๘ คืนอิสระ (๒)
แววตาก็เย็นชาจนหนาวเหน็บไปถึงขั้วหัวใจ ไม่กล้าจะเอ่ยถามจึงทำได้เพียงเงียบอย่างเดียว รอกระทั่งหญิงสาวเป็นคนเอ่ยขึ้นก่อน แต่ประโยคคำถามนั้นก็ทำให้การหายใจของเขาสะดุด มองเธอโดยที่ดวงตากลมไม่กระทั่งจะหันมาสบ เธอเลือกผินหน้ามองนอกหน้าต่าง เหม่อลอยไปไกลคล้ายไม่ได้ฟังคำตอบ
“เมื่อคืน...ทำไมพี่ไม่รับสายเน่ค่ะ” น้ำเสียงราบเรียบคล้ายยอมจำนนหมดทุกอย่าง
เธอทราบดีว่าเขาอยู่ที่ไหน แต่สงสัยว่าทำไมจึงไม่ยอมรับสาย เพียงแค่เลื่อนรับแล้วฟังหล่อนสักประโยคไม่ได้เลยหรือ
มันยากขนาดนั้นเลยเหรอ...
“พี่ไม่อยากทะเลาะ ยังไงพี่ก็จะกลับบ้านอยู่แล้วเลยเลือกไม่รับ” คำพูดของเขาทำให้เธอแสยะยิ้มมุมปาก ไม่ใช่เหตุผลแต่เหมือนข้ออ้างมากกว่า คงอยากอยู่กับผู้หญิงคนนั้นไม่อยากให้เธอรบกวนมากกว่า หญิงสาวปักธงในใจเรียบร้อยแต่ก็ยังเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้อธิบาย
ท้องฟ้าวันนี้ดูหม่นกว่าทุกวัน ไม่มีเมฆขาวลอยไปมา เหมือนว่าอีกไม่นานฝนกำลังจะตก...
แล้วก็จริงอย่างที่หญิงสาวคิด ฝนเม็ดใหญ่หล่นจากฟ้า ตามกระจกก็มีหยาดฝนเกาะแล้วร่วงลงตามแรงโน้มถ่วง เธอกระพริบตาปริบมองภาพข้างนอกที่ดูเหงาเหมือนหล่อนซึ่งกำลังหดหู่ในเวลานี้ น้ำตาเหือดแห้งไปจากใบหน้า เหลือเพียงความรวดร้าวที่อยู่ในแววตาเศร้า
“แล้วตอนนั้นพี่อยู่กับใคร คะ” สายตาที่เคยมองข้างนอกค่อยหันกลับมาสบดวงตาคม จดจ้องเขาไม่วางตาก่อนถามถึงสิ่งที่ตัวเองทราบเป็นอย่างดี รอยยิ้มที่แต้มใบหน้าหวานเหมือนกำลังจะประหารเขาให้ตายเสียเดี๋ยวนี้
มือหนาเริ่มชื้นเหงื่อ...ทั้งที่เธอไม่ได้กดดันแต่เขากลับรู้สึกเหมือนจะขาดใจกับคำถามเรียบง่าย
ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นล่ะ...
มันหมายความว่าเขารู้เต็มอกสิ่งที่ตัวเองทำไม่เหมาะ แต่ก็ยังจะไปหาแฟนเก่ายามค่ำคืนอยู่ในที่รโหฐานกันลำพัง จึงไม่แปลกที่ภรรยาจะไม่ไว้ใจ
“เราอย่าพูดเรื่องเครียดกันดีกว่า พี่จะเรียกพยาบาลมาดูอาการของเน่...” เมื่อไม่อาจตอบได้เพราะกลัวทำให้เธอเสียใจมากกว่าเดิม จึงเลี่ยงด้วยการเปลี่ยนเรื่อง คิดจะกดเรียกพยาบาลที่อยู่ด้านนอก กลับถูกหล่อนคว้ามือเอาไว้
“ไม่ต้องหรอกค่ะ เน่ไม่ได้เป็นอะไรมาก...พี่ตอบมาก่อนสิคะว่าพี่อยู่กับใคร อยู่กับพี่ลันใช่หรือเปล่า” แววตาของหล่อนว่างเปล่า ไม่ได้คาดคั้นแต่ก็จ้องคล้ายต้องการให้ตอบตามความจริง เพื่อมันจะได้เป็นกุญแจปลดล็อคเรื่องค้างคาทั้งหมด
หล่อนตัดสินใจไปแล้ว...
ความอดทนเส้นสุดท้ายขาดผึงและไม่คิดจะทนอีกต่อไป เธอทำทุกอย่างสุดความสามารถ รักเขาหมดหัวใจ แสดงออกอย่างตรงไปตรงมาไม่มีเรื่องให้เสียใจในภายหลัง แต่เมื่อความรักส่งไปไม่ถึงเจ้าตัว ทางเดียวที่ทำได้คือต้องกลับมารักตัวเอง
ควรปล่อยให้ปีแสงใช้ชีวิตอย่างที่ชายหนุ่มต้องการ โดยไม่มีหล่อนอยู่เคียงข้าง...
“พี่แค่ไปจัดการเรื่องแฟนของเขาแล้วก็ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับธุรกิจของบ้านเขาที่อยู่ในช่วงวิกฤตเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรมากกว่านั้น พอคุยเสร็จพี่ก็กลับไปนอนคอนโดเพราะง่วงไม่อยากขับรถกลับบ้าน ตื่นเช้าก็รีบกลับบ้านทันที” รู้ดีว่าความเงียบไม่ช่วยอะไร จึงรีบอธิบายให้ภรรยาฟังว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่เธอก็มองเขาอย่างว่างเปล่า
ทำให้ร่างสูงใจหาย...
มันไม่ควรเป็นแบบนั้นสิ เขาอยากเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความรักยามจ้องมาของเธอ แต่เหมือนว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีกต่อไปแล้ว ใจที่เคยแข็งแกร่งดั่งผินผาอ่อนยวบ เต็มไปด้วยการสั่นไหวด้วยความกลัว อยากคว้าตัวหญิงสาวเข้ามากอดเอาไว้ก็ทำอย่างใจคิดไม่ได้
“เน่อยากคิดมากเลย” หมายจะเอื้อมไปจับมือบางมากุม แต่เธอกลับชักมือหนีทันที เขาจึงทำได้เพียงยกมือค้างไว้อย่างนั้น ก่อนจะลดมือกลับมาวางไว้บนตักของตัวเองเหมือนเดิม กล่อมภรรยาไม่ให้เธอกังวลกับปัญหาที่เกิดขึ้น ทั้งยังกลัวหญิงสาวจะมีอาการซึมเศร้าเมื่อสูญเสียลูกในท้อง
พวกเขากลับมาอยู่ในความเงียบกันอีกครั้ง ชายหนุ่มไม่กล้าพูดอะไรให้บรรยากาศยิ่งอึดอัดมากกว่าเดิม รู้ว่าหญิงสาวเปลี่ยนไป ไม่มีแววตาหวานให้กันอีกแล้ว ถ้าบอกรักตอนนี้จะทำให้บรรยากาศดีขึ้นหรือเปล่า
ไม่อย่างนั้น...มันอาจจะแย่ลงมากกว่าเดิม
คิดไม่ตกกับเรื่องทั้งหมด จึงทำได้เพียงมองดวงหน้าหวานอย่างเดียว กลัวว่าต่อจากนี้ไปอาจจะไม่ได้มองอีก
ดรุณีนั่งนิ่งไม่ไหวติง หัวใจของเจ็บจนชาไปหมดคล้ายไม่รู้สึกอะไรแล้ว ไม่ต้องการกระทั่งจะหันไปมองร่างสูงให้ช้ำใจ เขาตัดสายเธอเมื่ออยู่กับผู้หญิงคนนั้น ยิ่งคิดถึงความรู้สึกแห่งการรอคอยแล้วสายถูกตัดไปก็ทำให้เจ็บปวดขึ้นมาอีกครั้ง
เจ็บจนไม่อยาก...เห็นหน้าปีแสงอีกต่อไปแล้ว
เพราะยิ่งมองก็ยิ่งคิดถึงเรื่องเมื่อคืนที่เกือบเอาชีวิตไม่รอด มือบางกุมกันไว้บนหน้าตักแน่น อยากร้องไห้ก็ไม่มีน้ำตาเพราะร้องไปหมดตั้งแต่เมื่อวาน
ควรพอสักที...
“เน่แท้งแล้ว ไม่มีลูก...ไม่มีเด็กในท้อง” ท่ามกลางความเงียบของเราสองคน เธอเป็นฝ่ายเริ่มเอ่ยขึ้นมาก่อนหลังจากตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ไม่มีท่าทีโอนอ่อนเลยสักนิด จนคนที่มองเริ่มกลืนน้ำลายหนืดลงคออย่างยากลำบาก
แค่คำเกริ่นก็ทำให้คนฟังกลัวจับใจ เห็นแววตากลมว่างเปล่าก่อนก้มมองหน้าท้องที่ไม่มีลูก เขาผวาเข้าไปกอดหล่อนทันทีพร้อมพึมพำเรียกภรรยาเสียงเบา โดยหญิงสาวไม่ได้กอดตอบ ยอมนั่งนิ่งให้เขากอดอยู่อย่างนั้นหลายนาที
“เน่...”
เรียกเธอด้วยความรู้สึกผิดจับใจ ไม่คิดว่าเรื่องมันจะลงเอยเช่นนี้ การทะเลาะเบาะแว้งที่นำมาพาซึ่งช่องว่างของเรา พร้อมทิฐิสูงลิ่วของเขาโดยไม่ยอมตกเป็นเบี้ยล่างของคนอายุน้อยกว่า ถึงผู้หญิงคนนั้นจะเป็นภรรยาตนเองก็ตาม
“พี่ขอโทษ พี่ขอโทษที่ไม่ได้รับโทรศัพท์” รู้สึกผิดกับหญิงสาวและลูกชายเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าต้องชดใช้ด้วยสิ่งใดจึงจะสาสม
การสั่นไหวเพียงครั้งเดียวไม่น่าเชื่อว่าจะพังทุกอย่างให้ราบเป็นหน้ากอง...ครอบครัวของเขากำลังจะแตกสลายไปต่อหน้าต่อตา
