บทที่ 2
เซียวหยุนหลงเหลือบมองชายคนนั้น เมื่อเห็นแล้วก็หัวเราะเยาะพลางพูดออกมา : “มอร์ส ทำไมนายถึงมีเวลาว่างมาหาฉันได้ ?”
“ราชาปีศาจ นายไม่คิดว่านายหยิ่งยโสไปหน่อยหรือ ? เมื่อวานตกลงกันแล้วว่านายพานักเรียนของนายมาแลกเปลี่ยนความรู้กับนักเรียนของฉัน แต่ตอนนี้นักเรียนของฉันกลับยังลุกขึ้นไม่รอดเลยสักคน” ผู้ชายที่ชื่อมอร์สตะคอกด้วยความโมโห เขาเป็นครูฝึกของค่ายฝึกอีกแห่ง ได้รับสมญานามว่าขวานยักษ์ เคยต่อยมวยใต้ดินมาก่อน สามารถรักษาสถิติเอาชนะได้ทุกยก
“มอร์ส นายควรจะดีใจที่นี่เป็นเพียงการแลกเปลี่ยนความรู้ หากเป็นการแข่งขันของจริงบนเวทีมวยใต้ดิน นักเรียนของนายคงตายไปนานแล้ว ไม่ใช่แค่นอนอยู่เป็นเตียงเช่นนี้หรอก” เซียวหยุนหลงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“จองหอง ! ถ้าอย่างนั้นฉันคงต้องสั่งสอนราชาปีศาจอย่างนายสักสองสามกระบวนท่าแล้ว !” มอร์สพุ่งตรงเข้าไปด้วยความโกรธ แต่ผู้คุมที่ยืนอยู่ตรงประตูค่ายกลับไม่เข้ามาห้ามปราม
“นายคิดจะต่อสู้กับฉันจริง ๆ หรือ ?” เซียวหยุนหลงหรี่ตาลง
“แน่นอน !”
มอร์สพูดขึ้น เขาวิ่งพุ่งเข้ามา และยกขาเตะไปที่เซียวหยุนหลง
ช่างประจวบเหมาะกับที่โทรศัพท์มือถือของเซียวหยุนหลงดังขึ้นพอดี เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูและผงะไปเล็กน้อย
ฟิ้ว !
ตอนนี้ขาขวาของมอร์สกลับเตะเข้ามาราวกับขวานยักษ์ เซียวหยุนหลงยกขาขวาขึ้นปัดป้องอย่างสบาย ๆ ท่าทางที่ดูเหมือนไม่ได้ตั้งใจนั้น กลับหยุดขาขวาของมอร์สที่มีแรงเตะกว่า 1,000 ปอนด์ลงได้
“ผมบอกแล้วไม่ใช่หรือ ต่อไปไม่ต้องโทรมาหาผมอีก !”
เซียวหยุนหลงรับโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงเย็นชาเล็กน้อย
“ลูกเป็นลูกของพ่อ ในฐานะของคนเป็นพ่อ โทรศัพท์หาลูกถือว่าเป็นเรื่องผิดด้วยหรือ ?” ในสายโทรศัพท์ มีน้ำเสียงที่หนักแน่นของชายชราดังขึ้น
“ผมไม่มีพ่อ ตั้งแต่ที่ผมเกิดมา คนที่ผมเห็นมีเพียงแค่แม่คนเดียวเท่านั้น สิ่งเดียวที่ผมจำได้ก็คือ แม่พาผมเร่ร่อนไปใช้ชีวิตอยู่ในต่างแดนเพียงคนเดียว ตอนนั้นคนที่เรียกตัวเองว่าพ่ออย่างคุณไปอยู่ที่ไหนกัน ?”
ปลายสายเงียบไป สักพักใหญ่เสียงของชายชราจึงค่อย ๆ ดังขึ้นมา : “หยุนหลง พ่อรู้ว่าพ่อทำผิดต่อลูกและแม่ พ่อไม่ขอให้ลูกยอมให้อภัย พ่อหวังเพียงแค่ว่าในวาระสุดท้ายของชีวิตพ่อ จะมีโอกาสได้พบหน้าลูกสักครั้ง”
แววตาของเซียวหยุนหลงจริงจังขึ้นมา สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย แล้วพูดว่า : “วาระสุดท้ายของชีวิต ? หมายความว่าอย่างไร ?”
“ราชาปีศาจ นี่นายไม่เห็นฉันอยู่ในสายตาเลยหรือ ? นายมันรนหาที่ตายชัด ๆ !” ความโกรธของมอร์สปะทุขึ้น เวลาเช่นนี้เซียวหยุนหลงยังมีอารมณ์ที่จะรับโทรศัพท์อีก ทำให้เขารู้สึกเหมือนโดนดูถูกอย่างยิ่ง เขาอยู่ในอาการบ้าคลั่ง ขาทั้งสองข้างกวัดแกว่งไปมาราวกับขวานศึก อากาศที่อยู่ภายใต้เท้าของเขาเกิดเสียงระเบิดขึ้นอย่างต่อเนื่องภายใต้แรงกดดัน ช่างเป็นบรรยากาศที่น่ากลัวอย่ายิ่ง
แววตาของเซียวหยุนหลงเคร่งขรึมลง เส้นเลือดบนแขนขวาของเขาปูดโปนขึ้นมา และระเบิดพลังอันรุนแรงออกไปโดยรอบ เขาปล่อยหมัด ตั้งรับและฟันศอกอย่างอุกอาจ ด้วยท่าทางที่ดูสบาย ๆ และสามารถป้องกันลูกเตะที่บ้าคลั่งของมอร์สเอาไว้ได้
“นี่เป็นสิ่งที่หมอพูดกับพ่อ ลูกรัก ไม่ว่าลูกจะเกลียดพ่อคนนี้มากขนาดไหน แต่อย่างไรเสียเลือดที่ไหลเวียนอยู่ภายในตัวของลูกก็คือเลือดของตระกูลเซียว บ้านถึงจะเป็นรากฐานที่แท้จริงของลูก พ่อหวังว่าลูกจะกลับมา ให้พ่อได้พบหน้าลูกสักครั้ง และให้พ่อได้ชดเชยในความบกพร่องและสิ่งที่ตัวเองเคยทำผิดพลาดไป ได้ไหม ?” ในสาย น้ำเสียงที่แหบพร่านั้นพูดขึ้น
เซียวหยุนหลงแววตาสั่นไหว ในสมองของเขาปรากฏภาพใบหน้าที่งดงามอ่อนโยนขึ้น นั่นคือใบหน้าของผู้เป็นแม่ของเขา
เขายังจำได้ดีว่า ก่อนที่แม่ของเขาจะสิ้นใจ ได้จับมือของเขาเอาไว้แล้วพูดว่า : “หลงเอ๋อร์ อย่าเกลียดพ่อของลูกเลยนะ แม่เองก็ไม่เคยโกรธเขา ในทางตรงข้าม ชั่วชีวิตของแม่ เขากลับเป็นผู้ชายเพียงคนเดียวที่แม่เคยรัก ตอนนี้ก็ยังเป็นเช่นนั้นอยู่ หลังจากแม่จากโลกนี้ไปแล้ว ให้ลูกพาเถ้ากระดูกของแม่กลับไป ตอนที่แม่มีชีวิตอยู่เป็นคนของตระกูลเซียว เมื่อตายแล้วก็เป็นวิญญาณของตระกูลเซียวเช่นกัน แม่หวังว่าตัวเองจะได้กลับไปพักผ่อนอย่างสงบสุขในศาลบรรพบุรุษของตระกูลเซียว หลงเอ๋อร์ รับปากแม่ได้ไหม ?”
“ตายซะเถอะ !”
ตอนนี้เอง มอร์สรู้สึกโกรธจัด เขาสูดหายใจเข้าเต็มปอด ร่างใหญ่ยักษ์เหมือนรถขุดดินพุ่งเข้าไปบดขยี้เซียวหยุนหลงทันที
จากนั้นเขาก็บิดเอว และอาศัยแรงเหวี่ยงจากเอวยกขาขวาเตะออกไป เกิดเงาขนาดใหญ่ของขาฟาดผ่านอากาศไป ฟาดลงไปบนหัวของเซียวหยุนหลงราวกับขวานยักษ์
แววตาของเซียวหยุนหลงเคร่งขรึมลง ประกายของความดุดันปรากฏขึ้นในดวงตา เขาเคลื่อนที่ไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว และเตะขาขวาออกไปทันที ลูกเตะนี้รวดเร็วจนมองไม่ทัน ได้ยินเพียงเสียงตุบตับที่ดังก้องขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ตุบ !
เซียวหยุนหลงระเบิดพลังลูกเตะนี้ออกไป มีเพียงเสียงครางด้วยความจุกดังขึ้นจากปากของมอร์สเพียงครั้งเดียว และร่างกายอันใหญ่ยักษ์ของเขาก็กระเด็นออกไปในทันที
ทันทีที่ร่างของมอร์สกระทบลงกับพื้น ก็มีร่างร่างหนึ่งพุ่งตรงเข้ามาทันที และยกเท้าขึ้นเหยียบลงบนหน้าอกของเขา ทำให้มีเลือดสีแดงสดไหลทะลักออกมาจากปากของเขา
“ได้ ผมจะกลับไป !”
เซียวหยุนหลงใช้เท้าเหยียบหน้าอกของมอร์สเอาไว้ แล้วหันไปคุยโทรศัพท์ทีละคำ ๆ
คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างตกตะลึง แววตาของนักเรียนในค่ายฝึกนรกที่มองดูเซียวหยุนหลงเต็มไปด้วยความรู้สึกเกรงขามและเคารพอย่างยิ่งยวด—คุยโทรศัพท์ไปพลาง รับมือกับขวานยักษ์อย่างมอร์สไปพลาง สุดท้ายแล้วยังสยบมอร์สเอาไว้ใต้ฝ่าเท้าได้อีก เช่นนี้ไม่เรียกว่าน่าเกรงขามเท่านั้น แต่เรียกได้ว่ายอดเยี่ยมเหนือใคร !