บทที่ 10 รุ่นพี่ รุ่นน้อง
บทที่ 10 รุ่นพี่ รุ่นน้อง
ประเทศไทย
ดาวลดาหยุดเท้าที่กำลังเดินเมื่อผ่านทีวีที่แขวนอยู่ในสำนักงาน เพราะเห็นเพื่อนร่วมงานกำลังดูในจออย่างสนใจ ในจอกำลังฉายมิวสิกวีดีโอเพลงของนักร้องเกาหลีวงหนึ่ง.. ใบหน้าสวยฉีกยิ้มทันทีที่เห็นนักร้องกลุ่มนั้นถนัดตา
“พี่เคยเจอตัวจริงวงนี้มาแล้ว”
“ที่ไหนพี่ ที่สนามบินอินชอนเหรอพี่แยม” หนึ่งในพนักงานที่กำลังนั่งดูอยู่นามว่าหนึ่งฤทัย หรือน้องหนึ่งของทุกคนในบริษัทถามด้วยความตื่นเต้น เพราะตัวเธอเองนั้นชอบซีรีส์และไอดอลเกาหลีเป็นชีวิตจิตใจ
“เปล่าจ้ะ เจอที่บ้านพักของพวกเขานั่นแหละ พี่ไปวันเกิดของมินวูมาน่ะ ไปกับพี่สาว พี่เขย”
“กรี๊ด.. อิจฉาพี่แยมจังเลย ทำไมพี่แยมไม่ขอลายเซ็นพวกเขามาให้หนึ่งหน่อยล่ะ” หนึ่งฤทัยไม่คิดว่าดาวลดาโกหก เพราะรู้อยู่ว่าพี่สาวของเธอแต่งงานกับหนุ่มเกาหลี และเป็นผู้บริหารบริษัทต้นสังกัดของดารานักร้องดัง ๆ หลายคน รวมถึงนักร้องวงพลีสที่เป็นขวัญใจของตน
หญิงสาวหัวเราะเล็กน้อยกับท่าทางเสียดายของหนึ่งฤทัย “พี่ไม่รู้นี่ว่าเราชอบ ถ้ารู้ก็จะขอรูปพร้อมลายเซ็นของทุกคนมาให้หรอก”
“คราวหน้าถ้าพี่แยมมีโอกาสเจอพวกเขาอีก อย่าลืมขอมาให้พวกเราบ้างนะคะ” พนักงานอีกคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยสายตาเว้าวอน
“ได้จ้ะ ถ้ามีโอกาสพี่จะขอมาให้นะ”
“แล้วพี่แยมไม่เจอเจสันบ้างเหรอ” พนักงานคนเดิมถามต่อ
“ก็เจอนะ ฮานิพี่ก็เจอ”
“พวกเขามาด้วยกันเหรอพี่” หนึ่งฤทัยรีบถามด้วยเสียงตื่นเต้น
“เปล่านี่ ต่างคนต่างมานะ”
“หนึ่งเคยอ่านข่าวในเว็บ เขาว่าสองคนนี้น่าจะเป็นคู่รักคู่ใหม่ของวงการเกาหลีนี่พี่แยม”
“ไม่รู้สิ พี่ก็ไม่ค่อยได้สนใจ แต่พวกเขาก็ไม่ได้คุยหรือนั่งใกล้กันนะเท่าที่เห็น เต้าข่าวหรือเปล่า”
“แต่เคยมีภาพที่ฮานิกำลังเข้าไปในบ้านพักของเจสันด้วยนะพี่แยม”
“อันนี้ไม่ทราบค่ะ ไม่ค่อยคลั่งไคล้เกาหลีสักเท่าไหร่ แค่พอรู้ประดับสมองเอาไว้ทำทัวร์เท่านั้นค่ะ” ดาวลดาเอียงหน้าทำท่าน่ารักใส่สาวสวยสาวกเกาหลีตัวยง
“ขอถามอีกข้อเดียวพี่แยม วงพลีสตัวจริงน่ารักไหมคะ”
“น่ารักกว่าหนุ่มเกาหลีที่เดินถนนแบบเรา ๆ มาก พี่ไม่แน่ใจว่าเขาศัลยกรรมกันหรือเปล่า แต่พวกเขาผิวดีมาก ผิวขาวใสอมชมพู้ชมพู และก็สูง ๆ กันทุกคน”
“กรี๊ดมากกกก.. อยากเป็นพี่แยมจังเลย มีโอกาสใกล้ชิดคนดัง” หนึ่งฤทัยยกสองมือปิดแก้มตัวเอง ทำตาเหม่อลอย ครุ่นคิดไปว่าตัวเองกำลังอยู่ในวงล้อมของเหล่าศิลปินวงพลีส
ขณะที่กำลังคุยกับเพื่อนร่วมงานรุ่นน้อง ดาวลดาเห็นนนทิยาเดินออกมาจากแผนกในลักษณะเตรียมตัวออกจากบริษัท จึงบอกลาน้อง ๆ แล้วเดินเข้าไปหา..
“จะกลับแล้วเหรอก้อย” มองเวลาที่ฝาผนัง.. “เพิ่งบ่ายสามเอง”
“จ้ะ ก้อยเคลียร์ทุกอย่างจบแล้ว”
“ว่าจะชวนไปกินหมูกระทะด้วยกันซะหน่อย”
นนทิยาลังเลเล็กน้อยก่อนขอโทษเพื่อน “พรุ่งนี้ได้ไหมแยม วันนี้ก้อยมีนัดแล้ว”
ดาวลดาส่งสายตาล้อเลียนเพื่อนสาวพร้อมรอยยิ้ม “นัดกับแฟนเหรอ”
“ไม่ใช่หรอก ไปธุระจริง ๆ ไว้พรุ่งนี้เราค่อยไปกินกันนะ หิ้วท้องรอก้อยอีกวันนะ”
“โอเค เดี๋ยวแยมจะได้บอกกับป้าหนา”
“จ้ะ พรุ่งนี้เจอกัน”…
สกลวางแก้วเบียร์ลงบนโต๊ะ ส่งสายตามองตามหลังรถเก๋งที่วิ่งผ่านลานจอดรถ เข้าไปตามซอยเล็ก ๆ เลยเข้าไปในบ้านที่อยู่หลังร้านด้วยรอยยิ้ม แล้วจึงหยิบโทรศัพท์ออกมากดหาใครคนหนึ่ง
“ใช่เบอร์คุณแยมหรือเปล่าครับ” เขาแกล้งถามรุ่นน้องร่วมมหาวิทยาลัยด้วยเสียงกลั้วหัวเราะเบา ๆ
(สวัสดีค่ะพี่กล ยังฟอร์มจัดเหมือนเดิมเลยนะคะ) เสียงใส ๆ ทักทายมาตามสาย
“พี่กำลังนั่งดื่มเบียร์อยู่ที่ครัวเดือนลดา สนใจจะมาดื่มด้วยกันไหม”
(คิกๆ ๆ อยู่ไกลจังเลยค่ะ แต่จะรีบไปให้ถึงภายในห้านาที รอหน่อยนะคะ)
“จ้ะ” สกลรับคำสั้น ๆ แล้ววางสาย มองไปที่บิดาของหญิงสาวที่กำลังนั่งดื่มอยู่กับเพื่อน ๆ
ไม่ถึงสามนาทีหญิงสาวที่ตนเฝ้ารอก็เดินมาพร้อมรอยยิ้ม เธอยกมือเป็นสัญลักษณ์ว่าให้รอสักครู่ แล้วแวะไปที่โต๊ะของบิดาเพื่อทำความเคารพผู้ใหญ่กลุ่มนั้น
“สวัสดีค่ะพี่กล” ดาวลดาทักทายด้วยการไหว้ตามความเคยชิน ไหว้จนติดเป็นนิสัย ต่อให้เจอหน้ากันทุกวันเธอก็ไหว้
“สวัสดีครับ มือยังอ่อนเหมือนเดิมนะเรา” สกลทักทายอย่างพอใจในนิสัยอ่อนน้อมของหญิงสาว “นั่งสิ”
ดาวลดาฉีกยิ้มกว้าง “ขอบคุณค่ะ ผ่านมาแถวนี้เหรอคะพี่กล”
“ตั้งใจมาหาเรานั่นแหละ”
“มาแบบไม่บอกล่วงหน้าอย่างนี้ ดีนะคะที่ได้เจอ” ความหมายของเธอคืออาจจะไม่เจอเพราะต้องไปทำทัวร์
“คุณป้าบอกพี่แล้ว”
“มีสายดีนี่เอง” หญิงสาวล้อยิ้ม ๆ รู้ดีแก่ใจว่าป้าทั้งสองค่อนข้างจะชอบคุณหมอหนุ่มคนนี้มากกว่าคนรักของตน
“พี่แวะมาบอกให้เราไปตรวจสุขภาพประจำปี มันใกล้ถึงเวลาแล้วนะ”
“จำได้แม่นยิ่งกว่าเจ้าของอีกนะคะเนี่ย”
“ทำไมจะจำไม่ได้ ก็ในเมื่อคุณป้าทั้งสองท่านไปตรวจกันมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว แต่คราวนี้ขาดหลานสาวคนโปรดไปด้วย” ถึงแม้จะไม่ได้เจอคุณป้าฝาแฝดทั้งสองที่โรงพยาบาล เขาก็จำรายละเอียดเกี่ยวกับเธอได้ดี เพราะมักจะตรวจเช็คประวัติของเธออยู่เสมอ
“แบบนี้นี่เอง ไอ้เราก็นึกว่าจำได้ขึ้นใจ” เธอแกล้งแหย่เขา
“แล้วถ้าจำได้ขึ้นใจจริง ๆ ล่ะ เราจะว่ายังไง”
“... ก็แสดงว่าสมองของพี่กลเหมาะที่จะเป็นคุณหมอแล้วไงคะ เพราะจดจำรายละเอียดของคนไข้ได้ดีมาก” หลังจากนิ่งอึ้งเพราะไม่คิดว่าเขาจะย้อนถามแบบนี้ เธอก็หาคำตอบตอบกลับไปได้
แม้จะรู้ว่าคุณหมอหนุ่มผู้นี้คิดอย่างไรกับตนเอง แต่เธอก็ไม่สามารถตอบกลับความรู้สึกนั้นได้ ถึงแม้จะไม่มีพิษนุ เธอก็ให้เขาได้แค่ตำแหน่งพี่ชายเท่านั้น ไม่ใช่ว่าเขาไม่ดี ตรงกันข้าม เขาเป็นผู้ชายที่ดีมากทั้งฐานะ หน้าที่การงาน ชาติตระกูล รวมถึงนิสัยส่วนตัว..
แต่หัวใจของเธอมันต่อต้านความรู้สึกแบบชู้สาวกับเขาอย่างสิ้นเชิง ถ้ามันเปิดรับอยู่บ้างเธอคงเป็นแฟนกับเขาตั้งแต่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยเดียวกันแล้ว
“เป็นคำตอบที่ซึ้งใจที่สุด” สกลฝืนฉีกยิ้มทำร่าเริง ไม่ว่าจะเป็นในอดีตหรือปัจจุบัน คำตอบของเธอก็ยังเหนียวแน่นไม่เสื่อมคลาย “แล้วเมื่อไหร่จะไปทำงานอีก คราวนี้ไปประเทศไหนล่ะ”
“วันศุกร์เย็นค่ะ ไปจีนกับเกาหลีหนึ่งอาทิตย์กลับมาก็พักหนึ่งคืนแล้วไปต่อจีนกับฮ่องกงอีกหนึ่งอาทิตย์ค่ะ”
“ชีพจรลงเท้าเลยนะเนี่ย”
“ประมาณนั้นค่ะ กลับมาจากสองทริปนี้แล้วได้พักสามวันค่ะ”
“ไปเที่ยวกันไหม”
“ชวนไกด์เที่ยวเนี่ยนะคะ”
“ทำไมล่ะ เป็นไกด์นอกประเทศคงไม่ค่อยมีโอกาสได้เที่ยวในประเทศสักเท่าไหร่ ไปอันซีนอินไทยแลนด์กันดีกว่า ถ้าแยมตกลงพี่จะได้ทำเรื่องลาพักร้อนไว้แต่เนิ่น ๆ”
“ก็จริงอย่างที่พี่กลพูดนะคะ แยมไม่มีโอกาสได้อันซีนในเมืองไทยเลยค่ะ แล้วเราจะไปกันแค่สองคนนี้เหรอคะ”
“ฮึ!.. ถ้าไปกันแค่สองคนจริง ๆ แยมจะยอมไปหรือเปล่าล่ะ” สกลเว้นระยะเล็กน้อยเพื่อสังเกตอาการของหญิงสาว เห็นเธอส่ายศีรษะไปมาก็หัวเราะ ถ้าเธอตอบรับฝนคงตกห่าใหญ่ “พี่ตั้งใจจะชวนเราไปพักผ่อนที่วังน้ำเขียว แวะรับเจี๊ยบที่ตัวเมืองก่อนแล้วค่อยเลยไป”
“อุ้ย! ถ้าพี่กลไม่พูดถึงเจี๊ยบ แยมคงลืมเพื่อนไปสนิทเลยนะคะเนี่ย” หญิงสาวหัวเราะเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเพื่อนร่วมคณะ ที่ตอนนี้กลับไปช่วยครอบครัวดูแลกิจการอยู่ที่นครราชสีมา ซึ่งเพื่อนของเธอกับหมอหนุ่มคนนี้เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ตระกูลของพวกเขาเป็นนักการเมืองที่มีชื่อเสียงโด่งดังอยู่ที่นั่นมาตั้งแต่รุ่นปู่
“เพราะเหตุนี้แหละพี่ถึงชวนเราไปเที่ยวโคราชด้วยกัน จะได้นึกถึงเพื่อนพ้องบ้าง” สกลหยอกเย้าหญิงสาว
“แยมก็อยากเจอกับเจี๊ยบเขาเหมือนกัน เอาไว้กลับจากจีนรอบนี้แล้วเราค่อยนัดกันอีกทีดีไหมคะ แยมยังไม่ค่อยมั่นใจกับตารางงานสักเท่าไหร่”
“ถ้าแยมมีใจนึกถึงเพื่อนบ้าง แยมก็น่าจะล็อกตารางงานไว้ตั้งแต่ตอนนี้นะ” สกลดักคอโดยเอาญาติสาวมาอ้าง เพราะเขาต้องการโอกาสนี้ ถึงแม้จะไม่ใช่ตัวจริงที่อยู่ในใจเธอ แต่เขาก็อยากอยู่ใกล้เธอ ไม่ว่าจะฐานะใด
“ได้ยินพี่กลพูดแบบนี้แล้วรู้สึกผิดจังเลยค่ะ” เธอย่นจมูกใส่เขาพร้อมส่งค้อนเล็กน้อยดูน่ารัก “ตกลงค่ะ แยมจะไปเขียนใบลาล่วงหน้าไว้ตั้งแต่พรุ่งนี้เลยค่ะ”
สกลฉีกยิ้มกว้างบ่งบอกความดีใจอย่างเปิดเผย “ดีมากจ้ะ พี่จะโทรไปบอกกับเจี๊ยบเขาไว้ก่อน”
