บท
ตั้งค่า

Chapter 3 《 Part 1 》

ห้อง 807

ฉันผลักประตูเข้ามาสุดแรง นี่ถ้าไม่เกรงใจกล้องวงจรปิดตรงระเบียงทางเดินคงยกเท้าถีบไปแล้ว คนที่อยู่ในห้องหันมามองเป็นตาเดียว ฉันก้าวดุ่มๆ ไปที่เตียงโดยไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งนั้น

“ทำบ้าอะไรของนาย!” ฉันกระชากคอเสื้อคนเจ็บขึ้นมาจากเตียง

“คะคุณ...” พยาบาลกำลังวัดความดันที่แขนของฮาน ผงะถอยหลังอย่างตกใจหันมามองหน้าตาตื่น

“เพนนี” เสียงเรซ

เรซคือคนที่อยู่ในห้องกับฮาน แล้วก็มีผู้หญิงรูปร่างเซ็กซี่นมเป็นนมตูดเป็นตูดอีกคนที่ยืนเกาะแขนเรซอยู่ข้างๆ เธอมองมาที่ฉันด้วยแววตาตกตลึงไม่แพ้กัน

“คุณคะ คุณทำอะไร ปล่อยคนไข้ก่อนค่ะ”

ฉันไม่สนเสียงเตือนของพยาบาล กำคอเสื้อฮานแน่น จ้องลึกเข้าไปในดวงตาคมเข้มอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ ถ้าจับหักคอได้คงหักไปแล้ว

“....” ขณะที่ทุกคนแตกตื่นฮานกลับมองฉันด้วยสายตาเรียบนิ่ง

“ฉันถามว่านายทำบ้าอะไร มายุ่งกับลูกฉันทำไม ไอ้คนสารเลว” ฉันตะโกนอย่างเหลืออด ง้างมือขึ้นจะฟาดใส่คนตรงหน้าเพื่อระบายความแค้นที่สุมอยู่ในอก แต่ข้อมือฉันกลับถูกเรซคว้าเอาไว้ซะก่อน

เขาดึงฉันออกห่างจากฮาน

“พอได้แล้วเพนนี”

“นี่ปล่อยนะ” ฉันสะบัดมือเรซออกแต่ทำยังไงก็ไม่หลุด หันไปมองเรซนัยน์ตาขวาง “ไม่ใช่เรื่องของตัวเองอย่ายุ่ง!”

“ฉันปล่อยเธอทำร้ายเพื่อนฉันไม่ได้”

เรซยังคงพูดจาเย็นชากับฉันไม่ต่างจากในอดีต เมื่อก่อนเป็นยังไง ตอนนี้ในสายตาของเขาก็ยังมองฉันเป็นแค่ตัวน่ารำคาญเหมือนเดิม ฉันที่ยังดึงดันฮึดฮัดใส่ฮานหันไปมองหน้าเขาทันที มองใบหน้าไร้ความเห็นใจของเรซ รู้สึกเกลียดเข้ากระดูกดำ หมอนี่เป็นผู้ชายในแก๊งเรดซันคนสุดท้ายที่ฉันอยากเผชิญหน้าด้วย

“นายมันก็ชั่วพอๆ กับเพื่อนนายนั่นแหละ คนชั่วยังไงก็ชอบปกป้องกันอยู่แล้ว”

“ยัยเด็กแสบ”

“โอ๊ย!” ไอ้บ้าเรซมันบีบข้อมือฉันแรงขึ้น

“เรซ...” ผู้หญิงที่อยู่ข้างเรซก่อนหน้านี้เอ่ยขึ้นด้วยท่าทางไม่สบายใจ ฉันเพิ่งจะมีโอกาสมองหน้าเธอชัดๆ แล้วก็นึกออก... พี่เทียนเพื่อนคะนิ้งนี่เอง

“ปล่อยเพนนี” เสียงเย็นยะเยือกของฮานดังขึ้นทำให้เรซยอมปล่อยมือจากฉันอย่างเสียไม่ได้ แต่ยังจับตามองฉันทุกฝีก้าว เรียกได้ว่าถ้าฉันคิดจะทำอะไรแผลงๆ กับฮานอีก หมอนี่ได้ล็อกตัวฉันทันที

ฮานหยัดตัวขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก พยาบาลรีบปรี่เข้ามาช่วยพยุงอย่างออกนอกหน้า ถ้าไม่ติดว่าทำตามหน้าที่ฉันคงคิดไปแล้วว่าเธอจงใจหาเศษหาเลยกับคนไข้

ฮานยกมือขึ้นเป็นสัญญาณให้พยาบาลถอยออกไปหลังลุกขึ้นนั่งได้สำเร็จ ทำให้เราสองคนเผชิญหน้ากันตรงๆ

“เธอจะฆ่าฉันหรือไง” นั่นเป็นประโยคแรกที่เขาพูดกับฉัน

“ถ้าฆ่าได้ ฆ่าไปแล้ว”

“ในเมื่อรู้ว่าฆ่าไม่ได้ ก็อย่าพยายาม”

ฉันกัดฟันกรอด จ้องใบหน้าเรียบสนิทของคนพูดเขม็ง

โกรธที่ฉันไม่สามารถสร้างบาดแผลให้เขาได้ ไม่ว่าจะเป็นร่างกายหรือจิตใจ แต่ก่อนที่จะถูกแรงกดดันจากฮานครอบงำจนไม่เหลือเหตุผลควบคุมสติ ฉันพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา

“พวงกุญแจรถคันนั้นไปอยู่ในมือตาหนูได้ยังไง”

“เมื่อเช้าแวะไป”

“อะไรนะ”

“เธอหลับ”

ตอบมาแบบหน้าตาเฉย เหมือนไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร ฉันเดือดพล่าน สั่นไปหมดทั้งตัว ใบหน้าชาวาบไปด้วยความโกรธ พูดอะไรไม่ออกเมื่อรู้ว่าฮานอยู่ที่นั่นตอนฉันหลับ

“ทำแบบนี้ทำไม ต้องการอะไร ที่ผ่านมายังเห็นฉันทรมานไม่พอหรือไง”

“….” ฮานไม่ตอบ เขามองหยาดน้ำตาที่ไหลผ่านรวงแก้มฉันด้วยสายตาเรียบนิ่ง

“ถ้ายังพอมีหัวใจอยู่บ้าง ขอร้องปล่อยฉันกับลูกไปเถอะ อย่ามายุ่งกับเราสองคนอีกเลย” ฉันกลั้นสะอื้นต่อไม่ไหว น้ำตาไหลพราก ยกมือขึ้นปิดปาก พยายามกดความอ่อนแอในใจลงไป แต่ยิ่งกลั้นมันก็ยิ่งทะลักออกมา

สายตาฉันพร่ามัวเพราะคลื่นน้ำตา มองแทบไม่เห็นสีหน้าของฮาน ชั่วขณะที่ฉันเปิดเผยความรู้สึกที่อัดอั้นอยู่ข้างใน เสียงฮานก็ดังขึ้น

“ถ้าเธอไม่พอใจก็เอาลูกมาให้ฉัน แล้วฉันจะไม่ยุ่งกับเธออีก”

เส้นอารมณ์ฉันขาดสะบั้นลงทันที กรีดร้องอย่างเดือดดาล พุ่งเข้าไปทำร้ายฮานแต่ข่วนได้แค่แขนที่เขายกขึ้นมาป้องกันใบหน้าตามสัญชาตญาณ ก่อนที่ฉันจะถูกเรซล็อกตัวแล้วจับโยนออกจากห้องแบบไม่ทันตั้งตัว

“เรซ! ไอ้บ้าเปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ ฉันบอกให้เปิดไง สารเลวเอ๊ย! พูดออกมาได้ยังไง ไอ้บ้า บอกให้เปิดไงวะ”

ฉันปราดเข้าไปทุบประตูพลั่กๆ เขย่าลูกบิดอย่างบ้าคลั่ง แต่ประตูถูกล็อกจากด้านใน กระชากจนฝ่ามือแดงเถือกก็ไม่ยอมเปิด

“ฉันไม่มีทางยกลูกให้นายได้ยินไหมฮาน ไม่มีวัน!”

พลั่กๆ

“เปิด! ออกมาคุยให้รู้เรื่อง ไอ้สารเลว ขี้ขลาด ไอ้คนไร้ยางอาย คิดจะเอาลูกไปจากฉันเหรอ ข้ามศพฉันไปก่อนเถอะ โว้ยย!”

“พะเพนนี… เพนนีใจเย็นก่อนนะ ที่นี่โรงพยาบาลอย่าลืมสิ”

ใครสักคนเอ่ยเตือนอย่างกล้าๆ กลัวๆ จับแขนฉันรั้งออกห่างประตู ฉันหันขวับไปมองตาขวางพร้อมกับสะบัดแขนออกอย่างฉุนเฉียว

“....” พี่เทียนทำหน้าเกร็งๆ ผงะไปด้านหลังเล็กน้อย กำลังมองฉันด้วยสายตาปรามๆ

ฉันยอมรับว่าแอบตกใจที่เห็นเธอ และก็ประหลาดใจที่ก่อนหน้านี้ฉันไม่ทันสังเกตว่าเธอออกมาด้วย มัวแต่โกรธจนไม่ได้สนใจสิ่งต่างๆ รอบตัว พอสงบใจลงก็เห็นห้องข้างๆ เปิดประตูออกมาดู คนที่เดินผ่านไปมาตรงทางเดินก็กำลังมองด้วยสายตาแปลกๆ

ฉันเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรงแบบเดียวกับที่ตาหนูทำเวลารู้สึกขัดใจ

“ใจเย็นๆ” พี่เทียนลูบแขนฉันแล้วพูดคำเดิมซ้ำๆ เหมือนไม่รู้ว่าจะปลอบยังไงดี

ฉันมองแขนที่ถูกคนตรงหน้าลูบ พยายามข่มความรู้สึกที่อยากจะปัดมือเธอทิ้งเอาไว้ คิดว่าฉันจะยิ้มแล้วบอกว่า ‘ได้ค่ะพี่ หนูจะใจเย็น ขอบคุณนะคะที่ช่วยเตือนสติ’ อย่างงั้นเหรอ!? มีแต่นางเอกในละครเท่านั้นล่ะที่จะตัดใจง่ายขนาดนั้น

พี่เทียนเป็นฝ่ายเอามือออกไปเอง หลังมั่นใจแล้วว่าฉันจะไม่บุ่มบ่ามอาละวาดอีก ตอนนั้นประตูก็เปิดพรวดออกมาพร้อมสีหน้ากังวลของเรซที่เหมือนทำของสำคัญหาย

“เทียน!”

“เรซ...”

“ออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่”

หมอนั่นจ้องพี่เทียนอย่างไม่สบายใจ ท่าทางอยากกระชากเธอกลับเข้าไปข้างในใจจะขาดแต่เพราะอะไรไม่รู้ทำให้เรซไม่กล้าใช้กำลังกับพี่เทียน

“ก็ตั้งแต่ที่เรซอุ้มน้องออกมานั่นแหละ”

“แล้วเทียนออกมาทำไม กลับเข้ามาเดี๋ยวนี้” เรซมีสีหน้าเหนื่อยใจ เขายื่นมือออกมาโดยยังใช้ร่างบังช่องประตูเอาไว้ กันไม่ให้ฉันหรืออะไรก็ตามที่เขาไม่อนุญาตให้ผ่านเข้าไปได้

“ไม่ล่ะ” พี่เทียนมองฉันก่อนหันไปปฏิเสธเรซอย่างไม่ลังเล

เรซขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้บีบบังคับ หมอนั่นมองเราสองคนด้วยสายตาครุ่นคิดชั่วแวบหนึ่งก่อนพยักหน้ายอมปล่อยให้พี่เทียนทำตามใจชอบ

ฉันเคยได้ยินคะนิ้งพูดว่าเรซหลงพี่เทียนมาก แต่ก็นึกภาพไม่ค่อยออก เพราะภาพจำของเรซในหัวฉันคือผู้ชายที่ไม่เคยแคร์อะไรมากไปกว่าผลประโยชน์และความต้องการของตัวเอง ยากมากที่เขาจะยอมให้ผู้หญิงสักคนทำตามอำเภอใจแบบนี้

“ถ้าจะกลับก็โทรมา” เรซบอกพี่เทียนแค่นั้นก็ปิดประตูกลับเข้าไปข้างใน

“เฮ้ย! เดี๋ยวสิ...” ฉันร้องเรียก พุ่งเข้าไปหาประตูที่ปิดลงอย่างฉุนๆ ใจอยากเข้าไปเคลียร์กับฮานให้จบๆ พอนึกถึงคำพูดที่หมอนั่นพูดขึ้นมาทีไร อารมณ์ฉันก็พุ่งปรี๊ดจนแทบจะพ่นไฟได้

บ้าเอ๊ย!

พลั่ก!

ฉันถีบประตูไปทีหนึ่งด้วยความหงุดหงิด

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel