เจ้าของร่องรอยบนตัว
ยี่หวาเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ปิดประตูเสียงเบา พลางยกมือขึ้นลูบหลังคอไปมา ได้ยินพี่ๆเขาพูดถึงรอยที่คอเธอ แม้จะพูดเบามาก แต่เธอก็ได้ยินชัดเจน ไม่รู้เลยว่ามีร่องรอยของเขาหลงเหลืออยู่ รอยที่เธออยากให้มันหาย พอๆกับที่ยังอยากให้มันติดแน่นอยู่อย่างนี้ตลอดชีวิต
“ต้องเอากันหนักขนาดไหนวะ ถึงได้มีรอยฟันน่ากลัวขนาดนั้น”
ยี่หวากำมือแน่น เมื่อเสียงนอกห้องน้ำนั่น คือเสียงของคนที่แต่งหน้าให้เธอตอนเริ่มงาน ใบหน้าที่ทำเหมือนเป็นมิตร สุดท้ายก็มีพิษเหมือนกันหมด
“ก็นางแรงขนาดนั้น เรื่องนั้นก็ต้องรุนแรงด้วยป่ะ ฮะฮ่า”
“ฮะฮ่า พวกดาราก็งี้แหละ”
ยี่หวาพ่นลมหายใจออกไป เพื่อระบายความโกรธ รีบเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับเป็นชุดเดิม โดยพยายามทำเป็นไม่สนใจเสียงนินทาที่อยู่ด้านนอก คงตั้งใจพูดเหน็บให้เธอได้ยิน คงคิดว่าเธอไม่กล้าพูดอะไร เพราะช่วงนี้มีแต่ข่าวเสียหายเต็มไปหมด แต่คิดว่าคนอย่างเธอต้องทนฟังคนนินทาไหม ต้องตีหน้าใสซื่อให้คนดูถูกซึ่งๆหน้าแบบนี้หรือเปล่า
“เห็นว่ามั่วไม่เลิกด้วยนะ มีข่าวกับคุณฉัตรไม่ถึงอาทิตย์ เห็นว่าไม่กี่วันก่อน นางดอดขึ้นคอนโดกับผู้ชาย”
ปึ่ง!
ยี่หวาสะดุ้งโหยง เมื่อได้ยินเสียงดังจากข้างนอกเหมือนคนทุบอะไรสักอย่าง เสียงดังนั่นหยุดเสียงนินทาให้เงียบลง พยายามเงี่ยหูฟังว่าข้างนอกเกิดอะไร แต่หลังจากนั้นทุกอย่างเงียบสนิท ถ้าเธอเปิดประตูออกไปตอนนี้ จะเกิดอะไรขึ้นนะ
“ไม่คิดเลยว่าพนักงานที่นี่จะขี้เสือก เดี๋ยวก็ไล่ออกแม่งเลยนี่”
“แล้วคุณเป็นใครคะ มีสิทธิ์อะไรมาไล่พวกเราออก”
“เป็นใครเหรอ? ก็เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของที่นี่ไง”
“เห! แต่ที่นี่เป็นของคุณจิรา”
“หึ! คิดว่างั้นเหรอ”
ยี่หวาเก็บข้อมูลพวกนั้นเงียบๆ แอบยิ้มนิดหน่อยที่เสียงนั้นฟังดูคุ้นเคย แต่จะยิ้มทำไม ในเมื่อเสียงนั้นไม่มีวันใช่คุณคิมหันต์แน่ ป่านนี้เขาคงหนีกลับนครปฐมแล้วมั้ง เพราะเขาทำงานอยู่ที่นั่น ทุกอย่างก็อยู่ที่นั่นทั้งหมด ไม่มีทางที่เขาจะมาอยู่ตรงนี้หรอก
“ออกมายี่หวา”
เสียงทุ้มหวานเรียกเธออยู่หน้าห้องน้ำ เพราะมัวแต่แยกแยะน้ำเสียง จึงไม่ได้สนใจฟังว่าด้านนอกพูดอะไรกันต่อหลังจากเสียงดังนั่น แล้วเขารู้เหรอ ว่าเธออยู่ในนี้ ที่สำคัญ คุณคิมหันต์มาได้ยังไง?
ยี่หวาแง้มประตูออกนิดๆเพื่อสอดส่องสายตาดูด้านนอก เมื่อไม่เจอใครเลยก็โผล่ออกไปทั้งตัว มองห้องที่เงียบสนิท ก่อนจะสะดุ้งสุดตัว เมื่อมีคนมายืนชิดอยู่ด้านหลัง
“รอยแค่นี้เอง คนพวกนั้นก็พูดเกินไป”
คิมหันต์แอบอยู่ด้านหลังประตู ตอนที่เธอเปิดออกมาจึงไม่เห็นเขา ทันทีที่เธอก้าวออกมาทั้งตัว ก็ไปยืนชิดกับแผ่นหลังขาวเนียน เพื่อสำรวจร่องรอยที่เพื่อนและคนพวกนั้นพูดถึงกันอย่างสนุกปาก
นิ้วมือหนารวบผมสีเทาขึ้นสูง ไล้มือลงไปเบาๆอย่างหลงใหลผิวกายขาวเนียน ไม่ได้ตั้งใจทำรอยให้เด่นชัด แต่รู้สึกชอบมันชะมัด เวลาที่อยู่บนร่างกายเธอ เหมือนย้ำให้เขารู้ ว่ามีสิทธิ์ทำแบบนี้ได้ และเธอไม่เคยปริปากห้ามเลย แม้จะโดนกัดจนจมเขี้ยว มีแต่ร้องครางเสียวให้เขารู้สึกดี
“รอยหมาที่ไหนมันทำวะ”
คิมหันต์พูดเสียงดุ แต่ปากขยับเป็นรอยยิ้มเมื่อพูดแบบนั้นออกไป เขารู้ว่าเธอไม่ได้มีใคร เพราะหลังจากวันที่ปล่อยให้เธอไป เขาก็ตามเฝ้าดูเธออยู่ตลอด ถ้าจะมีหมามาทำรอยพวกนี้ ก็คงเป็นหมาตัวที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอ อย่างเขานี่แหละ
“หมาตัวที่อยู่ข้างหลังมั้งคะ” ยี่หวาได้สติเพราะถ้อยคำที่เหมือนดูถูก เธอไม่ได้มักง่ายขนาดนั้นนะ ไม่ได้ง่ายกับทุกคน แต่เป็นแบบนี้กับเขาแค่คนเดียว
“ปากกล้านัก เอาอีกสักรอยไหม” คิมหันต์รู้สึกแปลกใจนิดหน่อย เวลาที่ผู้ชายคนอื่นอยู่ใกล้เธอ เธอจะเว้นระยะห่างไว้เสมอ ต่างจากเขา เวลาอยู่ใกล้เธอทีไร เธอมักจะตัวแข็งและไม่ค่อยระวังตัว นี่ขนาดเขาปลดซิบด้านหลังของชุดเดรสสีสวยลงไปตั้งนานแล้ว เธอก็ยังไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้หลังเธอไม่มีเนื้อผ้าปิดอยู่เลย
“ฉันมีงานค่ะ คุณคิม” ยี่หวารู้ว่าเป็นเขาจากกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆที่ลอยเข้าจมูก รวมทั้งน้ำเสียงด้วย เธออยากขยับหนี แต่ร่างกายไร้เรี่ยวแรง มันเป็นแบบนี้กับเขาแค่คนเดียว
“ให้ไปส่งไหม วันนี้เอาบีเอ็มมา”
คิมหันต์รูดซิบชุดของเธอขึ้นเหมือนเดิม เขาไม่อยากทำให้เธอเสียงาน เอาไว้เธอเสร็จงานแล้วค่อยต่อก็ยังไม่สาย เขาไม่ได้ตั้งใจจะปล่อยเธอไปอยู่แล้ว ที่ถอยไป เพราะไปสืบหาข้อมูลของไอ้นั่นมาต่างหาก ว่ามันกุมความลับอะไรของเมียเขาไว้ เธอถึงได้เลิกกับมันมาคบกับเขาไม่ได้
“ก็ได้ค่ะ คุณออกไปรอก่อน เดี๋ยวตามไป”
ยี่หวามองนาฬิกาข้อมือ เพราะว่ามันสายมากแล้ว เธอถึงต้องเลือกไปกับเขา ถ้ารถเธอไม่เข้าศูนย์เธอคงไม่ต้องมีปัญหาทุกเรื่องแบบนี้หรอก ตอนนี้อะไรที่สามารถทำเวลาได้ เธอต้องคว้าไว้ก่อน
ยี่หวาเก็บของต่อเงียบๆ โชคดีที่ในห้องแต่งตัวไร้เงาผู้คน เธอจึงไม่ต้องกลัวใครมาเห็นว่าทำอะไรกับคุณคิมบ้าง เธอยังไม่อยากเป็นข่าวกับเขาตอนนี้ เพราะต้องการเคลียร์ตัวเองเรื่องฉัตรชัยให้ได้ซะก่อน
ยี่หวามองหารถบีเอ็มในลานจอดรถ โชคดีที่ลานจอดรถอยู่หลังสตูดิโอ เธอจึงไม่ต้องระแวดระวังพวกนักข่าว คนอื่นๆก็อยู่ด้านในกันหมด เธอจึงสามารถขึ้นรถบีเอ็มที่ตบไฟหน้าใส่เธอได้ อย่างไม่ต้องกังวล
“ใจง่ายเหมือนกันนะ”
คิมหันต์แซวด้วยใบหน้าเรียบเฉย แต่ปากขยับขึ้นนิดๆ เพราะเก็บซ่อนความดีใจไว้ไม่ได้ ขับรถออกไปช้าๆ เพราะยังไม่รู้ว่าต้องมุ่งหน้าไปทิศทางไหน
“แค่ไม่มีทางเลือกค่ะ ที่นี่หารถยาก ช่วยไปที่เซ็นทรัลxxด้วยค่ะ” ยี่หวาเปิดกระเป๋าที่บรรจุเครื่องสำอางออกมาเติมหน้าไปด้วย เลือกเมินคนข้างๆที่พูดจาเหน็บแนม โดยการหยิบนั่นหยิบนี่มาเติมสีสันให้หน้าตัวเอง
“รถไปไหน”
“เข้าศูนย์ค่ะ เหมือนจะพัง”
“แล้วผู้จัดการ?”
“ไม่มีค่ะ รับงานเอง”
ยี่หวาหยุดมือเพราะต้องตอบคำถามคนขี้สงสัย กำลังจะจรดแท่งลิปสติกลงไปที่ปาก ก็ถูกถามขึ้นมาอีก ผลคือลิปสติกเลอะตามขอบปาก ตอนนี้เธอไม่มีทิชชูเหลือซะด้วย
“แย่เลย ไปไหนมาไหนเองแบบนี้”
“คุณคิมช่วยหยุดพูดก่อนได้ไหมคะ”
ยี่หวาหันไปขอร้อง ทั้งๆที่ลิปสติกยังเลอะอยู่เหมือนเดิม ก้มลงค้นหาอะไรสักอย่างที่พอจะเช็ดมันออกได้ ก็ถูกคว้าใบหน้าไปจับไว้แน่น มือหนาเอื้อมมาเช็ดให้อย่างเบามือ ก่อนจะขับรถต่อ เมื่อสัญญาณไฟที่ทำให้รถหยุดเมื่อครู่หมดลง
