บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3 สะใภ้เยี่ย

ในขณะที่เยี่ยซิ่วอิงนอนกลางวันอยู่ จางซูเจินที่ไม่รู้ว่าจะทำอะไรก็เดินออกไปที่โถงบ้าน

เธอมองหาสามีแต่ก็ไม่เจอ มีเพียงแม่สามีที่กำลังทำความสะอาดบ้านอยู่

“ให้ฉันช่วยอะไรไหมคะ”

“ไม่ต้อง” น้ำเสียงที่เย็นชาแผ่ความกดดันมายังเธอจนหญิงสาวรู้สึกอึดอัด

“อาหลี่กลับมากินข้าวกลางวันที่บ้าน พอรู้ว่าเธอแอบไปเล่นพนันก็เลยรีบตามออกไป ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยสักนิดก็ต้องออกไปทำงานต่อแล้ว เธอมันเป็นภรรยาที่แย่มาก” แม่สามีต่อว่าออกมาตรงๆ อย่างเปิดเผย เอือมระอากับลูกสะใภ้คนนี้เต็มแก่

“ถ้าไม่มีอะไรให้ช่วย งั้นฉันออกไปเดินเล่นข้างนอกนะคะ” เธอบอกเป็นทำนองขออนุญาต เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้ว่าอะไรจึงเดินออกไปนอกบ้าน

เยี่ยหงเอามือเท้าเอวมองลูกสะใภ้ด้วยสายตาที่เกลียดชัง อยากให้ถูกทางการจับไปเสียให้พ้นจะได้ไม่เป็นเสนียดของบ้านนี้

‘อุตส่าห์แอบแจ้งตำรวจไปแล้ว ยังรอดมาได้ คอยดูเถอะครั้งหน้าเธอต้องติดคุกแน่ คราวนี้อาหลี่ก็ทำเรื่องขอหย่าได้โดยไม่ต้องรู้สึกติดค้างในใจแล้ว’

จางซูเจินยืนอยู่ประตูหน้าบ้าน สายตาช่างสงสัยนั้นสำรวจไปรอบๆ บริเวณภายนอกของบ้านก่อนเป็นอันดับแรก

พื้นที่ของบริเวณหน้าบ้านค่อนข้างคับแคบ เฉพาะตัวบ้านก็แทบเต็มพื้นที่แล้ว

แม้มีพื้นที่เล็กๆ ขนาดหนึ่งตารางวาอยู่ที่หน้าบ้านด้านซ้ายมือ แต่ก็ไม่พอให้รถเข้ามาจอดได้ โชคดีที่ถนนหน้าบ้านค่อนข้างกว้าง คนส่วนใหญ่จึงจอดรถไว้ที่ริมถนนใกล้กับบ้านของตัวเอง

เมื่อสำรวจจนพอใจแล้ว จากนั้นเธอก็เดินออกนอกรั้วบ้าน เดินสำรวจถนนสายนั้นจนเจอเข้ากับป้ายบอกชื่อถนน พร้อมทั้งป้ายบอกทางที่ติดอยู่ จึงเข้าไปอ่านรายละเอียดนั้นจนรู้ว่าตอนนี้ตนเองอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในเขตชนบททางตอนใต้ของเซี่ยงไฮ้

ตอนที่นั่งรถกลับมา เธอสังเกตว่าแถวนี้ยังไม่ค่อยมีตึกสูงในบริเวณนี้มากนัก แต่ถ้าพูดถึงความเจริญแล้วก็ถือว่ามีความเจริญมากพอสมควร

“ช่วงปลายปี70 ถึงต้นปี 80 เป็นช่วงปฏิรูปใหม่ เศรษฐกิจช่วงนี้เริ่มดีขึ้นและมีการติดต่อกับต่างชาติ...เซี่ยงไฮ้เป็นเมืองเศรษฐกิจที่รุ่งเรืองที่สุด ขนาดชนบทก็ยังดูเจริญหูเจริญตา ถ้าฉันจำไม่ผิดน่าจะประมาณนี้” จางซูเจินพึมพำทบทวนความรู้ที่เคยร่ำเรียน

แต่เธอไม่เก่งวิชาประวัติศาสตร์เสียด้วยสิ จะทะลุมิติมาแล้วเปลี่ยนแปลงอดีตก็คงไม่ใช่เรื่องที่เธอจะสามารถทำได้

ในนิยายนางเอกทะลุมิติมาเป็นหมอ มาปลูกผัก ทำอาหารขาย แต่เธอทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง ก็แน่ล่ะสมัยที่เธออยู่มีแต่เครื่องอำนวยความสะดวก

อาหารหรือก็มีเต็มสองข้างทาง อยากได้อะไรก็แค่ทำงานใช้เงินซื้อ พอมาอยู่ที่นี่แล้วใจก็เลยใจแป้วว่าจะรอดชีวิตไปได้สักกี่วัน

“สะใภ้เยี่ยจะออกไปไหน วันนี้ได้ยินข่าวว่าบ่อนใต้ดินที่เคยไปโดนบุกค้น โชคดีนะที่ไม่ได้ไปไม่อย่างนั้นคุณนายเยี่ยกับหลี่เฉียงคงอายจนไม่รู้จะแทรกหน้ามุดลงตรงไหนแล้ว” หญิงวัยประมาณสี่สิบต้นๆ พูดจาถากถางด้วยน้ำเสียงที่น่าหมั่นไส้

ในตอนนั้นเธอจึงรู้ว่าบ้านที่เธออยู่คือบ้านสกุลเยี่ย และสามีชื่อเยี่ยหลี่เฉียง ‘หลี่เฉียงที่แปลว่าแข็งแกร่ง หึ..น่าจะชื่อคนเย็นชาเสียมากกว่า’

เธอนึกในใจแล้วพิจารณาหญิงวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้า ไม่ได้ตอบโต้อะไรออกไปเพราะอยากใช้ชีวิตหลังจากนี้ให้สงบสุขที่สุด

จางซูเจินเมินคำพูดส่อเสียดนั้นแล้วเดินกลับไปยังบ้านสกุลเยี่ย หญิงคนนั้นก็เดินตามมาแล้วทั้งสองก็หยุดตรงประตูรั้วที่อยู่ข้างๆ กัน ทำให้เธอรู้ว่านี่คือเพื่อนบ้านสกุลเฉิน

“สะใภ้เยี่ย บ้านเธอแม้ไม่ได้ยากจน แต่ก็ไม่ได้ร่ำรวยพอให้เธอสุขสบายหรอกนะ ทนไม่ได้ก็หย่าไปเถอะ สงสารหลี่เฉียง” ประโยคนั้นฟังเหมือนจะหวังดีแต่ก็ไม่ใช่

“อากาศที่เมืองนี้ดีมากเลยค่ะ แต่ตอนนี้มันเริ่มเน่าเหม็นแล้ว” จางซูเจินพูดแล้วเอานิ้วบีบจมูกของตน พร้อมกับใช้มืออีกข้างปัดไล่อากาศโดยรอบออก

เฉินเหม่ยถึงกับอ้าปากค้าง ไม่คิดเลยว่าจะถูกอีกฝ่ายต่อว่าตนว่าคำพูดเน่าเหม็น

แต่ก่อนที่เพื่อนบ้านสกุลเฉินจะพูดอะไรออกมาอีก จางซูเจินก็เดินเข้าไปในบ้านก่อน ทำให้หญิงวัยกลางคนได้แต่เข่นเขี้ยวด้วยความหมั่นไส้

เมื่อเข้าไปถึงภายในบ้าน หญิงสาวเห็นแม่สามีนั่งเย็บผ้าอยู่ที่เก้าอี้ไม้ในห้องนั่งเล่นก็ส่งยิ้มให้ แต่อีกฝ่ายมองผ่านแล้วก้มหน้าปักเย็บต่อโดยไม่สนใจ เธอจึงเดินขึ้นห้องไปอยู่กับลูกสาวแทน

“ให้ตายสิซูเจิน เธอทำอะไรไว้กันแน่ ทำไมมีแต่คนจงเกลียดจงชังเธอขนาดนี้” เสียงบ่นพึมพำปลุกให้เยี่ยซิ่วอิงตื่นขึ้นมา

พอเห็นว่าแม่ทำสีหน้าไม่ค่อยสบอารมณ์นักเด็กหญิงก็เริ่มกลัว คิดว่ามารดาคงอารมณ์ไม่ดีแล้ว อาจจะเพิ่งนึกออกว่าเธอเผลอบอกบิดาเรื่องที่อีกฝ่ายขโมยเงินไปที่บ่อนแน่

ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกหวาดกลัว จึงหลับตาลงไปอีกครั้งแม้จะปวดปัสสาวะแต่ก็ต้องกลั้นเอาไว้ เพราะกลัวถูกมารดาเกรี้ยวกราดใส่

“นั่นลูกตื่นแล้วหรือ”

เปลือกตาที่ขยับเล็กน้อยนั้นทำให้จางซูเจินสังเกตเห็นว่าลูกสาวของตนในมิตินี้รู้สึกตัวแล้ว

เมื่อถูกจับได้เยี่ยซิ่วอิงจึงลืมตาขึ้น น้ำตาเริ่มคลอเบ้าด้วยความกลัวว่าตนเองจะถูกตำหนิ “แม่คะ หนูไม่ได้ตั้งใจจะบอกพ่อ แม่อย่าโกรธหนูได้ไหม” น้ำเสียงนั้นแสดงถึงความกลัวและกังวลใจ

ประโยคนี้เด็กหญิงเคยพูดไปแล้วครั้งหนึ่ง คงเป็นเรื่องที่ค้างคาใจและกังวลอยู่ในตอนนี้

“ลูกบอกอะไรพ่อ”

“หนูบอกพ่อว่าแม่เอาเงินในกล่องนั้นแล้วออกไปข้างนอก” เด็กหญิงสารภาพด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ น้ำตาเริ่มไหลลงมาที่หางตาด้วยความกลัวจับใจว่าแม่จะไม่รักตน แล้วจะถูกด่าและตะคอกด้วยน้ำเสียงที่ทำให้เธอต้องหวาดกลัวกับอารมณ์ที่แปรปรวนนั้น

จางซูเจินรู้สึกสะท้อนใจมาก ซูเจินคนก่อนหน้านี้ทำอะไรลงไป ทำไมเด็กน้อยถึงกลัวมารดาขนาดนี้

“แม่ไม่โกรธเสี่ยวอิงหรอก ลุกเถอะ ไปล้างหน้าล้างตาเสียหน่อย” เธอช่วยพยุงเด็กหญิงให้ลุกนั่ง แล้วใช้นิ้วเกลี่ยน้ำตาออกให้อย่างอ่อนโยน

เยี่ยซิ่วอิงยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ เมื่อเธอตื่นขึ้นมาแล้วแต่มารดาก็ยังคงอ่อนโยนเหมือนก่อนหน้านี้ รอยยิ้มของเธอสดใสขึ้นแล้วลุกขึ้นยืนโอบกอดรอบคอมารดาที่นั่งอยู่บนเตียง

“แม่รักหนูไหมคะ” เธอถามคำถามนั้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ หากเป็นเมื่อก่อนมารดาจะบอกว่า จะถามอะไรนักหนา เธอเป็นลูกฉันอย่างไรฉันก็ต้องรักอยู่แล้ว

“รักสิ เพราะเสี่ยวอิงเป็นเด็กดี ใครเห็นใครๆ ก็ต้องรัก” คำตอบนั้นทำให้เยี่ยซิ่วอิงร้องไห้ออกมา แต่ครั้งนี้เป็นน้ำตาแห่งความตื้นตันใจ

น้ำอุ่นๆ สัมผัสเข้าไปในชุดกี่เพ้า ในตอนนั้นเองเด็กหญิงเพิ่งนึกออกว่าตนเองปวดเบาอยู่ แล้วพอร้องไห้ออกมาก็เผลอปล่อยมันออกมาด้วย

“แม่ หนูขอโทษ” คราวนี้เด็กน้อยคิดว่าต้องโดนดุแน่แล้ว เพราะชุดนี้เป็นชุดโปรดของมารดาที่เพิ่งซื้อมาเมื่อวานนี้

“ไม่เป็นไร งั้นเราไปอาบน้ำพร้อมกันนะ” จางซูเจินบอกอย่างใจเย็นและไม่ถือสา ดูจากที่แค่เพียงบอกรักแล้วเด็กหญิงก็ร้องไห้ แสดงว่าอีกฝ่ายน่าจะมีปมในใจเรื่องแม่อยู่พอสมควร

เด็กหญิงไม่รู้ว่าทำไมมารดาถึงใจดีผิดไปเป็นคนละคนแบบนี้ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ดีใจ และอยากให้จางซูเจินดีกับตนแบบนี้ตลอดไป

“เกิดอะไรขึ้น ทำไมเสี่ยวอิงร้องไห้”

เสียงของผู้เป็นย่ารีบเข้ามาในห้องเมื่อได้ยินเสียงร้องไห้แว่วๆ ของหลานสาว

“ไม่มีอะไรค่ะ” เยี่ยซิ่งอิงรีบอธิบาย

เยี่ยหงดูสภาพที่หลานสาวปัสสาวะรดใส่ชุดโปรดของลูกสะใภ้แสนชัง ก็พอเดาสถานการณ์ออก

“แค่ลูกเยี่ยวรดชุด เธอถึงกับต่อว่าหลานฉันจนร้องไห้เลยหรือซูเจิน แล้วนี่ยังให้เสี่ยวอิงโกหกปกป้องแม่ จิตใจเธอมันชั่วช้าจริงๆ”

จางซูเจินไม่เถียงออกมาแม้แต่คำเดียว เธออุ้มลูกสาวผ่านหน้าแม่สามีไปยังห้องน้ำโดยไม่สนใจสายตาที่มองด้วยอคตินั้น

มั่นใจแล้วว่าไม่มีใครสักคนที่ชอบหน้าจางซูเจินคนเดิม นอกจากเด็กน้อยเสี่ยวอิงคนนี้

************************

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel