บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 ภารกิจ

บทที่ 3 ภารกิจ

“เฮ้อ!! น่ารำคาญจริง ๆ เพราะแกเลยที่ทำให้นังเสี่ยวอิงต้องรับบาดเจ็บ จนไม่มีคนทำงานข้าวในทุ่งยังเก็บเกี่ยวไม่เสร็จด้วยซ้ำ นังเสี่ยวอิงนอนโรงพยาบาลกี่วันแล้วนะ เมื่อไหร่จะรู้สึกตัวจะได้รีบไปเก็บเกี่ยวข้าวขายเสียที จริง ๆ เลยทำให้ฉันเสียเวลา”

“คุณแม่ครับ ใครจะคิดว่าเธอจะเข้ามาในบ้านตอนนั้นกัน อีกอย่างเป็นเพราะเธอต่างหากที่ทำร้ายร่างกายของมีมี่ก่อนนะครับ ” เหม่ยฉี่ส่ายหน้าไปมาเมื่อเดินเข้ามาเห็นว่ายามนี้เสี่ยวอิงฟื้นใบหน้าของเธอเริ่มชื่นบานขึ้นมาทันที แต่กลับกันกับซิ่งผิงที่อยู่ในร่างของเสี่ยวอิงเธอกวาดสายตาจ้องมองครอบครัวที่เอาแต่สูบเลือดสูดเนื้อจากผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างเธอ ไม่รู้จักละอายขนาดเธอนอนเจ็บปวดอยู่ไม่เคยคิดสงสารหรือเห็นใจแต่จะให้เธอกลับไปทำงานหนัก ฮึ ! ไม่มีความเป็นมนุษย์สักนิด หญิงวัย 58 ปีที่เดินอยู่ด้านหน้าน่าจะเป็นเหม่ยฉี ส่วนชายที่เดินตามหลังมานั่นคือสามีของเสี่ยวอิงสินะ แต่ที่น่าแปลกใจคือหญิงอีกคนที่หน้าด้านไร้ยางอายเดินควงแขนสามีของเธอเข้ามาอย่างไม่รู้สึกผิด แถมยังเดินลอยหน้าลอยตาทั้ง ๆ ที่ตัวเองเป็นตนเหตุของเรื่องทุกอย่าง

‘ครอบครัวปลิงจริง ๆ เลวทรามยิ่งกว่าสัตว์เสียอีก ฮึ อยากให้ฉันกลับไปทำงานอย่างนั้นหรือ ? ไม่มีทางเพราะฉันไม่ใช่เสี่ยวอิงที่มั่นในรักหลอกลวงของหยางเจี้ยนแต่ฉันคือซิ่งผิงสาวมั่นที่ไม่เคยมีรักต่างหาก คนเดียวที่ฉันรักคือตัวเอง เสี่ยวอิงคนใหม่ถือกำเนิดแล้ว ฮ่า ฮ่า’ เธอคิดในใจก่อนจะบีบน้ำตาลูบหน้าท้องของตัวเองที่ต้องสูญเสีย

“อึก ฮื้อ ๆ ลูก ๆ ลูก ทำไมไม่อยู่ที่นี่แล้ว ไม่จริงฉันไม่เชื่อ กรี้ดดดดด” เสียงของเสี่ยวอิงร้องลั่นห้องก่อนจะหันไปจ้องสามคนที่เดินเข้ามาทันทีพร้อมชี้นิ้วไปด้านหน้า

“เพราะคนพวกนั้นใช่มั้ย ? เอาลูกฉันคืนมา ฮื้อ ๆ ฉันบอกว่าเอาลูกของฉันคืนมา”

“จิ่งเหยาพี่สาวของเธอมีอาการแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ” เหม่ยฉีใบหน้าซีดเซียวรีบเอ่ยถามเด็กหญิงที่พยายามจับตัวของพี่สาวตามแผน

“ตั้งแต่พี่ตื่นขึ้นมา เอาแต่ร้องห่มร้องไห้โวยวายอยู่อย่างนี้ตลอดเลย”

“เฮ้อ ! นี่มันเรื่องอะไรกันแล้วไปตามหมอมาตรวจอาการหรือยัง”

“ จ้าวเหวินไปตามแล้วค่ะ พี่เสี่ยวอิงตั้งสติหน่อยสิคะตอนนี้หลานไม่อยู่แล้ว พี่อย่าเป็นแบบนี้สิฉันกลัวนะ”

“ฮ่า ฮ่า ลูก ลูกมาหาแม่แล้วใช่มั้ย? มานี่มานี่สิแม่ขอกอดลูกหน่อย” ซิ่งผิงดึงร่างกายของจิ่งเหยามากอดแน่นหัวเราะเสียงดังเหมือนคนที่เสียสติจริง ๆ

หยางเจี้ยนถึงกับใบหน้าถอดสีเอ่ยกระซิบข้างหูผู้เป็นแม่เบา ๆ

“หรือว่าอาการที่เสี่ยวอิงเป็นอยู่เรียกว่าอาการทางจิตที่สูญเสียลูกจนเสียใจมากสติแตกครับ ”

“นั่นสิคะ ถ้าเป็นอย่างนี้คุณป้าจะเอาตัวนังเสี่ยวอิงกลับบ้านหรือไง ดูสิเดี๋ยวร้องเดี๋ยวหัวเราะ ” มีมี่จ้องมองมาทางเสี่ยวอิงทำท่าทำทางรังเกียจ

“ทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนี้ด้วยนะ ถ้าเอานังเสี่ยวอิงกลับไปเธอไม่สามารถทำงานได้แถมยังเสียสติอย่างนี้ ฉันไม่เอากลับหรอกแค่ทุกวันนี้แทบจะกินเกลืออยู่แล้วมีหวังเอานังเสียสติบ้าคนนี้กลับบ้าน เราคงจนมากไปกว่านี้ไหนจะน้องมันอีก” เหม่ยฉีคิดถึงหนี้ที่เป็นอยู่ไหนจะข้าวสารที่กรอกหม้อทุกวันจนแทบไม่พอกิน จะเอาตัวเสี่ยวอิงกับน้อง ๆ เธอกลับบ้านคงจะสิ้นเปลืองเปล่า ๆ

“แล้วคุณแม่จะทำยังไงกับเสี่ยวอิงครับ”

“แกนะ รักเธออยู่มั้ย หากไม่รักเราทิ้งเธอไว้ที่นี่กันเถอะ ฉันไม่ยอมรับหรอกนะที่จะมีสะใภ้เป็นบ้าอย่างนี้ ”

“ผมเองก็ไม่เอาเช่นเดียวกันครับโชคดีนะครับที่เราไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน อย่างนั้นเรารีบออกจากโรงพยาบาลดีกว่า ” บทสนทนาของทั้งสามคนที่พูดคุยหารือกันเข้าหูของซิ่งผิงทุกอย่างและนั่นคือสิ่งที่เธอต้องการ เธอจึงแสดงอาการรุนแรงกว่าเดิม ร้องไห้หัวเราะโวยวายจนทั้งสามรีบเดินออกจากห้องทันที

หลังจากที่ทุกคนปลีกตัวออกไป ใบหน้าของซิ่งผิงก็เผยรอยยิ้มพร้อมพูดกระซิบแผ่วเบากับจิ่งเหยา

“คนพวกนั้นไปแล้วใช่มั้ย ? เราคงไม่ต้องพบคนพวกนั้นอีกแล้วขอบคุณสวรรค์ ”

“พี่เสี่ยวอิงแม่สามีของพี่จะเชื่อเรื่องนี้จริง ๆ นะหรือ ฉันกลัวว่าเขาจะกลับมาอีกจังเลย”

“ไม่ต้องกลัวหรอกนะ นังแก่เหม่ยฉีนะขี้งกจะตายไปเมื่อเห็นว่าพี่ไม่สามารถทำงานได้และไม่มีประโยชน์ต้องหาทางขับไล่ออกอยู่แล้ว โชคดีที่พี่กับหยางเจี้ยนไม่ได้จดทะเบียนสมรส ถึงจะแอบเสียดายก็ตามไม่อย่างนั้นพี่จะสามารถฟ้องหย่าเรื่องที่เขามีชู้เราจะได้เงินมาตั้งตัว เฮ้อ ! แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ” ซิ่งผิงคิดไปคิดมาแม้จะแค้นเรื่องที่หยางเจี้ยนเล่นชู้และอยากจะแก้แค้นให้เสี่ยวอิงแต่ทว่าตอนนี้ร่างกายของเธอยังเจ็บปวดด้านในยังคงต้องรักษาอีกนานกว่าจะกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม จึงเก็บเอาความแค้นไว้เสียก่อนแก้แค้นสิบปียังไม่สาย

ไม่นานนักจ้าวเหวินได้กลับมาพร้อมคุณหมอ เขาตรวจเช็คร่างกายของเธอและให้เธอนอนรักษาตัวอยู่ที่นี่ต่ออีกสองวัน เมื่อตรวจเสร็จซิ่งผิงจึงขอนอนพักเสียหน่อยให้น้อง ๆ ออกไปหาอะไรกินเพราะดูจากสภาพใบหน้าที่ซูบดวงตาหมองคล้ำคงเป็นห่วงเธอจนไม่กล้าจะห่างไปไหน ตอนนี้เธอฟื้นแล้วเด็ก ๆ ก็เบาใจจึงพากันออกไปหาอะไรกินด้านนอกโรงพยาบาลจะมีอาหารแจกฟรีที่คนใจบุญนำมาแจกอยู่

“ไม่น่าเชื่อเลยว่าฉันจะถูกดูดเข้ามาในซีรี่ย์ จะเอายังไงต่อไปดีนะ ถึงแม้ตอนที่ดูฉันจะปากเก่งคิดได้ทุกทางแต่เมื่อมาใช้ชีวิตเป็นเสี่ยวอิงจริง ๆ กลับคิดหาหนทางไม่ออก ร่างกายก็ยังเจ็บอยู่แล้วอย่างนี้จะหาเงินที่ใช้อยู่ใช้กินจากที่ไหนนะ” ซิ่งผิงคิดในใจแม้ปากบอกกับน้อง ๆ ว่าจะนอนพักแต่เธอกลับเจ็บท้องน้อยจนนอนไม่หลับจึงคิดหาหนทางที่จะใช้ชีวิตต่อจากนี้เมื่อออกจากโรงพยาบาลเธอจะพาน้อง ๆ ไปใช้ชีวิตอยู่ที่ไหน ทว่าจู่ ๆ เสียงแปลก ๆ ได้ดังขึ้นมาในห้องพัก

ติ่ง!

“ระบบเปิดการใช้งาน สวัสดีผู้ใช้ระบบ ทางเรามีภารกิจให้ผู้ที่เปิดระบบได้ทำท่านสนใจที่จะรับข้อเสนอหรือไม่” ซิ่งผิงมองซ้ายมองขวาหากจะว่าเป็นเสียงทีวียุคนี้ก็ยากนักที่จะมีทีวีในโรงพยาบาลขนาดเตียงที่นอนอยู่ก็แทบจะพังหมดแล้ว เธอใช้มือล้วงที่หูคิดว่าตัวเองหูฝาดก่อนจะโน้มตัวลงนอนเพื่อข่มตาหลับเอาแรงแต่แล้วเสียงเมื่อครู่ก็ได้ดังขึ้นอีกครั้ง

“ซิ่งผิง ท่านคือผู้เปิดระบบต้องการใช้งานระบบหรือไม่ ? ตอนนี้ท่านอยู่ในยุคทศวรรษ 1976 ยากนักที่จะรับมือจากความยากจน หากอยากฝ่าฝันอุปสรรคแถมยังได้เลี้ยงน้องทั้งสอง ทางระบบมิติมีทางเลือกให้ท่านท่านสนใจหรือไม่?” ซิ่งผิงดีดตัวลุกขึ้นด้วยความตกใจจนลืมไปว่าร่างกายของเธอกำลังเจ็บอยู่

“โอ้ยเจ็บชะมัด อย่าบอกนะว่าที่ฉันได้ยินอยู่นี่คือเสียงระบบ อะไรมันจะดีขนาดนี้ฉันทะลุมิติแถมยังมีระบบด้วยเหรอ อย่างนั้นชีวิตระหว่างที่อยู่ที่นี่ก็ไม่ทุกข์ยากอีกต่อไปสินะ”

“ใช่แล้วหากท่านรับข้อเสนอจะทำภารกิจ ทางเราจะแจ้งเรื่องที่สามารถช่วยท่านได้เต็มที่” ซิ่งผิงครุ่นคิดอยู่ไม่นานเพราะตอนนี้เธอเองก็คิดหาหนทางไม่ได้เช่นเดียวกันจึงรีบตอบตกลงข้อเสนอทันที

“ได้ฉันรับข้อเสนอ ว่าแต่เป็นข้อเสนออะไร”

“ภารกิจที่ระบบให้ท่านทำคือการเลี้ยงดูน้องทั้งสองให้เติบโตและร่ำรวย ทางระบบมีมิติของทุกอย่างเพียงแค่คิดข้าวของก็จะปรากฏต่อหน้า มีเพียงอย่างเดียวที่ระบบให้ไม่ได้คือเงิน ท่านต้องไปหาหนทางนำของออกจากมิติไปต่อยอดเอง หากท่านทำภารกิจสำเร็จจะได้รับรางวัลที่ท่านต้องการไม่ว่าจะเป็นการกลับมิติเดิม หรือความต้องการปรารถนาตามใจของท่าน”

“ว๊าวว^ ^ น่าทึ่งจังใครไม่สนใจก็บ้าแล้ว ฉันจะทำภารกิจเลี้ยงน้องให้เติบโตเอง แค่มีระบบมิติของใช้เรื่องการหาเงินคงไม่ใช่เรื่องยาก”

“ยินดีที่ท่านรับข้อเสนอ ขอให้ท่านทำภารกิจสำเร็จตอนนี้ระบบมิติเปิดทำการ เราจะได้พบกันอีกครั้งเมื่อท่านทำภารกิจสำเร็จ ”

“เดี๋ยวสิฉันยังไม่ได้ถามเกี่ยวกับข้อต้องห้ามเลย กลับมาก่อน”

ซิ่งผิงเอ่ยถามแต่ทว่าเสียงในห้องกลับเงียบสงัด เมื่อเธอคิดถึงคำพูดเมื่อครู่ที่ราวกับความฝันจึงลองนึกถึงภาพของกินในยุคปัจจุบัน แต่แล้วเรื่องที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาเมื่อจู่ ๆ พิซซ่าที่กำลังเป็นที่นิยมอาหารของต่างชาติกำลังตีตลาดกลับมาอยู่ต่อหน้าเธอในยุคทศวรรษ1976 อย่างน่าเหลือเชื่อ

“ว๊าววว ยิ่งกว่าฝันเสียอีก ฮ่า ฮ่า เอาล่ะชีวิตของฉันต่อจากนี้คงพบเจอแต่เรื่องสนุก ๆ และได้ออกจากครอบครัวเส็งเคร็งนั่นอีก ช่างดีจริง ๆ” ซิ่งผิงหัวเราะอย่างดีใจไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีที่ถูกดูดเข้ามาแต่ก็ยังมีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นกับเธอเช่นเดียวกัน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel