บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 แต่งงาน (3)

การที่ลูกสาวคนกลางของพ่อเลี้ยงรณมาอยู่ที่ร้านอาหารแห่งนี้มันก็เท่ากับว่าการครอบครองตัวสาวน้อยจะสมหวังอย่างที่ตั้งใจ

“เรื่องสินสอดหนูปลายฝนไม่ต้องเป็นห่วงเลยนะ ฉันจะให้สินสอดกับพ่อหนูร้อยล้าน แล้วก็เงินฟื้นฟูไร่เพิ่มอีกยี่สิบล้าน ส่วนเรื่องแก้วแหวนเงินทองอื่น ๆ ฉันก็จะจัดการไม่ให้น้อยหน้าใคร”

เหมราชเปิดประเด็นพูดถึงเรื่องแต่งงานขึ้นทันทีโดยไม่มีช่องเว้นว่าง คนที่ได้ฟังก็ได้แต่ใจหายวูบโหวงอยู่ลึก ๆ ไม่รู้ว่าคิดถูกหรือคิดผิดที่ตอบตกลงจะแต่งงานเพื่อรักษาไร่ของครอบครัว

“เอ่อ ฝนว่าท่านเหมอย่าเพิ่ง...”

“ฉันบอกแล้วไงว่าอย่าเรียกฉันว่าท่าน!”

“อึก...”

ทว่าคำเอ่ยที่ไม่ต่างจากคำประกาศิตทำให้ปลายฝนถึงกับตัวสั่นระริกขึ้นมาทันที เธอเห็นสีหน้าเดือดดาลและน้ำเสียงแข็งกร้าวของเขาก็รู้เลยว่าเธอกำลังทำเรื่องผิดพลาดเข้าแล้ว

“ขอโทษค่ะ แล้วจะให้ฝนเรียกคุณว่าอะไรดีล่ะคะ ก็ปกติคนอื่น ๆ ก็เรียกท่านเหมกันทั้งนั้น”

และเพียงเสี้ยววินาทีปลายฝนก็สามารถปรับพลิกสถานการณ์ตึงเครียดได้ทัน เธอส่งยิ้มหวานพร้อมกับกดสายตามองคนตรงหน้าอย่างยั่วเย้า

เธอจะไม่แสดงความอ่อนแอและความหวั่นกลัวให้อีกฝ่ายเห็นอย่างแน่นอน!

“ฮึ...หนูปลายฝนนี่น่ารักจริง ๆ เลยนะ และที่สำคัญหนูสวยมาก หนูสวยเหมือนแม่เลย สวยจนฉันใจสั่นเลยทีเดียว”

คนที่เพิ่งเดือดดาลเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นคนเจ้าชู้หว่านเสน่ห์ไปโดยปริยาย เพียงเห็นดวงตากลมโตคู่นั้นและรอยยิ้มพิมพ์ใจที่เขามองว่ามันสวยงามและน่าลิ้มรสเป็นที่สุด เพียงเท่านั้นก็ทำให้คนที่แข็งกร้าวอย่างเขาโอนอ่อนลงทันตา

“คุณเหมเคยเจอฝนมาก่อนหรือคะ” เธอมั่นใจว่าเธอไม่เคยเจอหน้าเขาจัง ๆ มาก่อน รู้จักเหมราชในนามของผู้ทรงอิทธิพลและเพื่อร่วมรุ่นของมารดาเท่านั้น แต่การพบเจอหรือพูดคุยเธอมั่นใจว่าไม่เคยเฉียดใกล้เขาสักนิด

“ใช่...ฉันแอบมองหนูอยู่ตลอดนั่นแหละ ก็เพราะว่าหนูสวยมากยังไงล่ะ หนูสวยเหมือนแม่ของหนู สวยจนฉันเพ้อฝันอยากได้มาเป็นเมีย!”

“…” เมื่อได้ยินแบบนั้นกลับยิ่งทำให้ปลายฝนขนลุกซู่

นอกจากสายตาคมของเขาจะจดจ้องมองเธอด้วยความรู้สึกบางอย่างแล้ว รอยยิ้มของเขายังเหยียดโค้งขึ้นราวกับกำลังนึกถึงอะไรบางอย่างที่เธอไม่สามารถรับรู้ได้เลย

“ให้พูดตรง ๆ อย่างไม่อ้อมค้อมก็คือ ฉันเล็งหนูไว้ตั้งนานแล้ว และตอนนี้ก็ถึงเวลาของฉันสักที!”

“อึก!”

ลมแอร์เป่าจนเรือนผมปลิวไหว แต่ทำไมเธอกลับร้อนจนหยาดเหงื่อผุดออกตามขมับและกรอบหน้า

ที่พูดต่อ ๆ กันว่าท่านเหมช่ำชองในเรื่องผู้หญิงเห็นจะเป็นเรื่องจริง นอกจากเขาจะตรงไปตรงมาแล้ว เขายังไม่ให้เกียรติผู้หญิงและหยาบคายที่สุด!

“หนูหน้าเหมือนแม่มาก อืม...ฉันชักจะรอวันที่ได้เข้าหอกับหนูไม่ไหวแล้วสิ หน้าอกหนูนี่น่าจับชะมัด...ฮึ!”

คำพูดชวนขนลุกยังคงออกมาอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงสายตาแทะโลมที่มองเธอมาตั้งแต่ใบหน้าและไล่ต่ำลงมาถึงช่วงอกอวบ

“มันจะดีแค่ไหนกันนะถ้าฉันได้นอนกับหนูและได้...”

“หยาบคาย! ไอ้...!”

มือเล็กกำเข้าหากันแน่น เธอโกรธจนตัวสั่น เกลียดจนตัวโยน อยากคว้าแก้วน้ำตรงหน้าและสาดใส่ผู้มีอิทธิพลคนนี้ซะ จะได้จำได้สมองว่าการกระทำแบบนี้ช่างไร้มารยาทและต่ำทรามที่สุด หากแต่ต้องกักเก็บและข่มความโกรธของตัวเองเอาไว้เมื่อปืนสีดำขลับสะท้อนออกมาราวกับเป็นการย้ำเตือนว่าเธอไม่ควรผลีผลามทำอะไรไม่คิดกับคนอย่างเขา

“อ้าว ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ โกรธอะไรฉันงั้นเหรอ”

ปลายฝนข่มความโกรธจนเนื้อตัวสั่น หยาดน้ำสีใสเอ่อคลอรอบดวงตาหวานจวนจะไหลหลั่ง แต่เธอกลัดกลั้นมันเอาไว้เพราะไม่อยากแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น

“เรื่องแต่งงานฉันขอกลับไปคิดดูก่อนนะ” สิ้นประโยคร่างบางก็ลุกขึ้นเมื่อไม่สามารถสนทนากับบุคคลตรงหน้าได้อีกต่อไป

เธอก้าวฉับออกไปนอกตัวร้านที่มีเหล่าลูกน้องของเขายืนจังก้าขวางทางอย่างกับรู้งาน พอเธอเบี่ยงเดินออกไปอีกทาง คนบึกบึนก็เดินตามมาขวางและผลักเธอจนเซผลาไปด้านหลังหลายก้าว

พอเธอพยายามฝ่ากลุ่มคนอย่างไม่คิดสนใจ แต่เพียงเสี้ยววินาทีก็ถูกคว้าหมับที่ต้นแขนจากทางด้านหลัง ทำให้ตอนนี้ร่างกายของเธอโถมเข้าหาเหมราชโดยไม่ทันตั้งตัว

“อย่าอวดดีให้มาก คิดว่าเด็กเมื่อวานซืนอย่างเธอจะมีหน้ามาทำตัวถือดีกับฉันได้หรือยังไง!” น้ำเสียงเหี้ยมเกรียมของเหมราชเอ่ยแหบพร่าข้างแก้มใส

มันบางเบาจนคนรอบนอกไม่ได้ยิน แต่เธอกลับรู้สึกถึงความโหดเหี้ยมและชั่วช้าจากเขาได้อย่างชัดเจน แถมมือใหญ่ที่ไม่ต่างจากคีมเหล็กร้อนก็กำลังแผดเผาบีบคั้นต้นแขนของเธอจนแทบแหลกสลาย เขาไม่สนใจสายตาของคนอื่นที่มองมา ใครต่อใครก็ต่างรู้ดีว่าเขามีอิทธิพลและทำได้ทุกสิ่งตามที่ต้องการ

“อึก! จะ...เจ็บนะ!” ใบหน้าหวานเชยขึ้นมองคนตรงหน้าอย่างไม่ลดละ เธอเจ็บปวดจนทนไม่ไหว แต่การแสดงความอ่อนแอก็ไม่ใช่ทางออกที่เธอควรทำ “ปะ...ปล่อย! บอกให้ปล่อยไง ไอ้คนทุเรศ!”

ทุกสิ่งพังทลายเธอจึงได้ด่าทอเขาออกมา แค่เธออดทนนั่งประจันหน้าอยู่กับคนทุเรศอย่างเขาได้นานนับนาทีก็ถือว่าอดทนมากพอแล้ว

ทั้งสายตาโลมเลียที่มองมา คำพูดคำจาแย่ ๆ ที่เอ่ยเอื้อน เธอไม่ใช่คนใจเย็นขนาดนั้นที่จะยอมให้เขาเหยียดหยามกันได้ถึงเพียงนี้

“ลืมไปแล้วงั้นสิว่าหนูจะต้องแต่งงานกับไอ้คนทุเรศคนนี้”

“ฉันไม่แต่ง! ฉันจะไม่แต่งงานกับ...”

“อย่าทำอะไรที่ไม่ควรทำเลยหนูน้อย ตอนนี้หนูปลายฝนและครอบครัวไม่ได้มีทางเลือกมากนักหรอกนะ ฉันจะให้เวลาคิดหนึ่งสัปดาห์ หวังว่าจะได้ยินข่าวดี!”

“อึก...ฉันจะไม่แต่งงานกับคุณ” เสียงหวานสั่นระริกแต่ก็ยังคงยืนยันเมื่อเห็นความทุเรศของผู้ทรงอิทธิพลที่กระทำการชั่วช้าผ่านคำพูดและสายตา

“ในเมื่อฉันช่วยไร่พันทิพย์ให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ ฉันก็สามารถพังมันลงได้เหมือนกัน คิดให้ดี ๆ หนูน้อย คนอย่างฉันไม่มีเวลากับไร่กระจอก ๆ ของหนูหรอกนะ!”

การข่มขู่ของเหมราชได้ผลจนปลายฝนสั่นระริก เธอสบสายตาคมด้วยความแค้นเคืองแต่ก็รู้ดีว่าตอนนี้เธอไม่ได้มีทางเลือกมากนัก

“ฉัน...”

“ถ้าหนูไม่อยากแต่งงานก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าหนูอยากให้ไร่อยู่รอดก็คงต้องไปขายตัวกับเสี่ยสักสามสี่คนแล้วล่ะ ถึงจะช่วยไร่ได้”

“สารเลว! อ๊ะ...!” ปลายฝนสะท้าน เธอพยายามข่มความเจ็บไว้ให้มากที่สุด แต่ทว่าเมื่อได้ยินคำพูดถัดมาของคนตรงหน้ากลับทำให้เธอเดือดปะทุขึ้นมาในทันที

“ถ้าไม่แต่งงาน...ก็รอดูวันที่ไร่ของหนูพังลงต่อหน้าต่อตาได้เลย!”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel