ตัวประกอบหนีตายจากนิยายไม่ตรงปก 2

0 · จบแล้ว
Ocean Books
46
บท
7.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

คำโปรย เจียงลี่มี่ทะลุมิติมาเป็นตัวประกอบที่รอดตายในนิยายที่เธอรู้เรื่องทุกอย่าง ผ่านไปครึ่งเรื่องเหตุการณ์ในนิยายเริ่มไม่ตรงปก ฉันเป็นแค่ดารานะ ไม่ได้แมรี่ซูเหมือนในซีรีส์ แล้วแบบนี้ฉันจะไปต่อยังไงละเนี่ย แนะนำเรื่อง เมื่อดาราดังดันทะลุมิติเข้าไปนิยายเรื่องโปรดที่ตัวเองจะต้องแสดง แทนที่จะเป็นนางเอกจบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้ง ดั๊นมาอยู่ในร่างตัวประกอบที่ตายในสามบรรทัด หึ! เธอรู้เรื่องตั้งแต่ต้นจนจบ กะอีแค่หนีจากชะตาร้ายบัดซบนี่ หลับตาเดินก็ยังได้ อุตส่าห์รอดตายมาได้จนถึงครึ่งเรื่องแล้ว แต่ทำไมพักหลังมานี้ เหตุการณ์ที่เธอเจอเข้ากับตัวถึงไม่เหมือนในนิยายที่เคยอ่านมา ตัวร้ายอย่างฮุ่ยอ่อง ไหนว่าหลงสุรานารีไม่เอางานเอาการ แต่กินยาผิดขวดหรือไงถึงกลายเป็นท่านอ๋องแสนฉลาดสุขุม แล้วนี่อะไร เธอไปมีลูกพี่ลูกน้องที่ทั้งเก่งกาจและเพอร์เฟคซะขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วพระเอกอย่างเหวินอ๋องที่เป็นคู่หมั้นของเธอจะเอาตัวรอดได้รึเปล่า โอ๊ย!! ฉันเป็นแค่ดารานะ ไม่ได้เป็นสายลับ หมอ หรือตำรวจที่จะเก่งเหมือนซีรี่ส์ที่เคยดู แล้วฉันจะรอดไปถึงตอนจบของเรื่องมั้ย เจียงลี่มี่หัวจะปวด!!

นิยายรักโรแมนติกเกิดใหม่ในนิยายข้ามมิติดารานิยายจีนโบราณจีนโบราณนิยายรัก

1. ความคิดของเหวินอ๋อง

“มี่เอ๋อร์ อาการป่วยของเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง” เจียงลี่มี่สบตาเหวินอ๋อง วันนี้เขามาพบที่เรือนพักของนาง

“ไม่มีอาการเจ็บป่วยเช่นเมื่อก่อน นับว่าหายดีได้หรือไม่” เธอตอบเขาก่อนจะครุ่นคิดกับตนเอง ที่ผ่านมา ร่างกายของเธอถูกพิษมาหลายปี แม้จะไม่ได้รับพิษเพิ่มแต่พิษเก่าเล่า ยังหลงเหลืออยู่หรือไม่

“ในอดีตเจ้ามีอาการเช่นไร” เขาถามต่อ

เจียงลี่มี่ทบทวนอาการของตนเองอย่างละเอียด

“ข้ารู้สึกอ่อนแรง เวียนหัวตลอดเวลา ร่างกายของข้าเหมือนมิใช่ของข้า เพียงเดินแค่สามก้าวก็หอบหายใจ ราวกับปีนขึ้นภูเขาสูง นานวันเข้าก็ไม่อาจทำสิ่งใด ได้แต่นอนนิ่ง ๆ”

เหวินอ๋องมองใบหน้างดงามนั้น เขาเอื้อมมือไปจับชีพจรของนาง สีหน้าเคร่งขรึม

“เลือดลมของเจ้ายังมีติดขัด ไม่ใช่อาการป่วยธรรมดา เจ้าถูกพิษหงฮวา” เขาเงยหน้าขึ้น มองนางอย่างสงสาร ผู้ใดกล้าวางยาพิษคู่หมั้นของเขาทั้งๆ ที่นางเป็นคุณหนูใหญ่ของจวนเสนาบดีฝ่ายซ้าย เขาอยากรู้นัก

“ท่านรู้วิชาแพทย์ด้วย?” เจียงลี่มี่หรี่ตา เธอรู้ดีว่าตนเองถูกพิษหงฮวา หากรู้ตัวช้า ย่อมไม่อาจรักษาได้ทัน พิษชนิดนี้ไม่มียารักษา หากใครกินเข้าไปเป็นเวลานาน โลหิตของคนผู้นั้นจะจาง ร่างกายอ่อนแอ ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง เหนื่อยง่าย หายใจติดขัด และตายในที่สุด

พิษชนิดนี้จึงเป็นทั้งยารักษาและยาพิษ นับว่าอนุกัววางแผนได้แยบยลนัก หากตรวจสอบก็ไร้ร่องรอยของพิษ

เหวินอ๋องมาที่จวนเสนาบดีฝ่ายซ้ายเพื่อพบเธอหลายครั้ง แต่ไม่ได้ทำสิ่งใด นอกจากมาดื่มชา อ่านตำรา ชวนเธอคุยเล็กน้อยแล้วก็กลับไป เขาทำเช่นนี้ทุกครั้ง เจียงลี่มี่มั่นใจว่าเหวินอ๋องนั้นเล่ห์เหลี่ยมร้ายกาจ เขาทำเช่นนี้ย่อมเป็นแผนการที่เขาวางไว้

“เพียงเล็กน้อย มิได้เก่งกาจเท่าหมอหลวง เจ้าถูกพิษนี้มานานเพียงใด ทราบหรือไม่ว่ามันไม่มียาถอนพิษ และตัวเจ้าก็ไม่สามารถมีลูกให้ข้าได้” เหวินอ๋องเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม น้ำเสียงดุดัน

เจียงลี่มี่ยิ้มจาง ๆ กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“ตัวข้าเองก็ไม่แน่ใจ ตอนที่ข้าอายุสิบห้าหนาวก็ลมหายใจขาดหาย แต่เหมือนสวรรค์ยังไม่ต้องการข้าในตอนนั้น ข้าจึงลืมตาขึ้นอีกครั้ง และข้าเองก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าตนเองนั้นถูกพิษ คิดเพียงว่าเป็นเพราะข้านั้นร่างกายไม่แข็งแรง จึงเจ็บป่วยมาตลอด”

เสี่ยวจูก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกผิด เมื่อเหวินอ๋องกล่าวถึงพิษ หากนางรู้เร็วกว่านี้ ที่ผ่านมาคุณหนูใหญ่คงไม่ต้องทรมาน

“โชคชะตาของเจ้าผูกกับข้า จึงรอดพ้นมาเช่นนี้”

เจียงลี่มี่รู้สึกคันปาก โชคชะตาของเขาและเธออย่างนั้นหรือ ใช่เสียที่ไหนล่ะ เพราะในนิยาย เธอกับเขาไม่ได้เจอกันเลย เพิ่งมาเจอก็ครั้งนี้ หากมีวาสนาต่อกันจริง เธอคงไม่ตาย

เธออยากตะโกนใส่หน้าหล่อ ๆ ของเขาว่า โชคชะตาขีดเขียนให้เขาคู่เหมยฮวา ไม่ใช่เธอ ในอนาคตเมื่อเธอแก้แค้นสำเร็จ โชคชะตาของเขากับเหมยฮวาอาจมาบรรจบกันอีกครั้ง

“พบกันวันนี้ จากกันวันหน้า ทุกสิ่งล้วนไม่จีรัง โชคชะตาของท่านกับข้าอาจเพียงพบเจอชั่วคราว หากไม่มีวันบรรจบ” เธอบอกเขาก่อนจะดึงมือกลับ แต่ไม่อาจทำได้เพราะเหวินอ๋องกุมมือของเธอไว้มั่นราวกับไม่ต้องการแยกจาก

“ข้าจะเป็นคนเปลี่ยนโชคชะตาเอง” เขาเอ่ยอย่างหนักแน่น ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าอย่างรวดเร็ว เจียงลี่มี่มองมือของเขาที่จับมือเธออยู่อย่างไม่เข้าใจ

“เหตุใดมือของท่านจึงหยาบกระด้างเช่นมือของชาวนา”

“ข้าอยู่เมืองเป่ยมาหลายปี เข้าป่าล่าสัตว์ ทั้งร่วมรบในสงคราม มือของข้าจึงไม่นุ่มนวลเช่นองค์ชายอื่นๆ แม้มือของข้าจะหยาบกระด้าง แต่ใบหน้าของข้างดงามที่สุดในบรรดาโอรสทั้งหมดของต้วนเล่อฮ่องเต้” เหวินอ๋องกล่าวออกมาหน้าตาเฉย

เจียงลี่มี่หัวร่อคิก เหวินอ๋องช่างเป็นคนที่หลงตัวเองยิ่งนัก

“แต่ข้าได้ยินมาว่า จินอ๋องรูปงามมากกว่าบุรุษทั้งแคว้น” เจียงลี่มี่ตอบกลับ อยากรู้ว่าเขาจะตอบเช่นไร สำหรับนางแล้ว แม้องค์ชายใหญ่หรือจินอ๋องจะหล่อเหลาเพียงใด ก็ไม่สามารถทำให้เธอสนใจได้

“หึ เสด็จพี่นะหรือ เขามีจุดดำที่ริมฝีปาก นั่นเท่ากับมีตำหนิบนใบหน้า จะรูปงามกว่าข้าได้อย่างไร”

เจียงลี่มี่จ้องมองใบหน้าของเขา หาร่องรอยตำหนิ แต่มองเท่าใดก็ไม่พบ นี่มันเบ้าหน้าฟ้าประทานชัด ๆ

“ผู้ใดวัดกันที่ตำหนิเพียงเล็กน้อยนั่น ท่านอ๋อง ตอนนี้หัวเมืองทางเหนืออากาศหนาวเย็น ชาวบ้านเดือดร้อน พืชผักขาดแคลน หากข้าจะส่งคนไปแจกข้าวของ ต้องใช้ของเท่าใดจึงจะพอ”

เจียงลี่มี่อยากรู้ว่าพระเอกของนิยายเรื่องนี้ มีความคิดเพียงไร ในนิยายเขาเจ้าเล่ห์ มากแผนการ ฉลาดแกมโกง เธอจึงอยากทดสอบเขา เพราะที่ผ่านมาเขาทำเหมือนกับเที่ยวเล่นไปวัน ๆ ไม่สนใจสิ่งใด

“หัวเมืองทางเหนือ? ที่นั่นโจรป่าชุกชุม ออกปล้นตลอดปี เป็นปัญหายืดเยื้อมานาน หากนำเงินทองไปจ้างหัวหน้าโจร ปล้นขุนนางฉ้อโกง นำเสบียงมากักตุน ยามขาดแคลนจึงนำออกมาแจกจ่าย เช่นนี้โจรป่าเหล่านั้นก็มีงานทำ มีเงินใช้ ชาวบ้านไม่อดยาก ขุนนางชั่วถูกตลบหลัง มีสิ่งใดที่ไม่ดี โจรป่าเหล่านั้นแม้จะเป็นโจร แต่ไม่เคยทำร้ายชาวบ้าน ทั้งชำนาญพื้นที่ ทางการล้อมจับกี่ครั้งล้วนล้มเหลว”

“จะดีเพียงใดหากวันหนึ่งสามารถใช้ประโยชน์จากโจรเหล่านั้นได้ มันยากที่จะถอนรากถอนโคนขุนนางฉ้อฉล หากจะล้างให้สะอาด วังหลวงคงไร้ขุนนาง แต่หากค่อย ๆ ตัดแขนขาพวกนั้นเรื่อย ๆ ค่อย ๆ บีบ จนไม่อาจหนีรอด กลายเป็นหมากในมือ ย่อมมีประโยชน์มากกว่ากำจัดทิ้ง”

เจียงลี่มี่ดวงตาเป็นประกาย เหวินอ๋องมิใช่คนดีสักเท่าใด เมื่อเธอหลอกใช้เขา จะได้ไม่รู้สึกผิดมากนัก

“ความคิดท่านประหลาดนัก ยืมมือโจรร้ายช่วยชาวบ้าน ดัดหลังขุนนางชั่ว ข้านับถือท่านจากใจ”

เหวินอ๋องจ้องมองนางด้วยสายตาหวานเชื่อม แนบริมฝีปากชิดใบหูขาว “ดีแล้วอย่างไร ชั่วแล้วอย่างไร ยามที่พบกันครั้งแรก เจ้ารู้หรือไม่ ข้าวางแผนอย่างไรเพื่อให้เจ้ามาอยู่เคียงข้าง”