ซ่อนรักเร้นหัวใจ

157.0K · จบแล้ว
พิมพ์ชนก
70
บท
16.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

นามนี้คือศรี แดนสุพรรณ ช่างเหมาะกับการก้าวไปเป็นสาวใช้เสียงเหน่อในบ้าน ตะวัน เบนฟอสเตอร์ ซะนี่กระไร ดังนั้นการปฏิบัติการลับเพื่อล้วง...หัวใจคุณผู้ชายจึงเริ่มต้นขึ้นเมื่อคุณผู้ชายที่สุดแสนสมบูรณ์แบบ หล่อเหลาเร้าใจดั่งเทพซูส ทั้งรูปร่างหน้าตา การศึกษาสูง รวมไปถึงฐานะดี พร้อมทุกกระเบียดนิ้ว มีหรือคนที่แอบรักเขามาเนิ่นนานจะทนนิ่งเฉยปล่อยให้สตรีแรดมากหน้าหลายตาจ้องงาบเพื่อจะลากเขาไปกินได้ง่ายๆฉะนั้นผู้มีสิทธิ์ได้หัวใจตะวันไปครอบครองต้องเป็นนังศรี คนเดียวเท่านั้นแต่การปฏิบัติการลับล้วงหัวใจ รวมไปถึงไล่กินตับคุณผู้ชายไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เมื่อแผนลับสาวใช้ตัวดำทำผมฟู กลับตาลปัตรโดนจับกินหัวกินหางกินกลางตลอดตัวซะเองดังนั้นความลับที่ถูกซุกซ่อนไว้พร้อมหัวใจที่แอบรักมาช้านาน กลับต้องแตกกระจายพร้อมเผยตัวตนที่แท้จริง อันผุดผ่องเป็นยองใยภายใต้ความดำมะเมื่อมได้ปรากฏต่อสายตาคุณผู้ชาย มีหรือเขาจะทานทนต่อภาพเย้ายวนที่เห็น แผนย้อนรอยกัดกินสาวใช้มากเล่ห์จึงเริ่มต้นอย่างเงียบเชียบ แบบไม่ทันให้เธอรู้ตัวและเมื่อรู้ตัวอีกที ศรีไม่สามารถสลัดตัวให้หลุดจากเสน่ห์และความเจ้าเล่ห์ของคุณผู้ชายที่สุดรักได้เลยผิดไหมที่สาวใช้ตัวดำอย่างศรี แดนสุพรรณ จะล้วงหัวใจคุณผู้ชาย

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักนิยายปัจจุบันประธานรักหวานๆคนรับใช้โรแมนติก

ตอน 1

ใครบางคนยืนบิดซ้ายบิดขวา อยู่หน้าบ้านน่ารักสีขาวทรงทันสมัย ซึ่งได้ติดป้ายแผ่นไม้เหนือศีรษะ memories on white (ความทรงจำสีขาว) ใครคนนี้ยืนมองหน้าบ้านอยู่หลายนาที ส่วนในมือหิ้วกระเป๋าขนาดใหญ่กว่าตัวลักษณ์เก่าแก่ราวกับผ่านการใช้งานมานาน ใบหน้าของเธอเปื้อนยิ้มอยู่ตลอดเวลาที่ยืนมองบ้านหลังงามตรงหน้า จะกดกริ่งก็ไม่กล้าจะเดินหนีก็เสียดาย เท้าเรียวในรองเท้าแตะหูหนีบ ขยับเข้าออกระหว่างกริ่งกับหน้าบ้านอยู่แบบนี้ จนเป็นที่สนใจของคนเดินผ่านไปมา

บางครั้งก็ยืนบิดม้วน ผสานรอยยิ้มเขินอายปนพวงแก้แดงก่ำ หรือว่าเธอกำลังเล่นละครบ้านทรายทอง แตกต่างกันที่ว่าเส้นผมของเธอไม่ได้ถูกถักเปียอย่างเช่นตัวละครเอกในนิยายอมตะ เพราะเส้นผมของเธอถูกหนีบด้วยกิ๊พหนีบผมขนาดใหญ่สีสันแสบตาเขียวสะท้อนแสงแบบที่สาวๆ ชอบหนีบกันเวลาเข้าห้องน้ำอาบน้ำ

“อีหนูนั่นจะบิดอยู่อีกนานมั้ย” เสียงแห่งวัยชราเอ่ยถามทางด้านหลัง หากแต่คนถูกถามซึ่งท่าทางสติไม่สมประดี ก็ยังไม่หันกลับไปตอบคุณยายสูงวัย “เอ้า...ว่ายังไง มาหาใคร” ในเมื่อสาวหน้าปลวกที่ยืนบิดยังไม่ยอมได้สติ หญิงชราจึงต้องร้องถามอีกครั้งด้วยเสียงที่ดังขึ้นกว่าทีแรก เอ...หรือว่าพวกโรคจิตคลั่งผู้ชายกันนะยายแอบนึก

“เอ่อ...อ๋อ ยาย คือฉันมาพบคุณผู้ชายบ้านนี้น่ะจ้ะ” หญิงสาวเอ่ยกับหญิงชรา สำเนียงภาษาค่อนข้างส่อถิ่นกำเนิดอยู่มาก

“แล้วเอ็งทำไมไม่เข้าไปล่ะ มายืนบิดอยู่ได้ทำตัวอย่างกับพวกโรคจิต หรือว่าเอ็ง...” ยายชี้ที่หญิงสาวซึ่งเลิกบิดไปมาเป็นเกลียวขนมโปเต้แล้ว รู้สึกสะดุดหูที่สำเนียงการพูด รับรองแม่นางคนนี้ไม่ใช่คนกรุงเทพอย่างแน่นอน หนำซ้ำตัวยังดำเป็นเหนี่ยง ผมเผ้ารุงรังเป็นรังนกกระจอก ติดกิ๊พอันเท่าบ้านที่เรียกว่าขาวมีอยู่ไม่กี่จุด ฟัน กับ ตา

“ฉันเห็นบ้านใหญ่โต ก็ใจฝ่อน่ะยายจ๋า” หญิงสาวตัวดำเมี้ยม ที่หิ้วกระเป๋าเฝ้าหน้าบ้านหลังงามสีขาว บอกกับหญิงชรา

“ข้าไม่ต้องเดาเลยว่าเอ็งเป็นคนพื้นเพไหน” สำเนียงชัดเจนแทบไม่ต้องเอ่ยถามว่ามาจากไหน เพราะคงมาจากสุพรรณบุรีอย่างไม่ต้องเดาไปจังหวัดอื่น

“อุ้ย ชัดขนาดนั้นเชียวหรือจ๊ะ” หญิงสาวเล่นมุก ยิ้มเอียงอายกับคำชมของหญิงชรา ที่ยังไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของกันและกัน

“ไม่ชัดมั้งเหน่อมาตรฐานซะขนาดนี้” หญิงชราว่าพานจะทำให้แกเปลี่ยนสำเนียงสาวเมืองกรุงไปด้วย “อุ้ย ข้าก็ลืมตัวไปกับเอ็ง” นางว่าพร้อมกับยกมือป้องปาก

“เอ่อ...ฉันว่าฉันฝึกมาดีแล้วนะจ๊ะ” หญิงสาวว่าทั้งแอบยิ้ม ที่ฝึกน่ะ จริงๆ ฝึกให้เหน่อต่างหากนี่แสดงว่าผลการฝึกของเธอใช้ได้ เพราะได้ครูดีช่วยขัดเกลาสำเนียงจนสามารถพูดได้อย่างแนบเนียน หญิงสาวลอบคิด

“นี่หรือฝึกเหน่อสุพรรณล้วน ๆ เลย” หญิงชราว่า “ตกลงเอ็งมาด้อมๆ มองๆ หาอะไรหน้าบ้านคุณซัน หรือว่ามาดูลาดเลายกเค้า” นางตั้งข้อสงสัยทางร้ายไว้ก่อน เดี๋ยวนี้อาชญากรรมใกล้ตัวเข้าไปทุกที ต้องระวังไว้เป็นดี โดยเฉพาะบ้านนี้ไม่ค่อยมีครอยู่เพราะต้องออกไปทำงานแต่เช้ากลับเย็น นางก็เหมือนยามรักษาการละแวกนี้ไปโดยปริยาย

“ฉันมาทำงานวันแรกจ๊ะ” สาวสุพรรณคนงาม เอ่อ...งามในโลกส่วนตัวบอกสาเหตุการณ์มาของเธอ

“ทำงาน ?” หญิงชราทวนคำบอกจากสาวเหน่อจังหวัดหนึ่งในตำนานนักร้องดัง

“จ้ะ” หญิงสาวตอบรับด้วยท่าทางร่าเริง จะไม่ให้ร่าเริงได้อย่างไรก็คุณผู้ชายบ้านนี้ น่ากิน เอ้ย หล่อ พูดเพราะ แต่จะนิสัยดีหรือเปล่าต้องใกล้ชิดสนิทกันก่อน เอ่อ...มาทำงานค่ะมาทำงาน ท่องไว้ อย่าเพิ่งคิดเลื่อนตำแหน่ง

“ตำแหน่งอะไร” บ้านนี้มีเจ้าของบ้านหนุ่มอยู่คนเดียว เป็นอาจารย์วันๆ ไม่ค่อยได้อยู่บ้าน หรือว่าจะรับแม่บ้านมาทำงานบ้าน และเฝ้าบ้านไปในตัว นางซ่อนความคิดแต่คงไม่พ้นหน้าที่ที่ว่าในใจนี้หรอก

“อุ้ย คงไม่ใช่เมียคุณผู้ชายหรอกจ๊ะ” คนถูกถามเข้าประเด็นในสิ่งที่ตนแอบคิด การมาเป็นคนใช้ก็แอบหวังไต่เต้าเป็น...เป็น...คุณผู้หญิงของบ้าน สงสัยดูหนังเยอะเลยเพ้อ

“เอ่อ...ข้าก็ไม่ได้คิดอย่างนั้นนะอีหนู” หญิงชราบอกพร้อมทั้งกวาดตามองสาวรุ่นลูกที่สำคัญตัวเองมากซะเหลือเกิน แต่มองอีกทียัยหนูคนนี้ก็น่ารักไปทางตลกมากกว่าดูจริงจังในคำพูดของตัวเอง แค่เจอกันวันแรกนางยังรู้สึกว่าเธอไม่มีพิษมีภัย

“อ้อ...นึกว่ายายคิดฉันล่ะเขินแย่” หญิงสาวว่าพร้อมกับระบายยิ้มเห็นฟันขาวท่าทีอารมณ์ดี น่าชังมากกว่ากว่ารังเกียจความคิดห่ามๆ

“ตกลงยังไง” คนถามต้องการทำตอบ สนทนาไร้สาระมาหลายประโยคแล้ว ถ้ามาไม่ดีหรือเป็นพวกแรงงานแอบมาซุ่มดูลาดเลา จะได้เก็บข้อมูลแล้วแจ้งตำรวจซะ เห็นนางชราอายุหกสิบกว่าๆ ปลดเกษียณจากราชการมาอยู่บ้าน ให้ลูกๆ เลี้ยงก็ไม่ใช่จะดูดายความปลอดภัยในหมู่บ้านนะ

“ฉันมาทำงานเป็นแม่บ้านจ้า” หญิงสาวตอบพร้อมกับท่าทีเขินอายตามแบบฉบับ

“อ๋อ ที่คุณซันรับสมัครแม่บ้านเมื่อหลายวันก่อนโน่นเหรอ ตกลงเอ็งรึที่ได้งานนี้” หญิงชราวัยเลยกลางคนเอ่ยถาม ทั้งแสดงสีหน้าประหลาดใจส่งไปให้หญิงสาวที่น่าจะอายุไม่เกินสามสิบตรงหน้านาง เอ่อ...ไม่ได้ดูถูกดูแคลน แต่ยัยนี่ช่างดำชะมัด แกแอบคิดในใจแต่ดูเหมือนความคิดจะส่อทางสายตามากไปหน่อย

“จ้า” โธ่...ยายไม่ต้องดูถูกฉันขนาดนั้นก็ได้หญิงสาวลอบคิด เมื่อมองสายตาผู้ชราอายุอาจจะมากกว่ามารดาของเธอซะอีก แต่ก็ไม่ถือสาเมื่อเธอช่างเตรียมตัวมาดีกับงานนี้

“เออ...คุยกันมาตั้งนานเอ็งชื่ออะไรรึ” หญิงชราผู้ทำตัวเป็นยามเฝ้าหน้าบ้านทั้งบ้านตัวเองและบ้านชายหนุ่ม ผู้จะเป็นนายจ้างของหญิงสาวนับจากนี้ด้วย

“ชื่อเหรอจ๊ะ” หญิงสาวหน้าซื่อตัวดำยิ่งกว่าเม็ดสำลี พร้อมกับเสียงเหน่อๆ น่ารักสไตล์สาวสุพรรณ ดินแดนแห่งนักร้องชื่อดังในตำนานหลายท่าน

“ชื่อเอ็งนั่นแหละ ก็ข้าถามเอ็งจะเป็นชื่อใครไปได้” ยายถึงกำเกาศีรษะแกรกๆ เพราะงงกับแม่สาวเสียงเหน่อคนนี้เหลือเกิน

“ฉันชื่อศรีจ้ะ เอานามสกุลด้วยไหมจ๊ะ” เธอบอกชื่อจากนั้นไม่ลืมเอ่ยถามคนที่อยากรู้ชื่อ แล้วอยากรู้จักนามสกุล อันไพเราะเพราะพริ้งด้วยหรือไม่

“อุ้ย จะบอกก็บอกสิ จะต้องรอให้ข้าถามอีกรึ” เด็กสาวคนนี้มีมุกตลกซื่อ ๆ ดีจังสงสัยถ้าได้เข้ามาทำงานที่บ้านอาจารย์หนุ่มข้างบ้าน นางคงจะไม่เหงา

“ศรี แดนสุพรรณ จ้ะ เป็นไงจ๊ะชื่อฉันทันสมัยไฉไลหรือเปล่า พ่อแม่ฉันอุตส่าห์ตั้งให้นะจ๊ะ” เธออวดชื่อและนามสกุลที่ทันสมัยที่สุดในสามโลก แต่เป็นโลกของเธอเอง โลกคนอื่นจะสำคัญอะไรเท่าโลกของเธอล่ะ

“ข้าไม่เคยได้ยินชื่อใครทันสมัยเท่าเอ็งเลยนางศรี” หญิงชราประชดแต่นางไม่ได้คิดซีเรียสหรือเอามาเป็นอารมณ์อะไร เพราะคนตรงหน้าน่ารักอัธยาศัยดีทีเดียว ยิ้มหวานเห็นฟันขาว แม้ผิวจะคล้ำไปทางดำซะหน่อย แต่ก็สมัครมาทำงานบ้านไม่ได้สมัครมาเป็นเมียอาจารย์หนุ่มนี่นา

“ยายล่ะจ๊ะชื่ออะไร อายุเท่าไหร่ บ้านอยู่ที่ไหน มีลูกกี่คน ผัว เอ้ย สามียังมีชีวิตอยู่ไหมจ๊ะ หรือตายห่าไปแล้ว อ้ออีกข้อทำงานอะไรจ๊ะ” ศรีร่ายคำถามยาวเหยียดจนคนฟังท่าจะขนหัวลุก ขี้เกียจถามทีละคำถาม เพราะจะรีบเข้าไปรายงานตัวกับเจ้านายรูปหล่อเมื่อคืนก่อนหอบกระเป๋ามาทำงานที่นี่ศรี นอนไม่หลับเลยทีเดียว

“โอ้ย เอ็งจะให้ข้าตอบทั้งหมดนั่นเหรอ” ยายจำคำถามไม่หมดเพราะคนถามเล่นรัวคำถามเป็นชุด ซะขนาดนั้น คนอายุเลยหกสิบแล้วจะให้ทันวัยรุ่นได้อย่างไร นางกุมขมับเลยทีเดียวเรียกว่าหน้ามืดตาลายกับรถบรรทุกคำถามคว่ำใส่หน้า

“ตอบเท่าที่ยายตอบได้ล่ะจ้า” คนถามยังอารมณ์ดีแสดงสีหน้าน่ารัก ใสซื่อในแบบฉบับศรี

“ข้าชื่อเอมมี่” แกบอกชื่อที่ไม่ได้บ่งบอกว่าเป็นแกซะเลย หรือเมื่อตอนหญิงชราเป็นสาวแกสวยยิ่งกว่าดารา นางแบบ หรือนางสาวไทยอะไรทำนองนั้น ถึงได้ชื่อทันสมัยอย่างหนุ่มสาวยุคสามจีย่างเข้าสีจีระบาดในตอนี้