ทะลุมิติมาเป็นภรรยาเจ้าของร้านชำในยุค70

56.0K · จบแล้ว
ฝ้ายสีคราม/ ภ.ภิญญ์/ฝออ้าย
30
บท
9.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

หลับอยู่ดีๆตื่นมาอีกทีทะลุมิติมาอยู่ในเกี้ยวเจ้าสาว เมื่อไม่มีทางไปจึงจำใจต้องแต่งงานเป็นภรรยาเจ้าของร้านขายของชำที่แทบไม่มีลูกค้า งานนี้เห็นทีเจ้าแม่การตลาดต้องออกโรง ทำให้ร้านขายของชำทรุดโทรม เป็นร้านที่ใหญ่ที่สุดในหมู่บ้านให้ได้

นิยายรักโรแมนติกนิยายจีนโบราณพลิกชีวิตนางเอกเก่งข้ามมิตินิยายย้อนยุคคู่หมั้นหญิง

ตอนที่ 1 เจ้าสาวหลงยุค

เปลือกตาสีไข่กะพริบเบาๆ เพื่อปรับตาให้เข้ากับแสงที่กำลังส่องมากระทบที่ใบหน้า หญิงสาวรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวของรถที่กำลังนั่งอยู่ และศีรษะก็โขกกับข้างรถเล็กน้อยจึงลืมตาขึ้นแล้วเอามือคลำที่ศีรษะ

“ถึงไหนแล้วเนี่ย” เธออุทานออกมาเบาๆ จากนั้นก็พบว่าไม่ได้อยู่ในรถแท็กซี่ที่ตนกำลังนั่งอยู่

แต่กลับกลายเป็นเกี้ยวไม้แบบโบราณ จึงสองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นคนเดินอยู่ข้างเกี้ยว มองดูคล้ายขบวนเกี้ยวเจ้าสาว

สภาพบ้านเรือนระหว่างทางนั้นค่อนข้างที่จะ แปลกตา ยังคงเป็นบ้านแบบดั้งเดิมราวกับยุคที่กำลังพัฒนา บางทีเธออาจถูกจับตัวมาแล้วอยู่ในชนบทที่ไหนสักที่

“เจ้าสาวอย่าโผล่หน้าออกมาสิ” เสียงตำหนินั้นทำให้หญิงสาวงุนงง หากแต่ไม่ได้โวยวายออกมา

เธอหดตัวกลับเข้าไปนั่ง มองสำรวจตัวเองที่อยู่ในชุดสีแดงมงคล “โดนวางยานอนหลับบนแท็กซี่ แล้วถูกลักพาตัวมาแต่งงานที่บ้านนอกอย่างนั้นหรือ” เธอนึกถึงสิ่งที่มีความเป็นไปได้มากที่สุด

มือเรียวควานหากระเป๋าและโทรศัพท์มือถือของตนแต่ก็ไม่พบ ด้วยความกลัวจึงไม่กล้าที่จะโวยวายออกไป เพราะผู้คนนับสิบเหล่านี้เธอไม่รู้ว่าต้องเจอกับสถานการณ์อะไรบ้าง

สักพักการเดินทางนั้นก็สิ้นสุดลง เธอถูกนำตัวออกจากเกี้ยวเจ้าสาวแล้วเดินเข้าไปในบ้านหลังหนึ่ง

“อดทนเอาหน่อยเถิด สกุลเฉินชอบพิธีการแบบดั้งเดิม อึดอัดหน่อยก็อดทนนะ” คนที่พูดคือหญิงวัยประมาณห้าสิบต้นๆ ดูแล้วน่าจะทำหน้าที่เป็นแม่สื่อของงานนี้

“นี่เกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมฉันถึงต้องแต่งงาน ฉันอยากจะกลับบ้าน” เธอพูดกับแม่สื่อที่กำลังประคองเดินลงมาจากเกี้ยว

“ถามอะไรของเธอน่ะหลี่หยุนฟาง เธอหมั้นหมายกับเจ้าบ่าวตั้งแต่เด็ก เมื่อถึงเวลาก็ต้องแต่งงานมันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว”

“หลี่หยุนฟางหรือคะ คุณจับมาผิดคนแล้วล่ะคะ ฉันไม่ใช่หลี่หยุนฟาง” หญิงสาวพยายามจะปฏิเสธ

เธอเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวออก สิ่งที่ทำให้ตกใจยิ่งกว่าเดิมนั่นก็คือการแต่งกายของผู้คนในงาน ดูย้อนยุคไปมาก บ้านก็ดูเป็นทรงเก่าแก่ รถที่จอดอยู่ก็ดูเป็นรถรุ่นเก่าในสมัยเมื่อหลายสิบปีที่แล้ว

“นี่ห้ามเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวนะ” แม่สื่อบอกแล้วจะคลุมผ้าให้เธอ

หญิงสาววิ่งตรงไปที่รถ ตั้งใจจะเข้าไปในรถแล้วขับออกไปเพื่อหลบหนี แต่เมื่อเห็นหน้าตัวเองที่สะท้อนออกมาผ่านกระจกก็ต้องตกใจเป็นอย่างมาก

เคยแต่ดูละครที่มีการทะลุมิติย้อนเวลาไปอยู่ในร่างคนอื่น แต่มันดันเกิดขึ้นกับเธอจริงๆ ในตอนนี้ หญิงสาวแทบจะไม่อยากเชื่อ และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่อยู่ในขณะนี้เป็นนวนิยายเรื่องไหน หรือว่าเป็นเรื่องจริงที่เกิดในโลกคู่ขนาน

“จะมาต่อต้านอะไรเอาตอนนี้ รีบเข้าไปเถอะ” แม่สื่อวัยกลางคนเอาผ้าคลุมมาปิดให้ แล้วดึงแขนเจ้าสาวให้เข้าไปในบ้านเพื่อที่จะทำพิธีกราบไหว้ฟ้าดินให้งานนี้จบลงโดยเร็ว

หลี่หยุนฟางเดินตามไปด้วยหัวใจที่สั่นระรัว ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อว่าตอนนี้เธอทะลุมิติ ย้อนเวลามาในยุคที่ไม่ใช่ยุคของตน

หากจะต่อต้านหรือว่าโวยวาย เธออาจจะถูกมองว่าสติไม่ดี และไม่สามารถเอาชีวิตรอดได้ ดังนั้นคงต้องตามน้ำเป็นหลี่หยุนฟางต่อไป

หญิงสาวอยู่ภายใต้ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว มองเห็นเพียงเงาเลือนรางผ่านผ้าสีแดงที่บางเบานั้น แต่ก็ไม่ได้ชัดเจนพอที่จะรู้ว่าใครเป็นใคร ถึงจะเห็นชัดเธอก็ไม่รู้จักใครที่นี่อยู่ดี

ชีวิตของเธอก่อนหน้านี้เป็นพนักงานขายในทีมการตลาดของบริษัทขายอาหารแปรรูป วันนี้เธอทำงานล่วงเวลาและเลิกดึก รถประจำทางหมดจึงต้องเรียกแท็กซี่และเผลอหลับไป

พอตื่นมาอีกทีก็มาอยู่ในเกี้ยวเจ้าสาวที่กำลังจะเข้าพิธีแต่งงาน ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น แต่หญิงสาวก็ต้องใจเย็นและเรียนรู้ที่จะปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ที่น่าเหลือเชื่อนี้

ขั้นตอนการกราบไหว้ฟ้าดินได้เสร็จสิ้นลง ตามด้วยขั้นตอนอื่นๆ จนครบ ตอนนี้เธอเป็นฮูหยินน้อยของบ้านสกุลถังเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

จากนั้นเจ้าสาวก็ถูกพาตัวไปยังห้องหอเพื่อรอให้เจ้าบ่าวมาเปิดผ้าคลุมหน้า ตามธรรมเนียมโบราณที่บ้านหลังนี้ยึดถือสืบทอดกันมารุ่นสู่รุ่น

เจ้าสาวในชุดสีแดงนั่งบิดมือบนตักด้วยความกระวนกระวาย เธอไม่ได้กังวลเรื่องการร่วมหอเพราะเธอก็มีแฟนมาแล้วสองคนที่เลิกรากันไป แต่สิ่งที่กังวลก็คือการที่จะต้องร่วมหอกับคนแปลกหน้า ไม่รู้ว่าเธอควรจะทำตัวอย่างไร

เสียงประตูห้องเปิดออกพร้อมกับเสียงปิดที่ตามมา เจ้าบ่าวลงกลอนแล้วเดินไปหาเจ้าสาวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความยินดี

เสียงฝีเท้าของคนที่เดินตรงเข้ามาหา ทำให้หลี่หยุนฟางรู้สึกประหม่า ไม่รู้ว่าเขาหน้าตาเป็นอย่างไร จะอัปลักษณ์หรือว่าเป็นพวกหื่นกามไหมก็ไม่อาจรู้ได้

เจ้าบ่าวใช้ไม้คันชั่งเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวออก ทันทีที่หญิงสาวเห็นใบหน้าของเจ้าบ่าวของตนก็รู้สึกว่าโชคดี อย่างน้อยสามีของตนก็รูปงามใช่ย่อย

“อาฟาง ในที่สุดเราก็มีวันนี้กันเสียที เราไปแลกสุรามงคลกันเถิด”

เขาประคองเธอให้ลุกขึ้นยืนแล้วพาเดินไปนั่งยังเก้าอี้ที่อยู่มุมห้อง จากนั้นก็เทสุรามงคลใส่จอกให้แล้วคล้องแขนแลกสุรากันดื่ม ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักจนเธอขนลุกเกรียวด้วยความตื่นเต้น

เห็นทีว่าเจ้าบ่าวคนนี้ คงรักหลี่หยุนฟางไม่ใช่น้อย แค่เขามองมาเขาก็ทำให้เธอประหม่าและสั่นสะท้านได้ขนาดนี้แล้ว

พอเหล้าเข้าปากก็เหมือนว่าความทรงจำต่างๆ ของหลี่หยุนฟางจะค่อยๆ หลั่งไหลเข้ามาในหัว

เธอกุมศีรษะเอาไว้แล้วนิ่วหน้าลง จนเขามองด้วยสายตาที่ห่วงใย

“เป็นอะไรไปอาฟาง” เขาถามอย่างร้อนใจ

หลี่หยุนฟางค่อยๆ จำได้ว่าเธอคือลูกสาวที่ครอบครัวไม่ต้องการ พออายุเหมาะแก่การออกเรือนจึงได้ให้ผลักไสให้รีบแต่งงานกับเฉินเซียน ลูกชายที่รับสืบทอดร้านขายของชำต่อจากบิดาที่เสียชีวิตไป

เธอมีคนที่รักอยู่แล้ว ไม่ได้รักเขาแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม เฉินเซียนผู้นี้รักเธอมาตั้งแต่ไหนแต่ไร การแต่งงานครั้งนี้คนที่ยินดีก็คือเขา ส่วนเธอนั้น...

‘หลี่หยุนฟาง คนอ่อนแอ นี่เธอดื่มยาพิษตอนขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวหรือ’ เธอนึกตำหนิเจ้าของร่างเดิม

เธอนัดหมายกับคนรักให้มาพาตัวหนีไปจากงานแต่งงาน แต่สุดท้ายกลับพบว่าเขาทอดทิ้งเธอ ไม่มารับยังไม่พอ เธอเพิ่งรู้ในเมื่อเช้านี้เองว่าเขากำลังจะแต่งงานกับหญิงสาวที่อยู่อีกหมู่บ้านในอีกไม่กี่วันนี้

ดังนั้นหญิงสาวจึงตัดสินใจปลิดชีวิตด้วยการดื่มยาพิษ ‘ช่างเป็นวิธีที่โง่เขลาเสียจริง’ หลี่หยุนฟางคิดและตำหนิเจ้าของร่างเดิมด้วยความโกรธอีกครั้ง

“ฉันไม่เป็นไรอาเซียน แค่ตื่นเช้าแล้วยังไม่ได้กินอะไรน่ะ พอดื่มเหล้าจึงรู้สึกไม่ค่อยดี”

“งั้นเธอเปลี่ยนชุดที่ใส่สบายรอเลยนะ ฉันจะไปหาอะไรมาให้รองท้อง” เขาพูดอย่างกระตือรือร้น ใบหน้ายิ้มแย้มด้วยความเต็มใจ

“ไม่ต้องหรอก กินขนมและผลไม้พวกนี้ก็ได้” เธอบอกเขาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนกว่าทุกครั้ง

เจ้าบ่าวเผยรอยยิ้มออกมา เขากังวลว่าเธอจะเสียใจและตีโพยตีพายที่ได้แต่งงานกับเขาเสียอีก แต่เมื่อเธอเป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว

************************