บทที่13 เจ้าคือเขา
หยวนชิงหลิงลงมาจากรถม้า ยามนี้พระอาทิตย์ลอยขึ้นสูงแล้ว แต่ขบวนของคณะราชทูตแคว้นเซี่ยยังคงไม่ขยับเขยื้อนไปไหน นางมองไปรอบๆ ด้วยความสงสัย ก่อนจะเห็นอาเฟยกำลังเคี่ยวบางอย่างอยู่หน้ากองไฟ นางจึงเดินเข้าไปถามเขา
“นี่อาเฟย เหตุใดถึงยังไม่ออกเดินทางอีกเล่าหรือว่ามีเรื่องอันใดเกิดขึ้นหรือ”
อาเฟยหันไปมองร่างเล็กที่กำลังเดินเข้ามา
“ท่านหญิงตื่นแล้วหรือขอรับ”
หยวนชิงหลิงขมวดคิ้วมุ่น ท่านหญิงอย่างนั้นหรือ
“ข้าบอกหลายครั้งแล้วว่าให้เรียกข้าว่าหยวนชิงหลิง ช่างเถอะ แล้วนี่เจ้ากำลังทำอะไรอยู่ เหตุใดสายป่านนี้แล้วยังไม่ออกเดินทางอีกเล่า”
อาเฟยเหลือบตามองนาง ก่อนจะมองเลยไปยังด้านหลังที่มีใบหน้าถมึงทึงกำลังจ้องมาที่เขา อาเฟยหดคอกลับด้วยท่าทางหวาดกลัว
“อ่า!!...คืออย่างนี้ขอรับ พวกเราก็เดินทางกันมาหลายวันแล้ว ท่านหัวหน้าองครักษ์จึงออกคำสั่งให้ตั้งค่ายพักหนึ่งวันเพื่อให้พวกม้าได้พักบ้าง”
หยวนชิงหลิงพยักหน้าเห็นด้วย พวกม้าต้องเดินทั้งวันแตกต่างจากมนุษย์ที่แค่อยู่บนหลังของพวกมัน ก็ย่อมต้องเหน็ดเหนื่อยเป็นธรรมดา หัวหน้าองครักษ์ผู้นี้ช่างมีเมตตาต่อสัตว์โลกยิ่งนัก
“แล้วเจ้ากำลังทำอะไร”
หยวนชิงหลิงมองหม้อที่อาเฟยกำลังเคี่ยวอยู่บนกองไฟ
“นี่เป็นยาต้มของท่าน”
หยวนชิงหลิงเอี้ยวตัวกลับไปมองที่หม้อดินเผาในกองไฟ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนเกิดสิ่งใดขึ้นกับตน
“เจ้ารู้เรื่องเมื่อคืนด้วยอย่างนั้นหรือ”
อาเฟยมองนางอย่างสงสัยก่อนจะตอบออกไปเบาๆ
“เมื่อคืนเกิดสิ่งใดขึ้นหรือขอรับ ข้าเพียงแต่ทำตามคำสั่งของท่านหมอเยี่ยนเท่านั้น เขาสั่งเอาไว้ว่าหากท่านตื่นแล้วให้ท่านทานอาหารอ่อนๆ หลังจากนั้นก็ดื่มยา”
หยวนชิงหลิงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เช่นนั้นหมอเยี่ยนก็รู้ว่านางจมน้ำเมื่อคืนแล้วก็จ้าวหงอิง แล้วใครกันที่ช่วยนางขึ้นมาจากน้ำ หยวนชิงหลิงกลับไปที่รถม้าอีกครั้ง
“ท่านหญิงลู่จิวท่านมาล้างหน้าล้างตาก่อนเถิดเจ้าค่ะ แล้วทานอะไรสักหน่อย”
หยวนชิงหลิงทำตามที่จ้าวหงอิงบอกก่อนที่จะทานโจ๊กตามลงไป นางมองชามที่มีอาหารของตนก่อนมองอาหารของจ้าวหงอิง
“เหตุใดอาหารของข้ากับเจ้าถึงแตกต่างกันเช่นนี้เล่า”
จ้าวหงอิงไม่เข้าใจที่หยวนชิงหลิงพูด อาหารของนางมันทำไมหรือ นางทานเช่นนี้มาตลอดหลังจากที่ออกมาจากแคว้นฉิน
“ข้าหมายถึงอาหารของข้าคือโจ๊กที่เคี่ยวด้วยข้าวขาวชั้นดีจนเนียนละเอียด แต่เจ้ากลับต้องกินแป้งย่างที่ทั้งหยาบและระคายคอ”
จ้าวหงอิงเองก็สังเกตเห็นเช่นกัน แต่นางคิดว่านี่อาจเป็นอภิสิทธิ์หนึ่งที่หยวนชิงหลิงได้รับจากแคว้นเซี่ย หยวนชิงหลิงดึงแป้งย่างออกจากมือนาง
“เจ้าไม่ต้องกินแล้ว เดี๋ยวข้าทำอาหารง่ายๆ ให้เจ้าทานเอง”
หยวนชิงหลิงกลับออกไปจากรถม้า จ้าวหงอิงเรียกนางเอาไว้ไม่ทัน ผ่านไปไม่นานนางกลับมาพร้อมกับผัดผักใส่ไข่พร้อมข้าวสวยร้อนๆ และน้ำแกง
“ตอนเช้าทานง่ายๆ ไปก่อน ตอนเที่ยงข้าจะย่างปลาให้เจ้าทาน”
จ้าวหงอิงถึงกับน้ำตาคลอ ก่อนหน้านี้นางนั่งรถม้าคันเดียวกับหลี่อันหรง วันไหนที่มีอาหารที่ดีหน่อยนางก็จะยึดเอาไว้เป็นของตนเอง ในรถม้าที่ต้องนั่งสี่คนเวลานอนหลี่อันหรงก็จะแบ่งพื้นที่ไปเสียครึ่ง อีกสามคนต้องนั่งเบียดกันหลับ ตั้งแต่ออกจากเมืองหลวงมีเพียงเมื่อคืนเท่านั้นที่นางนอนหลับได้สนิท
หยวนชิงหลิงมองนางด้วยสายตาไม่เข้าใจ แค่ผัดผักใส่ไข่เจ้าถึงกับร้องไห้เลยหรือ เห็นทีก่อนหน้านี้เจ้าคงจะลำบากจริงๆ หยวนชิงหลิงเอ่ยปลอบนางสองสามคำ ก่อนที่สตรีทั้งสองจะทานอาหารของตน
“ยาของข้าเล่า”
หยวนชิงหลิงเดินมาหาอาเฟยที่กำลังเคี่ยวยาอยู่
“เสร็จแล้วขอรับ”
หยวนชิงหลิงขมวดคิ้วก่อนที่จะบีบจมูกแล้วดื่มยาลงไปจนหมดชาม นางเป็นคนที่เกลียดการดื่มยามาก แต่หนทางไปยังแคว้นเซี่ยยังอีกยาวไกล จะปล่อยให้ตนเองป่วยจนเป็นภาระของผู้อื่นมิได้
“ตอนเที่ยงข้าอยากกินปลาย่าง ถึงอย่างไรวันนี้ก็หยุดพักที่นี่หนึ่งวัน เราไปจับปลากันดีกว่า”
นางเอ่ยชวนอาเฟยและพ่อครัวที่อยู่ตรงนั้นอีกสองสามคน สายตาคมกริบของใครคนหนึ่งที่นั่งอยู่ในกระโจมแบบเปิด กำลังมองมาที่ร่างบาง เมื่อคืนเกือบตายยังไม่รู้จักเข็ดหลาบ วันนี้กลับไปรนหาที่อีกแล้ว นางช่างเป็นสตรีที่ไม่รู้จักหวาดกลัวเสียเลย
“ชางรุ่ยสั่งให้คนไปจับปลามาให้พวกเขา ห้ามให้ใครเข้าใกล้ลำธารเด็ดขาด”
เซี่ยหวายอีเอ่ยกับองครักษ์ที่ยืนอยู่ไม่ไกล
“พ่ะย่ะค่ะ”
ชางรุ่ยเดินไปหากลุ่มของหยวนชิงหลิงก่อนที่จะบอกเกี่ยวกับคำสั่งของหัวหน้าองครักษ์ หยวนชิงหลิงทำหน้าบึ้งด้วยความไม่พอใจ นางเข้าใจว่าเขาต้องทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของทุกคนในคณะ ซึ่งเรื่องนั้นนางเองก็รู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก
แต่จะมาจำกัดการเคลื่อนไหวของนางเช่นนี้ได้อย่างไร หยวนชิงหลิงเดินตรงไปที่กระโจมของเซี่ยหวายอีที่นางเข้าใจว่าเป็นหัวหน้าองครักษ์
“ข้ามีเรื่องที่ต้องคุยกับท่าน ท่านหัวหน้าองครักษ์”
หยวนชิงหลิงเอ่ยเสียงแข็ง นางกอดอกยืนอยู่ด้านหน้าเขา เพราะตัวของนางเล็กกว่าเซี่ยหวายอีมาก ทำให้คนภายนอกมองดูแล้วเหมือนเด็กที่กำลังงอแงคุยกับผู้ใหญ่หน้าดุ
“ท่านหญิงมีเรื่องใดต้องการคุยกับข้าอย่างนั้นหรือ”
เสียงทุ้มต่ำเอ่ยออกมาแผ่วเบา หัวใจของหยวนชิงหลิงกระตุกอย่างไม่ทราบสาเหตุ เป็นเขานั่นเองนางจำได้แล้ว หยวนชิงหลิงขยับไปใกล้เซี่ยหวายอีก่อนก้มลงดมกลิ่นหอมคุ้นเคยที่ออกมาจากตัวเขา
“เจ้าคือคนชุดดำ!!!”
หยวนชิงหลิงเอ่ยเสียงดัง เซี่ยหวายอีรีบดึงร่างบางเข้ามาหาตนก่อนที่จะใช้มือปิดปากของนางเอาไว้
“เจ้าคิดว่าที่นี่มีแค่คนแคว้นเซี่ยหรืออย่างไร หากพวกเขารู้ว่าคนที่ลอบเข้าไปในวังหลวงคืนนั้นคือข้า ตัวเจ้าเองก็มีความผิดเช่นเดียวกันที่ให้ที่หลบซ่อนแก่ข้า”
หยวนชิงหลิงลืมเรื่องนั้นไปเลย นางพยักหน้าช้าๆ ก่อนที่เซี่ยหวายอีจะปล่อยมือออกจากปากนาง
“เช่นนั้นคนที่ช่วยข้าเอาไว้เมื่อคืนก็คือเจ้าสินะ ข้ายังไม่ได้ขอบคุณเลย สองครั้งแล้วที่เจ้าช่วยข้าเอาไว้”
เซี่ยหวายอีมิได้ตอบกลับนาง ในที่สุดนางก็รู้แล้วว่าเขาเป็นชายชุดดำในคืนนั้น เขาอุตส่าห์อยู่ให้ห่างจากนางเพราะกลัวว่านางจะจำได้ ช่างเถอะเซี่ยหวายอีถอนหายใจออกมาเบาๆ อย่างรำคาญ
ถึงเขาจะไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับนางเพราะรู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งเวลาที่นางพูดคุยและหัวเราะกับบุรุษอื่น แล้วยังตอนนี้ที่นางยื่นหน้าเข้ามาใกล้ หัวใจของเขาก็รู้สึกคันยุบยิบอย่างไม่ทราบสาเหตุ
เซี่ยหวายอีเป็นคนไม่ชอบอะไรที่ตนไม่สามารถควบคุมได้ และหยวนชิงหลิงเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่การเดินทางกลับไปที่แคว้นเซี่ยยังอีกไกล ต่อให้ต้องการหลบหน้านาง เขารู้ว่ามันคงจะทำไม่ได้ง่ายดายเพียงนั้น
“ท่านหญิงมาหาข้าเพราะมีเรื่องที่ต้องการพูดกับข้ามิใช่หรือ”
หยวนชิงหลิงลุกออกจากตักของเซี่ยหวายอีอย่างลนลาน ก่อนจะเอ่ยถึงเรื่องที่ตนต้องการพูดออกมา
“ข้าอยากกินปลา แต่คนของเจ้าบอกว่าห้ามไปที่ลำธาร ทำเช่นนี้ได้อย่างไร”
เซี่ยหวายอีถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็นชาออกมา
“คนของข้าไปจับปลามาให้ท่านแล้ว ต่อไปก็อยู่ให้ห่างจากน้ำเอาไว้ ข้าคงไม่ได้มีเวลาไปช่วยทุกครั้งที่ท่านจมน้ำหรอกนะ”
หยวนชิงหลิงกัดฟันอย่างไม่พอใจ นางเดินกระทืบเท้ากลับมาที่กองไฟอีกครั้ง ชิ!! ใครใช้ให้เจ้าช่วยข้าล่ะ ก่อนหน้านี้คิดว่าจะขอบคุณดีๆ สักหน่อย คำพูดของเจ้าช่างทำให้คนฟังแล้วรู้สึกหงุดหงิดยิ่งนัก
“ท่านหญิงลู่จิว หัวหน้าองครักษ์ว่าอย่างไรบ้างเจ้าคะ”
ทุกคนที่กองไฟต่างเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด แต่ใครเล่าจะกล้ากระโดดเข้ากองไฟไปห้ามศึกของพวกเขา ถึงแม้จะไม่ได้ยินว่าทั้งสองสนทนาอะไรกัน แต่ดูจากสีหน้าของท่านหญิงลู่จิวแล้วคงไม่ใช่เรื่องที่น่าพึงพอใจนัก
“เจ้านั่นบอกว่าคนของเขาจะจับปลามาให้ พวกเจ้าก็เตรียมตัวเอาไว้เถอะ ข้าจะขึ้นไปรอบนรถม้าได้ปลามาเมื่อใดก็ค่อยไปตามข้า”
เอ่ยเพียงเท่านั้นหยวนชิงหลิงก็เดินกลับไปที่รถม้าของตนด้วยอารมณ์ที่แสนหงุดหงิดจ้าวหงอิงมองไปที่เหล่าพ่อครัวจากนั้นมองตามหลังหยวนชิงหลิง นางไม่รู้ว่าตนจะต้องตามนางกลับไปหรือต้องรออยู่ที่นี่กับพวกพ่อครัว
“เจ้ายืนทำอะไรอยู่ตรงนั้น มานี่สิ”
นางหยุดเดิน แล้วหันไปกวักมือเรียกจ้าวหงอิง
“เจ้าค่ะข้ากำลังไปแล้ว”
จ้าวหงอิงวิ่งตามร่างเล็กที่เดินนำหน้าขึ้นรถม้าไป
