ซ่อนรักลับเมียวิศวะ

62.0K · จบแล้ว
อัญธิญาน์
30
บท
6.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

สำหรับพันไมล์ หมอนอิงคือของเล่นราคาถูกที่เขาเผลอเหยียบย่ำด้วยความเข้าใจผิด แต่ใครจะรู้ว่าของเล่นชิ้นนี้ จะกลายเป็นพันธนาการที่ผูกมัดหัวใจเพลย์บอยผู้ไม่เคยศรัทธาในรักไปตลอดกาล

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักนางเอกเก่งดราม่ามาเฟียโรแมนติกแต่งงานก่อนรักมีลูกคู่หมั้นหญิงแบดบอย

CHAPTER 1 ขายตัวแลกเงิน

เสียงสะอื้นแผ่วเบาเจือปนกับลมหายใจสั่นเทา ก้องอยู่ภายในห้องนอนเก่าโทรมของบ้านเช่าเล็กๆ กลางชุมชนแออัด

“ทำไมต้องเป็นอิงทำไมแม่ถึงทำกับอิงแบบนี้...” เสียงของหมอนอิงรำพึงเบาๆ ดวงตาบวมแดงจากหยาดน้ำตาที่ไม่มีท่าทีจะหยุดไหล

เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน เธอถูกเจ้าหนี้บุกมาถึงหน้าบ้าน ทวงเงินก้อนโตพร้อมเสียงตะโกนประจานให้คนทั้งซอย

“แม่คุณติดหนี้นายผมเป็นแสนจะใช้คืนเมื่อไหร่!”

ขณะที่เพื่อนบ้านยืนมุงมองบางคนก็ส่ายหน้า บางคนก็ซุบซิบเพราะเหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก หมอนอิงทำได้เพียงยืนตัวแข็ง สะอึกสะอื้นกลางแสงแดดจ้า หัวใจเหมือนถูกบีบจนแทบขาด

หลังเหตุการณ์อัปยศ แม่ของเธอกลับพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ราวกับเรื่องทั้งหมดไม่ใช่เรื่องใหญ่ เหมือนจะขายลูกกินเสียมากกว่า

“ถ้ามึงยังรักครอบครัวอยากให้อิงฟ้ามันได้เรียนสูงๆ มึงก็ไปเป็นเมียเก็บพวกมาเฟีย” พรทิพย์ไม่สงสารลูกสาวคนโตเพราะเกลียดที่ลูกคนนี้เพราะไม่ได้รู้สึกรักในตัวของพ่อหมอนอิงเลย

ราชันนักธุรกิจหนุ่มผู้มีอิทธิพล เขาคือเจ้าหนี้คนใหม่ ของครอบครัว และเขาไม่ได้ต้องการเงินคืนสิ่งที่เขาต้องการคือเธอ

“ไปอยู่เป็นเด็กในบำเรอเขาแค่ไม่กี่ปีหนี้หมด น้องก็ได้เรียนต่อหรือจะปล่อยให้ทุกอย่างพัง?” ประโยคนั้นคือคำตัดสิน

“ทำไมต้องเป็นอิง” เพราะเธอต้องเสียสละให้น้องทุกอย่าง จนแทบไม่มีชีวิตเป็นของตัวเองแม่ส่งน้องเรียน แต่เธอต้องทำงานหาเงินส่งตัวเองเรียน

“อีนี่กูบอกว่ามึงต้องไปก็ต้องปิน้องมึงอายุยังน้อยๆ อยู่เลย”

อิงฟ้าอายุห่างจากเธอแต่ปีเดียวเพราะแม่เลิกกับพ่อ แม่แต่งงานใหม่ทันที เรียกว่ายังไม่เลิกกันดีด้วยซ้ำแม่รักอิงฟ้ามากกว่าเธอมาตลอด

หัวใจหมอนอิงร่วงลงเหวลึก มืดมิดและไร้ทางหนี

เธออยากกรีดร้องอยากขัดขืน แต่เสียงในใจของเธอชัดเจนยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด ไม่มีทางเลือกอื่นเลยเพราะแม่ติดการพนันจนหนี้สินพันตัว

รถแท็กซี่แล่นเข้ามาจอดสนิทตรงหน้าประตูทางเข้าใหญ่ หมอนอิงยกมือกำกระเป๋าแน่น หัวใจเต้นแรงอย่างควบคุมไม่อยู่

เธอไม่รู้ว่ากำลังจะเผชิญกับอะไร แค่รู้ว่าเธอไม่ได้มาในฐานะแขก พรทิพย์ลากลูกสาวตนโตเดินเข้าไปในบ้านพร้อมกัน

ชายวัยกลางคนในชุดลำลองสีอ่อนยืนรออยู่ก่อนแล้ว ใบหน้ายิ้มละไม ดวงตาเปี่ยมเมตตา

“หมอนอิงใช่ไหม? มาเหนื่อยๆ ฉันให้แม่บ้านเตรียมห้องไว้ให้แล้ว” เสียงทุ้มอบอุ่นเกินกว่าที่เธอจินตนาการไว้

นี่คือคนที่ควรจะมองเธอด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม ที่ควรจะแสดงท่าทีเหมือนเธอคือเด็กที่ถูกส่งมาแลกหนี้

แต่เปล่าเลยเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ยื่นมือมาแตะแขนเธอเบาๆ

“ไม่ต้องเกร็งนะบ้านนี้ไม่ใช่คุกถ้ามีอะไรไม่สบายใจ บอกฉันได้เสมอ”

“ขอบคุณผู้ใหญ่เข้าสิเขาจะได้รักเอ็นดู” พระทิพย์ตะคอกลูกเสียงดังจนหมอนอิงสะดุ้งรีบยกมือไหวเจ้าของบ้านทันที

“ขอบคุณค่ะ” เธอพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้

“ฉันพามันมาส่งแต่ขอค่าบุญคุณที่เลี้ยงมันมาจนโตหน่อย”

“ลูกนะไม่ใช่สิ่งของ” ราชันมองสาววัยกลางคนที่ตอนนี้เป็นลูกหนี้ของเขา

“โอ๊ยยย คุณราชันตอนมันเกิดมาฉันไม่เอาขี้เถ้ายัดปากมันก็ดีแค่ไหนแล้ว” พรทิพย์ไม่สนใจว่าลูกสาวจะเสียใจแค่ไหน หากได้ยินคำนี้

“5 ล้าน!” ราชันเสนอเงินให้

“คะ ค่าอะไรจ๊ะตั้ง 5 ล้าน” พรทิพย์กลัวว่าเขาจะเก็บดอกเบี้ยเพิ่ม ใบหน้าเริ่มซีดเผือด

“ถือว่าขายขาดกันฉันจะให้เงินเธอไป 5 ล้านและอย่ามาวุ่นวายกับลูกสาวอีก” ราชันสั่งให้ลูกน้องคนสนิทนำเช็คเงินสดมาให้ เขาเขียนจำนวนเงินตามที่บอก

พรทิพย์รีบหยิบมาทันทีมองดูตัวเลขอย่างพอใจ ก่อนจะเดินหันหลังออกไปไม่ร่ำลาลูกสาวสักคำ

หมอนอิงเช็ดน้ำตาด้วยความขมขืนที่แม่ทำกับเธอแบบนี้ ในเมื่อโชคชะตามันโหดร้ายแบบนี้เธอก็จะยอมรับมัน

.

พันไมล์ เดินเข้ามาด้วยสีหน้าเรียบเฉยเขาเพิ่งกลับจากมหาลัยยังเหนื่อยล้าแต่ยังแวะมานั่งกินข้าวตามที่ผู้ใหญ่นัดไว้

ตรงข้ามกับเขาหญิงวัยกลางคนที่แต่งตัวหรูหราดูแพง กำลังยกไวน์ขึ้นจิบอย่าง เขาไม่รู้สึกผูกพันเพราะแม่ไม่ได้เลี้ยงดูเขา อีกฝ่ายแต่งงานมีครอบครัวใหม่แล้ว

“ลูกมานั่งเลยเดี๋ยวจะเย็นหมด” ราชันเรียกลูกรู้ว่าสองแม่ลูกเขาไม่ค่อยร่องรอยกันเท่าไร เพราะเรื่องในอดีต

“มาที่นี่สามีใหม่ไม่ว่าเอาเหรอ ไหนจะลูกอีกแปลกนะคนเราลูกตัวเองไม่อยากจะเลี้ยง!” พันไมล์รับสั้นๆ มองผู้หญิงคนนั้น แม่ของเขาที่นั่งอยู่ด้วยสายตาไร้อารมณ์

“ไนท์ลูก...” ฐิตารีพูดไม่ออก บรรยากาศกำลังนิ่งสงบจนราชันวางช้อน

“หมอนอิงเข้ามาสิ”

พันไมล์เงยหน้าขึ้นทันที พร้อมกับผู้หญิงอีกคนตรงข้าม ร่างบางของหมอนอิงก้าวเข้ามาช้าๆ ท่ามกลางสายตาของคนทั้งโต๊ะชุดเรียบง่ายผมถูกรวบไว้หลวมๆ ดวงตาทอแววระวังตัว

“นี่หมอนอิงเธอจะมาอยู่ที่บ้านเราสักพัก” เสียงราชันพูดเรียบง่าย แต่ทุกคำเหมือนระเบิดที่หย่อนลงกลางโต๊ะ

“อะไรนะครับหมายความว่ายังไง” พันไมล์ เลิกคิ้วทันทีเด็กคนนี้อายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับเขา ไม่รู้ว่าเข้ามาในบ้านของเขาเพื่อหวังอะไร

“ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร ทำไมถึงได้เข้ามาอยู่ในบ้านนี้?” ฐิตารีไม่พอใจเช่นกัน กลัวว่าสมบัติของราชันจะถูกหารไปให้ผู้หญิงคนนี้ น้ำเสียงเปื้อนความรังเกียจ

หมอนอิงยืนนิ่ง ขาแข็งเหมือนหิน เธอไม่รู้ควรจะพูดอะไร

“คุณพ่อคิดอะไรอยู่ครับเอาคนแปลกหน้าเข้าบ้านโดยไม่บอกกันสักคำ?” พันไมล์หันไปสบตาพ่อ สีหน้าเริ่มไม่พอใจ

“หนูหมอนอิงเป็นแขกของพ่อ พ่อรับรองเองไม่มีอะไรต้องกังวล”

“หน้าด้านไร้ยางอาย” เสียงของฐิตารีดังขึ้น

“คุณหยุดพูดจะดีกว่านี้มันเรื่องในครอบครัวของผม” คำพูดแทงใจ ทำให้บรรยากาศเริ่มหม่นหมอง

“นี่คุณราชัน!” เธอจึงเงียบเพราะกลัวว่าจะถูกเขาจับโยนออกจากบ้าน

พันไมล์ลุกขึ้นยืนช้าๆ มองหมอนอิงตั้งแต่หัวจรดเท้า แววตาไม่ใช่รังเกียจ แต่คือการปิดกั้นเขาตั้งกำแพงทันทีโดยไม่ต้องรู้จักกัน

“กล้าดียังไงมานั่งโต๊ะเดียวกับฉัน คิดว่าตัวเองเป็นใคร?” ฐิตารีตวาด แล้วเงื้อมือจะฟาดเข้าที่หน้าหมอนอิงเต็มแรง

หมับ

เสียงมือถูกจับกลางอากาศก่อนที่มันจะถึงแก้มหมอนอิง พันไมล์คว้ามือแม่ไว้ทันเวลาพอดี

“พอเถอะ” น้ำเสียงเขานิ่งเย็น แต่น้ำเสียงนั้นกลับทำให้แม่ของเขาชะงัก

“ตาคุณกลับไปได้แล้ว อย่ามาสร้างปัญหาที่นี่คุณอยากเจอลูกผมก็ยอมแล้ว”

“หลงมันล่ะสิ ฉันกลับก็ได้แต่ระวังจะถูกมันหลอกเอา”

“ผมขึ้นไปข้างบนแล้วไม่อยากคุยกับใคร เชิญคุณพ่อกินกับคนของคุณพ่อให้อร่อย” พันไมล์เดินออกไปจากห้องอาหาร และมุ่งตรงไปที่ห้องนอนของเขา

.

ตกดึกหมอนอิงหิวน้ำจึงเดินลงมา ในระหว่างที่กำลังล้างแก้วดันมีเสียงของเขาดังขึ้น จนเธอสะดุ้ง

“คิดยังไงถึงเอาคนแก่คราวพ่อมาทำผัว!”

“คุณ” เธอมองเขาแบบประหม่า

เขาก้าวเข้ามาใกล้เธอ มากพอจนได้ยินเสียงหายใจของกันและกัน แล้วโน้มตัวลงมากระซิบชิดใบหูเธอด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น แต่แฝงไปด้วยการเสียดสี

“เธอมีดีอะไรนักหนาถึงได้ให้พ่อฉันคลุมหัวเหมือนลูกสาวดีๆ แบบนี้?”

หมอนอิงกลืนน้ำลายไม่ลงดวงตาสั่นระริกเธอไม่ตอบ ราวกับกลัวว่าถ้าเอ่ยปาก เสียงของเธอจะสั่นเกินควบคุม น้ำตาเม็ดหนึ่งไหลลงอาบแก้มขาว

เขาขยับใบหน้าเข้ามาใกล้อีกนิด แล้วพูดต่อด้วยเสียงเย็นยะเยือก

“ฉันชักอยากรู้แล้วสิว่าเธอมีของดีตรงไหนบ้าง” มือหนาเอื้อมมาเชยคางเธอขึ้นเบาๆ สายตาไม่ใช่ความหลงใหลแต่เป็นการท้าทาย

“หรือเธอเองก็คงเต็มใจให้ตรวจสอบอยู่แล้วล่ะมั้ง?”

“ปล่อย!” หมอนอิงหลับตาแน่นพยายามกลั้นเสียงสะอื้นที่จุกอยู่ในลำคอ

“ถ้าเธอจะอยู่ที่นี่ เธอก็ต้องทำตัวให้เหมือนคนอาศัย อย่าทำตัวเป็นเจ้าของ” เสียงเย็นชาเอ่ยขึ้น ก่อนเขาจะเดินออกจากโต๊ะโดยไม่หันกลับมา

หมอนอิงกลืนก้อนสะอื้นลงคอเธอไม่คาดหวังว่าจะถูกรับขวัญ แต่เธอก็ไม่คิดว่ามันจะเจ็บขนาดนี้