ตอนที่3
“นี่เธอเป็นแบบนี้จริงๆหรือต้องการกวนประสาทฉันแน่เนี่ย” ภูผามองตามหลังหญิงสาวร่างเล็กด้วยสายตาแปลกใจไม่หายไม่เข้าใจว่าที่เธอทำประชดเขาหรือว่าเธอกลัวเขารำคาญจริงๆ
“ยังไงก็แต่งก่อนที่ท้องหลานฉันมันจะป่องกว่านี้ส่วนสินสอดก็แล้วแต่พวกคุณฉันไม่บังคับ” เมื่อคุยกันได้พักใหญ่ก็เป็นอันว่าผู้ใหญ่สองฝ่ายตกลงกันได้ด้วยดีในส่วนของสินสอดพิกุลไม่ได้เรียกร้องเพราะบ้านเธอแม้จะดูไม่มีเท่าสายทองแต่เธอก็มีพออยู่พอกินเลี้ยงหลานเลี้ยงเหลนของเธอได้สบายอยู่แล้ว
“เป็นอาทิตย์หน้าเห็นจะดีหรือเปล่าล่ะ” สายทองเห็นด้วยกับพิกุลที่จะไม่ให้ผ้าแพรนั้นท้องป่องในงานแต่งเนื่องจากหลานชายของเธอก็ค่อนข้างมีหน้ามีตาไม่อยากให้ดูไม่ดีเช่นกัน
“ได้ก็ดีค่ะ” พิกุลเองก็คิดว่าจะจัดให้เร็วแต่ก็ไม่กล้าพูดออกไปแต่เมื่อสานทองเสนอมาเธอก็ไม่ขัดจะได้จบๆไปไม่ขายขี้หน้าคนอื่นนาน
“อย่างนั้นก็เป็นอันตกลงกันตามนี้” สายทองพยักหน้ากับพิกุลและหันมามองกับโสพิศที่เอาแต่นั่งเงียบเหตุด้วยคงเพราะอ่อนใจกับลูกชายเธอ
“เธอท้องกี่เดือนแล้วล่ะ” โสพิศเดินมาคุยกับผ้าแพรพร้อมกับสายทองก่อนจะกลับเพราะอยากทำความรู้จักกับลูกสะใภ้ของเธอให้มากขึ้น
“หมอบอกว่าสิบสัปดาห์แล้วค่ะ” ผ้าแพรมองหน้าผู้ใหญ่ทั้งสองเล็กน้อยพอพูดจบก็เอาแต่ก้มหน้าทั้งน้ำตาเจ้ากรรมก็ไหลลงมาอีกรอบ
“เธอนี่ก็จริงๆเลยนะรู้ทั้งรู้ว่าตาภูหมั้นอยู่กับหนูเพียงฟ้าก็ยังจะปล่อยให้ท้อง” โสพิศรู้ว่าเรื่องมันผ่านไปแล้วแต่เธอก็อดจะตำหนิหญิงสาวในเรื่องนี้ไม่ได้เพราะเธอรู้ว่าผ้าแพรเป็นพนักงานในร้านของเพียงฟ้าซึ่งเป็นคู่หมั้นของลูกชายเธอแต่ก็ยังมีสัมพันธ์กับลูกชายเธอจนเกิดท้องมาได้
“คือหนู...ม.. ไม่ได้ตั้งใจ” ผ้าแพรเริ่มสะอื้นขึ้นมาอีกรอบเธอยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองอย่างรู้สึกผิดเธอรู้ดีว่าเธอต้องถูกตำหนิเรื่องนี้แต่เรื่องคืนนั้นเธอไมได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้นจริงๆ
“ตบมือข้างเดียวดังหรือยังไงล่ะแม่โสพิศ” สายทองหันไปบอกกับโสพิศว่าจะโทษผ้าแพรคนเดียวก็ไม่ถูก
“.....” โสพิศมองไปยังลูกชายของเธอที่นั่งรออยู่ห่างๆอย่างอ่อนใจที่อายุจะเข้าเลขสามแล้วยังสร้างแต่ปัญหาเรื่องผู้หญิงไม่เลิกได้แต่หวังว่าการมีลุกมีเมียเป็นตัวเป็นตนครั้งนี้ของลูกเธอจะทำให้หยุดนิสัยเสเพลเรื่องผู้หญิงได้บ้าง
“หนูขอโทษค่ะ...น..หนูขอโทษจริงๆค่ะ ขอโทษนะคะ” ผ้าแพรสะอื้นตัวโยนเธอรู้ว่าเธอทำให้ทุกคนเดือดเนื้อร้อนใจคำที่ดีที่สุดที่เธอจะกล่าวกับทุกคนก็คือขอโทษคำเดียวเท่านั้น
“อ้าวๆสะอื้นตัวโยนเลยพอแล้วๆเรื่องมันเกิดมาแล้วนี่นะใช่ว่าหนูจะผิดคนเดียวตาภูก็ผิดเหมือนกัน” สายทองรีบเข้ามากอดปลอบสาวน้อยร่างบางเพราะดูจะสะอื้นหนักประเดี๋ยวจะเป็นลมเป็นแล้งไปพวกเธอจะถูกพิกุลตราหน้าว่าทำร้ายหลานของเจ้าตัวอีก
วันต่อมา
“คุณฟ้า” ผ้าแพรรู้ว่าเพียงฟ้ามาหาที่บ้านจึงรีบออกมาต้อนรับในช่วงเย็นเพราะวันนี้เธอขอเพียงฟ้านั้นลาหยุด
“เป็นยังไงบ้างแพรยังมีเวียนหัวอยู่หรือเปล่า” เพียงฟ้าหิ้วผลไม้กับขนมมาฝากผ้าแพรเต็มตะกร้าหวายเพราะอยากให้เธอบำรุงเยอะๆทั้งถามถึงอาการคลื่นไส้อาเจียนที่ผ้าแพรนั้นเคยเป็นก่อนหน้านี้ด้วย
“มีบ้างค่ะคุณฟ้า”
“ได้ข่าวว่าอาทิตย์หน้าเธอจะต้องแต่งงานดีใจด้วยนะ”
“แพรถามจริงๆนะคะ.. คุณฟ้าไม่โกรธแพรจริงๆใช่ไหมคะ” ผ้าแพรหน้าเจื่อนเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจถามเรื่องนี้กับเพียงฟ้าอีกครั้ง
“ฉันจะโกรธเธอทำไมล่ะบอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้รักพี่ภูสักนิดต้องขอบใจเธอด้วยซ้ำที่ทำให้ฉันได้ถอนหมั้นเป็นอิสระเธอก็เหมือนน้องสาวของฉันฉันจะโกรธเธอลงได้ยังไง” เพียงฟ้ายังยืนยันคำเดิมว่าเธอไม่ได้รักภูผาที่หมั้นกันก็เพราะพ่อของเธอกับพ่อของภูผานั้นสัญญาในความเป็นเพื่อนกันเอาไว้เท่านั้น
แถมเธอยังคิดกับภูผาเป็นพี่ชายเพราะเห็นกันมาแต่เด็กๆภูผาเองก็คิดกับเธอเป็นน้องสาวเหมือนกันอีกอย่างเธอก็อยากหาเรื่องถอนหมั้นกับภูผานานแล้วด้วยเพราะเบื่อผู้หญิงของเขาที่ชอบตามรังควานเธอไม่หยุดไม่หย่อน
“ที่ฉันมาวันนี้ก็เพราะจะมาบอกว่าเธอไม่ต้องไปทำงานที่ร้านฉันแล้วคุณย่าสั่งมาให้เธอพัก”
“แต่แพรอยากทำงานนะคะแพรยังสามารถทำงานได้ทุกอย่างนะคะ” ผ้าแพรถึงกับส่ายหัวหงึกหงักการทำอาหารเป็นสิ่งที่เธอรักหากไม่ได้ทำเธอคงเฉาตายแน่
“อย่าให้ผู้ใหญ่เป็นห่วงสิแพร”
“ก็ได้ค่ะ” เจอประโยคดักเรื่องผู้ใหญ่แบบนี้มีหรือคนที่นอบน้อมอย่างผ้าแพรจะไม่ฟังและแล้วก็ต้องยอมจนได้
สามวันต่อมา
กรุงเทพมหานคร
บ้านริมน้ำ
บ้านริมน้ำเป็นบ้านหลังขนาดไม่ใหญ่มากนักเป็นบ้านสีขาวหลังใหญ่ราคาเหยียบร้อยล้านตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยามีเนื้อที่บริเวณรอบๆหลายสิบไร่เป็นของสายทองเธอละครอบครัวย้ายมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่สุรัตน์พ่อของภูผาลูกชายของเธอเสียเธอก็ย้ายจากคฤหาสน์หลังโตมาอยู่ที่บ้านริมน้ำเพราะที่นี่ค่อนข้างสงบร่มเย็นแถมยังบรรยากาศดีด้วยเหมาะแก่การพักผ่อนในวัยเกษียณของเธอยิ่งนัก
“จะแต่งงานอยู่แล้วจะไปไหนอีกตาภู” สายทองนั่งจิบชายามบ่ายที่ห้องนั่งเล่นเห็นหลานชายของเธอแต่งตัวเสียเต็มยศคงไม่พ้นออกไปเตร็ดเตร่แน่นอนเธอจึงร้องทักเอาไว้ก่อน
“หาความสุขบ้างสิครับคุณย่า” ภูผาคิดว่าเวลานี้คุณย่าของเขาจะงีบหลับอยู่ที่หลังบ้านเสียอีกนับว่าเขาเลือกเวลาผิดเสียจริง
