ตอนที่8 จดหมายถึงหรงจ้าวไห่
วันต่อมาห้องส้วมก็ได้เริ่มสร้างด้วยแรงงานหลังจากพ่อและเพื่อนบ้านผู้ชายในวัยใกล้เคียงกับพ่อของเธอ หนึ่งในนั้นคือลุงจางและลุงหวังเหมยจิงบอกกับพ่อของเธอถึงรูปแบบห้องส้วมที่เธอต้องการเมื่อพ่อเข้าใจพวกเขาก็เริ่มลงมือทำ
ส่วนเหมยจิงวันนี้คิดว่าจะเข้าเมืองอีกสักครั้งเพื่อที่จะนำเสื้อกันหนาวออกมาขาย ในรอบนี้เธอตั้งใจนำมันออกมาถึง50ตัว หลังจากครั้งก่อนเธอค่อนข้างมั่นใจว่ามันต้องขายหมดอย่างแน่นอนเงินแค่สิบหยวนไม่ต้องใช้คูปองร่วมผู้คนย่อมมีความต้องการมัน
ระหว่างก่อนถึงตัวอำเภอเธอนำเสื้อกันหนาวออกมาจากมิติในพื้นที่ที่มั่นใจว่าลับตาคน เหมยจิงนำเสื้อมัดรวมไว้ก่อนใส่ไว้ในกระสอบป่านและมัดไว้บนท้ายรถจักรยานจะว่าไปแล้วปั่นจักรยานก็ทำให้รู้สึกเหนื่อยได้เหมือนกันแต่มันก็ไม่เหมือนวันแรกที่เข้ามาอยู่ในร่างนี้ ตอนนี้เธอรู้สึกมีพลังขึ้นมากเพราะช่วงนี้ร่างกายได้รับการบำรุงจากอาหารและอาหารเสริมที่ยอดเยี่ยม
ไม่นานก็เข้าสู่ตัวอำเภอมีพ่อค้าและแม่ค้าเจ้าประจำเริ่มเปิดร้านกันบ้างแล้ว และมีแม่ค้าบางส่วนทักทายเธอ
"น้องสาวมาขายเสื้อกันหนาวอีกแล้วครั้งก่อนฉันซื้อไม่ทันวันนี้น้องสาวอย่าลืมเก็บไว้ให้ฉันสักสองตัวนะ"
แม่ค้าที่ตั้งแผงลอยติดกันรีบเอ่ยจองเสื้อกันหนาวล่วงหน้าก่อนที่พวกมันจะถูกขายออกไปในเวลาอันรวดเร็วต่อจากนี้
"ได้ค่ะ ฉันจะเก็บไว้ให้พี่สาวอย่างแน่นอน"หลังจากเก็บเสื้อกันหนาวไว้สองตัวเรียบร้อยเธอก็เริ่มนำผ้าออกมาปูเพื่อวางของ
สตรีวัยกลางคนแต่งตัวดูดีคนหนึ่งดูเหมือนอยากเข้ามาสอบถามราคาแต่คงเพราะเกรงใจเพราะเห็นว่าแม่ค้ายังคงจัดร้านอยู่ เธอมองเห็นเสื้อกันหนาวบุนวมเนื้อดีที่อยู่ในมือแม่ค้าดวงตาลุกวาวอย่างสนใจและเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยเธอก็ไม่ลังเลที่จะเข้าไปสอบถามราคาแต่ราคาเท่าไหร่เธอก็ไม่สนใจมันหรอก อย่างไรแล้ววันนี้เธอจะต้องได้มันไปครอบครอง
"แม่ค้า เสื้อกันหนาวบุนวมอย่างดีพวกนี้ขายกันที่เท่าไหร่คะ"
เหมยจิงเผยรอยยิ้มก่อนจะตอบลูกค้า
"เสื้อกันหนาวบุนวมย่างหนาแบบนี้ฉันขายเพียงสิบหยวนค่ะ ไม่ต้องใช้คูปอง"
ลูกค้าตกตะลึงในราคาที่จัดว่าถูกกว่าที่คิด อย่างไรเสื้อในห้างสรรพสินค้าเสื้อบุนวมบางกว่านี้ยังราคาสิบหยวนเหมือนกันทั้งต้องใช้คูปองนี่มันเกินคุ้มมากเกินไปแล้วไม่ได้การแล้วเธอจะต้องซื้อเพื่อส่งให้ลูกชายที่เป็นทำงานอยู่ในมณฑล
"ฉันเอาเสื้อกันหนาว10ตัว คิดเงินได้เลย"
"เสื้อกันหนาว10ตัวนะคะทั้งหมด100หยวนค่ะ"
หลังจากยอดขายคนแรกออกไปไม่นายเสื้ออีก38ตัวก็ถูกทยอยขายออกไปจนหมดเกลี้ยงแผง เหมยจิงรีบเก็บร้านกลับบ้านอย่างเบิกบานใจ
เงินจากการขายเสื้อในครั้งนี้ได้ถึง500หยวนหักค่าเช่า1หยวนคงเหลือ499หยวน เมื่อรวมกับเงินเก่าที่เหลือจากซื้อพวกอุปกรณ์สร้างห้องน้ำยังเหลืออีก697หยวน เหมยจิงนำเงินเก็บไว้ในมิติเพื่อความปลอดภัยก่อนกลับเหมยจิงได้ซื้อบะหมี่เย็นไปอีก5ถ้วย เธอยอมเจ็บในอกควักเงินเพื่อซื้อปิ่นโตในราคาสูงถึง2หยวน ส่วนบะหมี่นั้น5ชั้นเพียง1หยวน เธอจึงคงเหลือเงินในตอนนี้ 690 หยวน ยังคงถือว่าเป็นเงินที่มากมายในในสมัยนี้ แต่หากจะคิดการใหญ่ในอนาคตเงินเพียงเท่านี้ยังเล็กน้อยนักในการใช้เป็นทุนสร้างธุรกิจ
ท้ายรถจักรยานมีเพียงกระสอบป่านใบเก่าที่คาดไว้ด้านหลัง ส่วนด้านหน้ามีปิ่นโตสเตนเลสหรูหราถึงห้าชั้น ไม่ใช่ว่าเธอไม่ชอบชนบทแบบนี้หรอกนะ ถ้าหากไปในที่ที่มันเจริญรุ่งเรืองกว่านี้จะไม่ดีกว่าหรือไร เธอวาดฝันไว้ว่าจะเก็บเงินไว้เพื่อซื้อที่ดินในปักกิ่งไว้เธอจะซื้อที่ผืนเดิมที่เคยเป็นของเธอในโลกก่อน จะผูกพันก็ใช่แต่เหตุผลอื่นย่อมมีร่วมด้วย สาเหตุที่ว่าก็เพราะที่แห่งนั้นเป็นทำเลทองยังไงละ เธอได้เปรียบเพราะมาจากโลกอนาคตย่อมรู้ก่อนใครอื่นว่าภายในอนาคตจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้างหลังจากนี้
เมื่อมาถึงบ้านในช่วงบ่ายเธอค่อนข้างพอใจเมื่อเห็นว่าห้องส้วมถูกติดตั้งเรียบร้อยแล้วรอเพียงปูนแห้งก็เริ่มใช้งานได้อย่างเป็นอย่างดี แม่ของเธอนำข้าวที่ไม่ผ่านการขัดสีมอบให้เพื่อนบ้านเป็นสินน้ำใจไปจำนวนหนึ่งพวกเขารู้สึกพอใจมากถึงอย่างไรพวกเขาก็ตั้งใจมาช่วยอยู่แล้วการได้ข้าวกลับไปถือว่าเป็นผลพลอยได้เล็กๆ น้อยๆ
เมื่อทุกอย่างเข้าที่เหมยจิงจึงเรียกลูกๆ กับพ่อแม่มาทานบะหมี่เย็นด้วยกัน เด็กๆ ยังตื่นเต้นไม่หายเมื่อเห็นอาหารที่ค่อนข้างแปลกตา แม้มันจะหอมและน่ากินมากแค่ไหนแต่พวกเขาไม่กล้าที่จะมูมมามในการกินแม่บอกว่าหากทำแบบนั้นพวกเขาจะน่ารักน้อยลงซึ่งพวกเขาไม่ต้องการแบบนั้น พวกเขาต้องการเป็นเด็กน่ารักๆ ต่างหากเล่า เหตุผลหลักๆ นั่นก็คือจะได้กินอิ่มนอนสบายแบบนี้ไปตลอด
"การขายวันนี้เป็นยังไงบ้าจิงจิง "แม่ของเธอเอ่ยถามในขณะที่เหมยจิงกำลังจะนำถ้วยชามออกไปล้างด้านนอก
"ยอดเยี่ยมเลยค่ะแม่ ฉันขายพวกมันหมดในเวลาอันรวดเร็ว"
แม่ของเธอจ้องมองบุตรสาวที่แปลกไป พยายามค้นหาภายในใจว่าสิ่งใดที่เป็นสาเหตุที่ทำให้จิงจิงลูกสาวของเธอแตกต่างออกไปจากเดิมขนาดนี้ ลูกสาวของเธอมีความกล้ามากขึ้น มีแสงสว่างของการเป็นผู้นำรายล้อมอยู่รอบๆ ตัวของเธอ
"แม่คะ แม่ได้ยินที่ฉันถามรึเปล่าคะ" เหมยจิงเรียกแม่ที่มองเธอแน่นิ่งอย่างเหม่อลอย
"ลูกพูดว่าอะไรนะ แม่คิดอะไรเพลินไปหน่อย"
"ฉันบอกแม่ว่าในอนาคตฉันจะเปิดร้านในตัวอำเภอค่ะ"
"เราสามารถทำได้หรือ รัฐจะไม่เอาผิดเราได้หรือลูก"แม่เหมยเอ่ยขึ้นอย่างตกใจกลัวในความนึกคิดของบุตรสาว แม้ในช่วงนี้จะอนุญาตให้ตั้งแผงลอยแล้วแต่หากเปิดร้านค้าเห็นทีว่ายังจะทำไม่ได้ในตอนนี้
"แม่อย่ากังวลไปเลยค่ะ ยังไงเสียมันก็เป็นเพียงเรื่องในอนาคตไม่แน่ถึงในตอนนั้นรัฐอาจยกเลิกกฎบางข้อไปแล้วก็ได้นะคะ ที่สำคัญฉันยังต้องเก็บเงินทุนอีกมาก"
ไม่นานจดหมายก็ถึงบ้านพักของหรงจ้าวไห่ ในกรมทหารเขามีชีวิตที่อยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ในตำแหน่งที่เติบโตขึ้นในตอนนี้เขาสามารถซื้อบ้านหลังใหญ่โตในปักกิ่งได้แล้ว ทั้งยังมีรถยนต์ที่ราคาแพงลิบลิ่วขับขี่ถึงจะเป็นแบบนั้นเขาก็ยังรู้สึกว่าตัวเองยังคงไม่สมบูรณ์แบบชาติกำเนิดของเขามาจากชนบท เดิมทีเขามีลูกและเมียอยู่ชนบทส่งเงินหยวนไปในทุกๆ เดือน ถึงเดือนละ50 หยวนถือว่ามากมายเกินกว่าที่จะทำให้พวกเขาอยู่ได้อย่าสุขสบายโดยที่ไม่สามารถมาเกี่ยวข้องกับเขาที่มีครอบครัวทางนี้ได้
ใช่หรงจ้าวไห่จดทะเบียนซ้อนเขาแต่งงานกับลูกสาวของผู้บังคับบัญชา เธอทั้งสวยและโปรไฟล์ดีเมื่อเทียบกับเมียบ้านนอกของเขาแล้วย่อมแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่สามารถหย่ากับเธอได้ ปฏิเสธไม่ได้ว่ายังคงรักเมียที่ชนบทอยู่บ้างที่สำคัญเธอมีลูกชายให้เขาถึงสองคน เขามั่นใจว่าสามารถมีโลกสองใบได้อย่างไม่มีปัญหา เพราะเหมยจิงใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่ในชนบทเธอไม่มีทางรับรู้ได้ว่าเขาทำอะไรลงไป
หรงจ้าวไห่ค่อนข้างประหลาดใจเมื่อเห็นจ่าหน้าซองเขียนว่าจากเหมยจิง เขาเปิดมันอ่านอย่างร้อนใจเพราะร้อยวันพันปีเหมยจิงไม่เคยเขียนจดหมายแม้แต่ฉบับเดียวมาถึงเขา แต่จะว่าไปแล้วเหมยจิงไม่รู้หนังสือไม่ใช่หรือ แล้วเธอขอให้ใครกันเขียนจดหมายมาถึงเขาการตวัดปากกาลงน้ำหนักมือช่างสวยงามจนแทบคลั่ง
แต่เพียงอ่านเนื้อหาเขารู้สึกถึงพลังที่แข็งแกร่งในการเขียน คนเขียนใช้คำที่สุภาพแต่ค่อนข้างดุดันในการแสดงออก จริงๆ แล้วเขาก็พึ่งรู้ในวันนี้นี่เองว่าแม่ของเขาข่มเหงลูกและเมียในชนบทของเขามาตลอด แต่นั่นมันก็หน้าที่ของสะใภ้ไม่ใช่หรือสำหรับการแสดงความกตัญญูแทนสามีตนเอง ทำไมจิงจิงถึงเป็นคนที่ไม่มีความอดทนแบบนี้กัน ปกติแล้วภรรยาของเขาอดทนและใจเย็นมาตลอดวันนี้อดรู้สึกไม่ได้ว่าเธอแตกต่างออกไปจากเดิม
หรงจ้าวไห่รู้สึกรำคาญกับปัญหายุกยิกจากทางบ้านเห็นทีว่าคงถึงเวลากลับไปจัดการที่นั่นแล้ว ภรรยาของเขาที่นี่ไม่รู้ถึงการมีอยู่ของเหมยจิงและเด็กๆ เขาค่อนข้างเป็นกังวลเพราะเกรงว่าหากเธอยืนยันที่จะติดตามไปด้วยความลับที่เก็บซ่อนอยู่จะเปิดเผยทำให้เขาสูญสิ้นทุกๆ อย่าง
ที่นี่เขามีลูกสาวตัวน้อยในวัยแปดเดือนกำลังอยู่ในช่วงวัยกำลังน่ารักน่าเอ็นดู เขาค่อนข้างมีความสุขเมื่อกลับบ้านไปแล้วเจอกับครอบครัวที่สมบูรณ์แบบและมีทุกๆ อย่างเพียบพร้อมแต่ตอนนี้ความลับที่เขาเก็บไว้มันพาลให้เขาร้อนรุ่มในหัวใจ เขาจะต้องจัดการเรื่องราวให้เด็ดขาดและทุกอย่างต้องออกมาดีเหมยจิงจะต้องกลับมาอยู่ในบ้างหรงเหมือนดั่งเดิม และเขาก็จะกลับมาอยู่กับหลี่เซียงที่ปักกิ่งอย่างมีความสุข
หรงจ้าวไห่รู้ว่าเขาค่อนข้างเห็นแก่ตัวแต่มันช่วยไม่ได้ในเมื่อตอนเด็กๆ เขาลำบากเมื่อมีทางที่ดีกว่าเขาย่อมเลือกที่จะถีบตัวเองออกมาจากชนบท
