บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 ความคับแค้นใจ

ในช่วงปลายฤดูเหมันต์แห่งรัชศกรั่วเฉินที่แปด ภายหลังการเสด็จสวรรคตของฝ่าบาท รัชทายาทรั่วจิ่งเหอผู้ยังทรงพระเยาว์ถูกกำหนดให้ขึ้นครองบัลลังก์ในนาม ฮ่องเต้รั่วจิ่ง โดยมี องค์หญิงใหญ่รั่วเสียน ซึ่งได้รับพระราชโองการก่อนการสวรรคตให้เป็นผู้สำเร็จราชการแทนฮ่องเต้ นางกลายเป็นผู้แบกรับหน้าที่สำคัญท่ามกลางความยุ่งเหยิงและการแย่งชิงอำนาจในราชสำนัก

ขณะนี้ รั่วเสียนยืนอยู่บนหอธรรมแห่งวังหลวงสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เพื่อไว้ทุกข์ให้กับฮ่องเต้ที่สวรรคต นางทอดสายตามองผ่านกำแพงเมืองหลวงไปยังเบื้องนอกอันกว้างไกล สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความทุกข์ระทม นางกำนัลคนสนิท อูหวั่น อยู่เคียงข้างอย่างเงียบงันในห้วงความคิดที่หนักอึ้งของผู้เป็นนาย

เดิมที องค์หญิงใหญ่รั่วเสียนเป็นเพียงผู้ถูกกักขังในวังหลวงมาตั้งแต่แรกเกิด ด้วยฐานันดรอันสูงส่งทำให้นางต้องปฏิบัติตนเยี่ยงกุลสตรีชั้นสูง ถูกจำกัดให้อยู่แต่ภายในกำแพงวังและไม่มีสิทธิ์เปิดเผยใบหน้าให้ผู้ใดได้เห็นเพราะนางอาจจะถูกส่งไปเพื่อเป็นหมากในการเจริญสัมพันธไมตรีกับต่างแคว้นในอนาคต ดังนั้นความเป็นอิสระจึงเป็นสิ่งที่นางใฝ่ฝันมาถึงเสมอ

แต่บัดนี้ หน้าที่ของนางกลับเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง นางต้องรับผิดชอบชีวิตของน้องชายและราชวงศ์ หากพลั้งพลาดเพียงน้อยก็อาจหมายถึงจุดจบของราชบัลลังก์และสายเลือดของบิดา ฝ่าบาทผู้ล่วงลับเคยรับสั่งไว้ว่านางมีเพียงทางรอดเดียว นั่นคือการแต่งงานกับขุนนางผู้ทรงอำนาจในวังหลวงเพื่อสร้างพันธมิตรค้ำจุนราชวงศ์และปกป้องบัลลังก์ให้น้องชาย

เพราะหากไม่ทำเช่นนั้น ด้วยวัยเยาว์และความอ่อนแอของฮ่องเต้ การก่อกบฏจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

เนื่องจากพิธีแต่งตั้งฝ่าบาทพระองค์ใหม่นั้นจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า แม้ว่ารั่วเสียนจะเป็นผู้สำเร็จราชการแทนตามที่ได้รับการแต่งตั้ง ทว่านางก็เป็นพระธิดาคนโตของฝ่าบาท

ดังนั้นตามกฎการไว้ทุกข์นางจึงจำเป็นต้องสวดมนต์ภาวนาอยู่ที่หอธรรมเป็นเวลาหนึ่งร้อยวัน และการว่าราชการของนางก็คือการที่ฎีกาทั้งหลายถูกส่งมาให้นางประทับตราที่หอธรรมแห่งนี้

ถึงจะเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในวังหลวงทว่านางรู้ดีว่านางมีหน้าที่เป็นหุ่นเชิด ทำตามที่เหล่าขุนนางต้องการเท่านั้น และนางยังถูกดูหมิ่นจากเหล่าขุนนางแต่จำต้องเก็บความไม่พอใจนี้เอาไว้ด้วยท่าทางประดุจนางพญาหงส์

และวันนี้เจ้าหน้าที่ตรวจฎีกาก็นำฎีกาจำนวนไม่น้อยมาให้นางประทับตรา พร้อมกับลงนามรั่วเสียนนั่งลงพร้อมกับเปิดฎีกาอ่านอย่างช้า ๆ แม้ว่าจะมีหลายเรื่องที่นางยังไม่ค่อยเข้าใจ

หัวหน้าผู้ตรวจฎีกานำฎีกาที่สำคัญที่สุดมอบให้นางพร้อมกับเอ่ยว่า

"ทูลองค์หญิงใต้เท้าเสนาบดีพระคลังหลวงกัวกงได้ฝากคำมาว่า เรื่องนี้ด่วนยิ่งพ่ะย่ะค่ะ ขอให้องค์หญิงรีบประทับตราลงนามโดยด่วน ไม่อาจรั้งเอาไว้ได้เช่นทุกครั้ง"

รั่วเสียนยกมุมปากเล็กน้อย ท่าทางคล้ายสมเพชตนเองอยู่มาก

"ใต้เท้าจิ่วจะบอกว่า ข้าไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธสินะ ใช่สิตำแหน่งของข้าก็แค่ในนามเท่านั้น"

ใต้เท้าจิ่วหัวหน้าผู้ตรวจการคนนี้ เป็นคนสนิทของเสด็จพ่อของนาง รั่วเสียนค่อนข้างที่จะไว้วางใจเขาและเขาก็ค่อนข้างสนิทกับนาง ทว่าน้ำเสียงดุดันของนางก็ทำให้เขาอึกอัก

"เอ่อ...คือ..."

"ช่างเถิด ข้ารู้ดีว่าท่านเองก็ทำตามหน้าที่เท่านั้น คนผู้นั้นเป็นคนที่เสด็จพ่อไว้วางพระทัยและแต่งตั้งเขามาด้วยตนเอง เขาย่อมเป็นคนที่เชื่อถือได้"

"เป็นเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ"

รั่วเสียนจ้องใบหน้าใต้เท้าจิ่ว

"แต่ข้าสงสัย ว่าไยเสด็จพ่อไม่พระราชทานสมรสให้ข้ากับเขาให้สิ้นเรื่อง ไยต้องให้ข้าร้องขอและยั่วยวนทำให้เขาแต่งกับข้าให้เสียศักดิ์ศรีองค์หญิงใหญ่ด้วย"

ใต้เท้าจิ่วเอ่ยว่า

"เรื่องนั้นเป็นการตกลงกันตั้งแต่ปฐมกษัตริย์ ที่ว่าฝ่าบาทหรือไม่ว่าจะเป็นราชวงศ์คนใด ก็ไม่อาจก้าวก่ายเรื่องฮูหยินในจวนสกุลกัวได้ ด้วยพวกเขามาจากเผ่าสยง อันเป็นเผ่าที่จะแต่งงานกันด้วยความรักหาใช่แต่งเพราะการเมือง ด้วยความดีความชอบของสกุลกัวในการช่วยปฐมกษัตริย์สร้างราชวงส์ ดังนั้นสกุลกัวจึงได้รับการตราพระราชทานห้ามผู้ใดยุ่งเกี่ยวกับการสมรสในจวนพวกเขา ดั้งนั้นมีทางเดียวที่จะแต่งงานกับคนสกุลกัวได้ก็คือต้องทำให้พวกเขาเอ่ยปากด้วยตนเอง เรื่องนี้คงต้องลำบากองค์หญิงแล้วพ่ะย่ะค่ะ"

ได้ฟังเรื่องนี้รั่วเสียนก็ทอดถอนใจยาวออกมา แน่นอนว่าเสด็จพ่อไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องพวกนี้กับนางมาก่อน

"ข้าเข้าใจแล้ว ช่างเป็นสกุลที่ยิ่งใหญ่คับฟ้าข้าต้องยอมก้มหัวให้จริง ๆ "

"จะว่าไปก็เป็นเช่นนั้น สกุลกัวเพียงสกุลเดียวสามารถต่อต้านเหล่าขุนนางทุจริตที่ร่วมมือกันได้นับสิบสกุล อำนาจคลังหลวงอยู่ที่กัวผู้ที่ ส่วนอำนาจทหารอยู่ที่กัวผู้น้อง ใต้เท้ากัวผู้เป็นพ่อก็เป็นสหายรักของอดีตฝ่าบาททั้งยังเป็นที่เคารพยำเกรงและยังเป็นที่รักใคร่ของประชาชน ดังนั้นคนที่ค้ำยันราชวงศ์และซื่อสัตย์ต่ออดีตฝ่าบาทก็คือสกุลกัวพ่ะย่ะค่ะ"

รั่วเสียนเคยได้พบใต้เท้ากัวผู้เป็นพ่อมาสองสามครั้งก่อนที่เขาจะเกษียณตนเอง ทว่าไม่เคยพูดคุยมาก่อนด้วยนางเป็นเพียงองค์หญิงผู้หนึ่ง นางแค่นน้ำเสียงเบาออกมาด้วยความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ

"จงรักภักดีต่อไปสิ ไยต้องแต่งงานด้วย"

"การแต่งงานคือหนทางที่จะช่วยฝ่าบาทน้อยได้อย่างยั่งยืนพ่ะย่ะค่ะ เวลานี้ภักดีแต่อนาคตหากว่าองค์หญิงผู้อื่นตัดหน้าได้พวกเขาไป ในเวลานั้นบัลลังก์ของฝ่าบาทน้อยอาจสั่นคลอนก็เป็นได้ ไม่มีผู้ใดทำนายอนาคตได้"

"เช่นนั้นท่านหมายความว่า ยังมีผู้อื่นสนใจเขาหรือ"

"พ่ะย่ะค่ะ เป็นองค์หญิงเก้ารั่วหลิน และองค์หญิงสามรั่วเตียวที่กระหม่อมได้ข่าวว่ากำลังคิดแย่งชิงคนสกุลกัวพ่ะย่ะค่ะ"

รั่วเสียนหมดกำลังใจแล้ว สองคนนั้นไม่ได้ถูกกักขังเช่นนาง โอกาสย่อมมีมากกว่า ส่วนตัวนางเองไม่รู้อะไรเกี่ยวกับผู้ชายเลยแม้แต่น้อย หนทางที่นางกำลังเดินช่างยากลำบากยิ่งนัก

ใต้เท้าจิ่วเอ่ยต่อ

"แต่องค์หญิงไม่ต้องทรงกังวลพระทัย ด้วยองค์หญิงของกระหม่อมทรงพระสิริโฉมเพียงนี้ไม่ว่าสตรีใดก็ไม่อาจสู้ได้ อีกทั้งไม่ว่าบุรุษใดเพียงเห็นพระพักตร์ย่อมต้องตกหลุมรัก ดังนั้นการเอาชนะใจบุรุษสกุลกัว ไม่ว่าผู้ใดผู้หนึ่งย่อมทำได้สำเร็จอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ"

"ท่านยกย่องข้าเกินไปแล้ว ข้ามิได้งดงามเพียงนั้นและมันไม่ได้ง่ายอย่างที่ท่านคิด"

นางรู้ตัวดีว่าตนเองไร้ความสามารถเพียงใด นางไม่เคยพบกับบุรุษใดนอกจากขุนนางสูงอายุที่เสด็จพ่อไว้วางพระทัย กับบรรดาขันทีรับใช้ในวังหลวง กระทั่งองครักษ์ของนางก็ยังเป็นสตรีที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างหนัก เช่นนั้นแล้วนางจะเอาใจผู้ใดให้มาตกหลุมรักนางได้

สีหน้าหนักพระทัยขององค์หญิงใหญ่ ทำให้ใต้เท้าจิ่วรีบนำบางสิ่งบางอย่างออกมาแล้วมอบให้นาง

"นี่คืออะไร"

ใต้เท้าจิ่วเอ่ยโดยไม่กระดากปากเลยแม้แต่น้อย

"เป็นหนังสือตำราเสพสังวาสจากหอบุปผาโปรย หลังจากพ้นการไว้ทุกข์แล้วกระหม่อมจะพาคนสำคัญมาพบพระองค์ เช่นนั้นเรื่องการ เอ่อ...ยั่วยวนบุรุษนั้นองค์หญิงไม่ต้องทรงกังวลแล้วพ่ะย่ะค่ะ"

รั่วเสียนเงยหน้ามองใบหน้าที่แม้จะสูงวัยและมีรอยเหี่ยวย่นแล้ว ทว่ายังคงเค้าความงดงามอยู่มากของใต้เท้าจิ่ว

"สิ่งนี้ท่านเคยใช้หรือไม่"

"องค์หญิงกระหม่อม..."

รั่วเสียนเผยรอยยิ้มงดงามหวานปานน้ำผึ้งออกมา นางกระซิบแผ่วเบาแม้ว่าในสถานที่แห่งนี้จะมีเพียงนางกำนัลคนสนิทของนางเท่านั้นที่ยืนอยู่เบื้องหลัง

"ข้ารู้เรื่องของท่านทุกเรื่อง ท่านมิใช่ขันทีที่ไต่เต้าจนได้ตำแหน่งหัวหน้าผู้ตรวจฎีกา แต่ท่านคือ...สตรีที่เสด็จพ่อโปรดปรานจนยอมให้ท่านรับราชการทั้ง ๆ ที่ขัดกับหลักการปฏิบัติ"

เพราะใต้เท้าจิ่วผู้นี้มีใจอยากรับราชการถวายงานรับใช้ นางไม่ยอมเป็นพระสนม ฝ่าบาทจึงได้บอกกับทุกคนว่าเขาคือขันทีและมอบหมายตำแหน่งหัวหน้าผู้ตรวจฎีกาให้เขาและปกปิดฐานะที่แท้จริงมาเสมอ

ทว่ารั่วเสียนกลับค้นพบเรื่องสำคัญเข้า เมื่อยามที่นางยังเด็กและวิ่งซุกซนอยู่ในวังหลวง นางก็เห็นเสด็จพ่อแอบลักลอบพบกับขุนนางผู้นี้ รั่วเสียนจึงได้เก็บความลับมาเนิ่นนาน

ใต้เท้าจิ่วใบหน้าแดงก่ำ เขาเองก็รู้ว่าองค์หญิงใหญ่รู้เพราะวันนั้นเป็นฝ่าบาทที่บอกแก่เขาเอง แต่เขาก็ไม่คิดจะสอบถามอันใดด้วยรู้ดีว่าองค์หญิงใหญ่ไม่มีทางเปิดโปงเขาอย่างแน่นอน

ใต้เท้าจิ่วเอ่ยว่า

"ในเมื่อองค์หญิงใหญ่ทรงรู้แล้ว เช่นนั้นหม่อมฉันจะไม่ปิดบังว่าหม่อมฉันเคยใช้เพคะ"

"ท่านหมายความว่าเพราะของสิ่งนี้จึงทำให้เสด็จพ่อลุ่มหลงท่านหรือ"

ใต้เท้าจิ่วเผยรอยยิ้มกว้าง "เป็นเช่นนั้นเพคะ"

"ท่านคิดว่าตำรานี้จะช่วยข้าพิชิตใจ บุรุษสกุลกัวได้แน่หรือ"

"เพคะ"

"แต่ข้าได้ยินมาว่า เสนาบดีกัวกงผู้พี่นั้นเย็นชาและเหมือนจะไร้หัวใจไม่เข้าใกล้สตรี ส่วนแม่ทัพกัวเหวยก็อยู่ไกลถึงชายแดน ในขณะที่น้องชายคนที่สามของพวกเขาอายุเพียงสิบหกปีก็ยังอยู่ชายแดน เช่นนั้นแล้วตัวเลือกของข้าก็มีเพียงเสนาบดีกัวกงผู้เย็นชาสินะ"

"เป็นเช่นนั้นเพคะ"

รั่วเสียนกัดฟันสีหน้ากลัดกลุ้มเป็นอย่างมาก นางเหม่อลอยไปไกลนึกถึงวันวานในวันที่เสด็จพ่อยังมีพระชนม์ชีพอยู่ ในครานั้นนางอายุสิบเจ็ดปีและบังเอิญได้ยินเสด็จพ่อตรัสกับเสนาบดีกัวกงว่า

"องค์หญิงใหญ่รั่วเสียนของเราเป็นสตรีที่งดงามและเป็นสตรีที่เราหวงแหนยิ่งนัก ใต้หล้านี้คนที่เหมาะสมกับนางคงมีแต่ท่านเสนาบดีกัวกงของข้าแล้ว ท่านว่าอย่างไรหากข้าจะขอความเห็นของท่าน ว่าท่านเห็นด้วยหรือไม่ที่จะรับนางเข้าจวน"

ในเวลานั้นนางซ่อนอยู่หลังม่านที่ประทับของเสด็จพ่อ นางไม่เห็นใบหน้าของเขาชัดเจนนัก รู้แต่ว่ารูปร่างของเขานั้นสูงโปร่งและเค้าหน้าคล้ายจะคมคายอยู่ไม่น้อย ทว่าน้ำเสียงของเขากลับเยือกเย็นนักในยามที่เขาเอ่ยว่า

"ขออภัยที่ต้องตอบฝ่าบาทตามความจริง กระหม่อมชอบสตรีที่ต้องคุกเข่าให้กระหม่อม มิใช่สตรีที่กระหม่อมต้องคุกเข่าให้ตลอดชีวิต ต่อให้องค์หญิงใหญ่งดงามราวกับเซียนบนสวรรค์ ชาตินี้ทั้งชาติกระหม่อมก็จะไม่มีทางแต่งกับนางเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ"

ในเวลานั้นหัวใจของสาวน้อยเช่นนางได้ถูกบุรุษผู้เย็นชานามกัวกงทำลายไปโดยสิ้น นางหมดสิ้นความมั่นใจและโกรธแค้นเขานักที่ชิงปฏิเสธนางตั้งแต่ยังไม่ทันได้พบหน้า

รั่วเสียนที่อยู่หลังม่านบังตากำมือแน่น ได้แต่คิดในใจอย่างเคียดแค้น

คนผู้นั้นช่างถือดีนัก นางเองก็เป็นถึงองค์หญิงใหญ่ที่เลือกได้ แน่นอนว่านางก็เหมือนกัน ชาตินี้ทั้งชาติจะไม่มีวันแต่งกับเขาเป็นอันขาด!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel