บทที่ 8
ณ เรือนเจียวฝาง
“กรี๊ดดดด! ช่วยด้วยยยยย! พวกเจ้าที่อยู่ข้างนอกรีบมาช่วยข้าเดี๋ยวนี้”
เสียงกรีดร้องของอนุหลี่ดังออกมาจากในเรือนเล็กตอนที่นางกำลังนอนหลับอยู่ จู่ ๆ รู้สึกเหมือนมีอะไรขยับไปมารอบตัวนางใต้ผ้าห่ม จึงเรียกบ่าวที่ยืนอยู่หน้าห้องให้เข้ามาจุดโคม เพื่อดูว่ามีตัวอะไรอยู่ใต้ผ้าห่มกันแน่
เพียงแสงไฟสว่างขึ้นนางทั้งตกใจและขยะแขยง เพราะบนเตียงของนางเต็มไปด้วยกบตัวเล็กตัวใหญ่กระโดดไปมา นางรีบวิ่งออกจากห้องไปขอความช่วยเหลือ และคิดถึงตอนที่นางนอนอยู่บนเตียงกับเจ้าสัตว์มีเมือกพวกนั้น ก็ทนไม่ไหวจนต้องอาเจียนออกมา
“เสียงดังเอะอะอะไรกันตอนนี้นี่มันเป็นเวลาพักผ่อน อาจิวเจ้าไปดูหน่อยซิว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น” ฮูหยินเอกสั่งสาวใช้คนสนิททันทีที่นางก้าวเข้ามาในห้องเพียงไม่นานอาจิวก็กลับมา
“เรียนฮูหยินในเรือนของอนุหลี่เกิดเรื่องเจ้าค่ะ ไม่รู้ว่าเหตุใดในห้องนอนของนางถึงมีกบเต็มไปหมด ฮูหยินจะไปดูที่เรือนของนางหรือไม่เจ้าคะ”
“อืม เข้ามาแต่งตัวให้ข้า” ฮูหยินเอกพูดขึ้นด้วยความเบื่อหน่าย ที่พักนี้ในจวนมีแต่เรื่องบ่อยเหลือเกิน
“อ้วก ๆ แหวะ พวกเจ้าช่วยกันจับออกไปให้หมด อย่าให้หลุดไปได้แม้แต่ตัวเดียวค้นให้หมดทุกซอกทุกมุม” อนุหลี่สั่งบ่าวไพร่อยู่หน้าเรือนทั้งยังคงอาเจียนออกมาด้วยความขยะแขยง
“เกิดอะไรขึ้นที่นี่ทำไมถึงได้มีกบกระโดดไปมามากมายเพียงนี้” เสียงของฮูหยินเอ่ยถามดังเข้ามา
“คารวะฮูหยินเจ้าค่ะ ข้าก็ไม่ทราบว่าพวกมันมาได้อย่างไรเจ้าค่ะ” อนุหลี่ตอบฮูหยินเอกที่มองสาวใช้ช่วยกันจับกบเหล่านั้น จู่ ๆ ก็มีเสียงของสาวใช้คนหนึ่งเอ่ยขึ้น ขณะที่ไล่จับกบอยู่บริเวณใต้เตียง เพราะสิ่งที่นางเจอมิใช่กบแต่เป็นสิ่งอัปมงคล
“นะ นี่ นี่มัน!” สาวใช้คนนั้นไม่กล้าพูดอะไร ทำเพียงหยิบสิ่งที่เจอใต้เตียงขึ้นมา ด้วยมือที่สั่นด้วยความกลัว
“ฮูหยินเจ้าคะ บ่าวเจอสิ่งนี้วางอยู่ใต้เตียงของอนุหลี่เจ้าค่ะ” นางยื่นของสิ่งนั้นให้กับฮูหยิน เมื่อรับของมาพิจารณาดูด้วยความตกใจ เพราะมันเป็นตุ๊กตาหุ่นตัวขนาดเท่าฝ่ามือ ตัวของตุ๊กตามีเข็มเงินปักไว้ทั่ว พร้อมกระดาษที่มีชื่อและเวลาตกฟากของนางอยู่บนตุ๊กตาตัวนั้น
“อนุหลี่ นี่เจ้า! นางสารเลวเลี้ยงไม่เชื่องเจ้ากล้าทำคุณไสยใส่ข้าเช่นนั้นหรือ เจ้าไปเอาความกล้ามาจากไหนถึงทำกับข้าแบบนี้” ฮูหยินเอกตะโกนด่าทอออกไปพร้อมกับตบไปที่ใบหน้าของอนุหลี่ทันที
“ฮูหยิน ข้าไม่ได้ทำจริง ๆ นะเจ้าคะ ข้าไม่รู้เรื่องจริง ๆ” อนุหลี่ที่นั่งอยู่กับพื้นพร้อมใช้มือกุมแก้มที่โดนตบไปเมื่อกี้เอ่ยขึ้น
“ที่ในห้องของเจ้ามีสัตว์สกปรกเข้ามา เพราะเรือนของเจ้ามันเต็มไปด้วยไออัปมงคล จากคุณไสยที่เจ้าทำใส่ฮูหยินอย่างไรเล่า” น้ำเสียงเย้ยหยันจากผู้มาใหม่ดังเข้ามา
“หุบปากของเจ้านะ อย่ามาใส่ความข้าต้องเป็นฝีมือของเจ้าแน่ ๆ เป็นเจ้าที่ใส่ร้ายข้าเพราะเจ้าชอบหาเรื่องข้ามาตลอด ใช่ ต้องเป็นเจ้าที่ทำเรื่องเช่นนี้” นางมองไปยังอนุเฉิงด้วยความเจ็บแค้นในใจ ไม่คิดว่าอนุเฉิงจะฉวยโอกาสนี้เล่นงานตน
‘หึ เรื่องที่เกิดขึ้นคงเป็นฝีมือของฮูหยินสินะ คิดว่าข้าจะยอมโดนลงโทษเพียงคนเดียวงั้นหรือ ไม่มีทาง ข้าจะลากเจ้าลงไปรับโทษกับข้าอนุเฉิง’
“ฮูหยินเจ้าคะ หากท่านไม่เชื่อข้าท่านลองไปค้นที่เรือนของอนุเฉิงดูสิเจ้าคะ อาจจะเจอหลักฐานก็เป็นได้เจ้าค่ะ” อนุหลี่เล่นงานกลับอีกฝ่ายด้วยแผนการเดียวกัน
“อาจิวเจ้าพาสาวใช้ส่วนหนึ่งไปค้นที่เรือนของอนุเฉิง ค้นให้ทั่วทุกมุมในเรือนแล้วมารายงานข้า รีบไปอย่าชักช้า”
“บ่าวทราบแล้วเจ้าค่ะ บ่าวจะรีบไปจัดการเดี๋ยวนี้”
ผ่านไปเพียงหนึ่งเค่ออาจิวก็กลับมา นางใช้หางตามองไปที่อนุเฉิงที่ทำหน้าตาดั่งคนที่ไม่กลัวความผิด นางเดินเข้าไปรายงานด้วยเสียงที่เบาโดยที่คนอื่นไม่ได้ยิน เมื่อสาวใช้คนสนิทรายงานจบลง ฮูหยินเอกก็หายใจอย่างแรงจนอกกระเพื่อม
“ดี! ช่างดีจริง ๆ คนนึงก็สารเลวแอบทำคุณไสยใส่ข้า ส่วนอีกคนก็ใจกล้าถึงกับขโมยของรักของหวงของข้า พวกเจ้าใจกล้ามากเกินไปแล้ว” ฮูหยินเอกตะหวาดออกมาด้วยความโมโหจนหน้าเปลี่ยนสี บ่าวไพร่ล้วนคุกเข่าก้มหน้าด้วยความกลัว
“หืม ขโมย??? ผู้ใดใจกล้าขโมยสิ่งของอะไรไปหรือเจ้าคะ” อนุเฉิงทำหน้าตาเหลอหลาถามขึ้นมา เพราะนางเองก็คาดไม่ถึงว่าจะถูกเล่นกลับ และยังไม่รู้ว่าเป็นฝีมือของผู้ใด
“ทำตัวเหมือนไม่รู้ความเล่นละครได้เก่งดีนี่ พวกสาวใช้ที่ไปค้นเรือนพบเจอสิ่งนี้ในห้องนอนของเจ้า ทีนี้เจ้าจะแก้ตัวว่าอย่างไร” อาจิวรอฮูหยินเอกพูดจบก็ยื่นปิ่นปักผม ที่เป็นของรักของหวงให้กับเจ้านายของตนทันที
“จะบอกว่าเจ้าไม่ได้ทำงั้นรึ หลักฐานก็อยู่ต่อเจ้าแล้วจะคิดหาข้อแก้ตัวเช่นไรอีก” ฮูหยินกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง พยายามระงับโทสะที่มีมิให้ลงมือทำร้ายอนุทั้งสอง
อนุเฉิงได้แต่คิดในใจ 'นางพลาดแล้ว ต้องเป็นฮูหยินเอกที่สร้างเรื่องเพื่อใส่ร้ายนาง เพราะนายท่านใกล้จะกลับมา ฮูหยินเอกถึงคิดหาวิธีมากีดกัน เพื่อไม่ให้นายท่านมาที่เรือนของพวกนาง ข้าจะจดจำเรื่องในวันนี้ไม่มีวันลืม เรื่องของอนุหลี่ไม่รู้ว่านางก่อขึ้นเอง หรือโดนฮูหยินใส่ร้ายก็ไม่อาจคาดเดาได้’
“ทำไมถึงเงียบไปล่ะอนุเฉิง หรือการเงียบของเจ้าคือการยอมรับงั้นรึ เมื่อทำความผิดก็ต้องรับโทษ พ่อบ้านหยางนำตัวอนุหลี่ไปโบยสามสิบไม้ งดเบี้ยหวัดและกักตัวอยู่ในเรือนเป็นเวลาครึ่งปี ส่วนอนุเฉิงโบยยี่สิบไม้ งดเบี้ยหวัดและกักตัวในเรือนเป็นเวลาสามเดือน”
พ่อบ้านหยางลากตัวอนุหลี่ออกไป แต่นางก็ยังร้องตะโกนขอความเมตตา ส่วนอนุเฉิงนางนิ่งเงียบมองฮูหยินด้วยสายตา ที่ไม่อาจเดาได้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
บนต้นไม้ติดกำแพงมีร่างของเด็กสาว เอนหลังพิงกับลำต้นขนาดใหญ่ชมละครของกลุ่มตรงหน้า พร้อมขนมขบเคี้ยวอย่างมีความสุข เมื่อการเอาคืนของนางปั่นหัวเหล่าภรรยา ที่อยากครอบครองสามีอย่างเสิ่นหมิงเหยียนไว้เพียงผู้เดียว ช่างสนุกจริง ๆ เลยวันนี้
‘หึ โดนลงโทษจากเรื่องที่ตนเองไม่ได้ทำบ้างรู้สึกอย่างไรเล่า’