ทำให้เพื่อนรักของเธอสัมผัสได้ถึงความรู้สึกข้างในใจของชามาได้เป็นอย่างดีจึงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

“พูดแบบนี้ออกมาไม่เจ็บใช่มั้ย”

“ไม่หรอก แค่นี้ก็ถือว่าดีมากแล้ว” ชายหนุ่มที่หญิงสาวหลงรักมาตั้งแต่เด็ก จนมาตอนนี้ผู้ชายที่เธอหลงรักกลับกลายมาเป็นเจ้าบ่าวของเธออย่างไม่คาดคิด

“ตาเธียร์ยิ้มหน่อยสิลูก” คุณหญิงเขมิกาเอ่ยลอดไรฟันกระซิบเตือนลูกชายของตัวเองที่กำลังยืนทำหน้าเรียบเฉยอยู่ข้าง ๆ เจ้าสาวคนสวย

“ผมเบื่อแล้ว ขอตัวไปดื่ม” ร่างสูงเดินเข้าไปภายในงานเลี้ยงทันที โดยไม่หันมามองเจ้าสาวป้ายแดง และผู้เป็นมารดาเลยสักนิด

“หนูชามา แม่ขอโทษแทนพี่เธียร์ด้วยนะลูก” เมื่อคุณหญิงเขมิกาเห็นการกระทำของเธียร์วิชทร์ที่กระทำใส่ชามา คุณหญิงรีบเข้าไปขอโทษลูกสะใภ้ด้วยใบหน้าที่ดูเห็นใจหญิงสาวไม่น้อย

“ไม่เป็นอะไรค่ะ พี่เธียร์คงเหนื่อย” ชามายิ้มหวานส่งให้แม่สามีป้ายแดงของตัวเอง หญิงสาวไม่ถือสา หากเธอได้รับการกระทำแบบนี้จากเธียร์วิชทร์

“หลังจากนี้ แม่อยากให้หนูใจเย็น อดทนนะลูก” คุณหญิงเขมิกาลูบแขนเล็กของชามาเหมือนกำลังปลอบประโลมหญิงสาว สายตาของคุณหญิงดูเอ็นดูชามาไม่น้อย

“ค่ะคุณแม่ ชาต้องขอบคุณคุณแม่นะคะที่เอ็นดูชา”

“มาเป็นลูกสาวของแม่อีกคนนะลูก” คุณหญิงเขมิกาที่อยากมีลูกสาวมาก่อนหน้านี้ เอ่ยบอกกับลูกสะใภ้ของตัวเอง นับตั้งแต่วันนี้ เธอได้รับผู้หญิงที่ชื่อชามาเป็นลูกสาวอีกคน

“ไอ้เชี่ยเธียร์ แดกเหล้าเหมือนแดกน้ำเปล่า คืนนี้มึงต้องเข้าห้องหอนะเว้ย” เสียงเข้มของอัทธ์เอ่ยเตือนเจ้าบ่าวป้ายแดงที่กำลังนั่งกระดกแก้วเหล้าเข้าปากอึกแล้วอึกเล่า

“ก็กูอยากเมาไง”

“กูขี้เกียจแบกมึงไปให้เจ้าสาวนะเว้ย”

“กูจะกลับไปนอนคอนโด”

“ได้ไงวะ? วันนี้คืนเข้าหอ”

“ชีวิตกูต้องขึ้นอยู่กับคนอื่นด้วยเหรอ? กูจะทำอะไรจะไปไหน ก็ต้องบอกต้องแคร์ใครด้วยเหรอ”

“เมื่อก่อนอาจจะใช่ แต่ตอนนี้มึงแต่งงานแล้ว” อัทธ์ย้ำสถานะของเธียร์วิชทร์ให้เจ้าตัวอีกครั้ง

“กูไม่สน” เธียร์วิชทร์ตอบกลับอัทธ์เสียงเข้ม ใบหน้าหล่อเหลาประกายความหงุดหงิดออกมาจนอัทธ์ต้องยอมยกธงขาวให้

“งั้นมึงก็แดกไปเถอะ ถ้าเหล้าจะทำให้มึงรู้สึกดี” ประโยคประชดประชันของอัทธ์เรียกสายตาคมจากเธียร์วิชทร์ได้เป็นอย่างดี

“กูรู้สึกแย่ตรงไหน?” ถ้าหากการแต่งงานในครั้งนี้ต้องมีใครคนใดคนหนึ่งรู้สึกแย่ คนคนนั้นคงไม่ใช่เขาแน่นอน

“กูขี้เกียจจะเถียงกับมึง” อัทธ์ถึงกับส่ายศีรษะเบา ๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความเอือมระอา ก่อนที่เขาจะยกแก้วเหล้าสีอำพันขึ้นดื่ม

“กุลไม่มางานแต่งไอ้เธียร์เหรอ” ชวินทร์ที่พึ่งกลับจากห้องน้ำเดินมานั่งเก้าอี้ว่างพร้อม

กับเอ่ยถามเพื่อนรักด้วยความสงสัย ปกติเห็นกุลภรณ์สนิทกับเธียร์วิชทร์จะตายไป

“กุลติดงานต่างประเทศ” เป็นอัทธ์ที่ตอบคำถามของชวินทร์ เพราะหากรอคำตอบจากเธียร์วิชทร์คืนนี้คงไม่ได้คำตอบ

“นี่มึงเสียใจที่เจ้าสาวไม่ใช่กุลอย่างนั้นเหรอ” ชวินทร์เอ่ยถามด้วยความสงสัย ถึงแม้ว่าพวกเขาจะสนิทกัน แต่ก็ใช่รู้ทุกเรื่อง ยิ่งเรื่องหัวใจของเธียร์วิชทร์ ชายหนุ่มยิ่งไม่พูดถึง

“เกี่ยวอะไรกับกุล” หัวคิ้วเข้มขมวดกันเป็นปม เต็มไปด้วยความสงสัยและงุนงงกับประโยคคำพูดของชวินทร์

“อ้าว!! กูก็คิดว่าที่นั่งแดกเหล้า ย้อมใจ เพราะไม่ได้แต่งงานกับกุล” ชวินทร์เอ่ยพูดความคิดของตัวเองออกมา

ถึงแม้ว่าเธียร์วิชทร์จะแต่งงานเพราะคำสั่งของคุณปู่ ซึ่งเขาก็คิดว่า การแต่งงานในครั้งนี้ไม่ได้แย่ อีกอย่างเจ้าสาวของเพื่อนรักไม่ได้ขี้เหร่จนน่าหนักใจแถมยังสวยราวกับนางฟ้าอีกต่างหาก

“มึงอย่าบอกนะไอ้เธียร์ ว่ามึงชอบกุล”

ชามาที่ยืนอยู่ด้านหลังของทั้งสามหนุ่ม หญิงสาวได้ยินทุกประโยคที่ผู้ชายทั้งสามสนทนากัน โดยที่ทั้งสามหนุ่มไม่ทันได้สังเกตจึงเผลอหลุดพูดถึงผู้หญิงอีกคนอออกมา

“ไอ้เชี่ย!! มึงชอบกุลจริง ๆ เหรอวะ” ประโยคคำถามที่ไร้คำปฏิเสธจากเธียร์วิชทร์ ทำให้อัทธ์ที่สงสัยจึงเอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้ง

“ชอบเชี่ยอะไร กูคิดกับกุลแค่เพื่อน” เธียร์วิชทร์ตอบกลับเพื่อนด้วยน้ำเสียงยานคาง นี่คงเป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มเมามายขนาดนี้

“แล้วที่มึงเงียบ” ชวินทร์เอ่ยถามด้วยความสงสัยกับจังหวะที่เธียร์วิชทร์เงียบ เหมือนยอมรับในคำพูดของพวกเขา

“กูกำลังกลืนน้ำลายอยู่ กูจะอ้วก” น้ำลายอึกใหญ่จุกที่ลำคอหนา ทำให้เธียร์วิชทร์ต้องกลืนน้ำลายเหนียวลงคอครั้งแล้วครั้งเล่า

“ไอ้เชี่ยเธียร์ ทำกูตกใจ” อัทร์ถึงกับอุทานขึ้นด้วยความโล่งใจ

“มึงรู้ใช่มั้ย? ว่ากุลคิดยังไงกับมึง” ประโยคคำถามของชวินทร์ ทำให้เธียร์วิชทร์พยักหน้ารับ

“รู้” ชายหนุ่มตอบกลับประโยคสั้น ๆ ชายหนุ่มทราบมาโดยตลอดว่า กุลภรณ์คิดยังไงกับตัวเอง และแน่นอนว่าชายหนุ่มไม่อาจทำลายความสัมพันธ์ของเพื่อนได้ จึงทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นในสิ่งที่กุลภรณ์กำลังจะสื่อ

“แล้วมึงไม่คิดจะ...”

“ไอ้อัทธ์ มึงหยุดความคิดของตัวเองซะ!!” เธียร์วิชทร์ทราบดีว่าเพื่อนของตัวเองกำลังจะถามอะไร? ทำให้ชายหนุ่มต้องรีบพูดแทรกด้วยน้ำเสียงหนักแน่นขึ้นมาทันที

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel