บท
ตั้งค่า

หนูเป็นของคุณ บทที่ 1

“หนี้พวกนี้แกไปไล่ตามให้หมดด้วยล่ะ”

เอกสารถูกโยนลงมาตรงหน้าของสินทวี เขามองหน้าพี่ชายแล้วเลิกคิ้ว คนเป็นพี่นั่งลงตรงกันข้ามกับน้อง เขาหน้าตาดูเคร่งเครียด จริงจัง

“ทำไมผมจะต้องตามด้วยล่ะ พี่แสน ขี้เกียจว่ะ”

“ขี้เกียจไม่ได้ เงินทั้งนั้นไอ้สิน พวกนี้เรากินดอกมาตั้งแต่รุ่นแม่แล้ว พวกลูกหนี้ไม่ยอมใช้ต้นมาเสียที เงินก็คาอยู่นี่ ฉันจะไปทำอะไรก็ไปไม่ได้ วุ้ย...รำคาญ ก็เลยต้องมายกให้แกดูแลต่อนี่ล่ะ จะได้ไปทำในสิ่งที่อยากทำได้เสียที”

“รำคาญก็ยกหนี้ไปสิพี่” คนเป็นน้องเสนอ เลยโดนพี่ชายเขกกบาลให้ดังโป๊ก แล้วค้อนให้

“ยกห่าอะไรล่ะ เงินนะไอ้สิน มันเป็นการลงทุน เราต้องได้กำไร มันไม่ใช่การกุศล”

“เค้าใช้ดอกทบต้น ต้นทบดอกมาตั้งแต่รุ่นแม่เราแล้วนา”

น้องชายว่า ท่าทางเอื่อยๆ ของเขาทำให้คนเป็นพี่ชักจะคันตรงอวัยวะส่วนล่างขึ้นมาตหงิดๆ ข้อหาที่น้องชาย จะมาทำใจบุญไม่เข้าท่า

“เออ ทบยังไงหนี้ก็คือหนี้ ดอกก็คือดอกโว้ย การลงทุนคือการเสี่ยง เราเสี่ยง เราเอาเงินไปลง เราก็ต้องได้กำไร” ว่าแล้วก็ทำท่าจะเทศนาน้องชาย สินทรัพย์มองหน้าพี่ชายแล้วรีบโบกมือ

“เออๆ ตามนั้นก็แล้วกัน” พูดปัดรำคาญไปเพราะแสนทรัพย์จะได้เลิกยุ่งกับเขาเสียที พี่ชายเลยคาดคั้นอีกหน

“ตามนั้นคืออะไรวะ”

“ตามนั้นก็ตามไง”

“ห้ามมาทำยกหนี้ยกอะไรให้ลูกค้านะไอ้สิน พวกนี้น่ะ บางคนก็ไม่ได้ลำบากจริง กู้เงินแม่ไปใช้เล่นหวยบ้าง ซื้อทองใส่บ้าง ซื้อรถ ซื้อของหรูหรา อวดหน้าเอาหน้ากัน อย่าไปเห็นแก่น้ำตาล่ะ ถ้ามีคนมาตีโพยตีพาย ห้ามใจอ่อน แต่ เงินบางคนก็เอาไปต่อเงิน ลงทุน เอากำไรมาแบ่งๆ กับเรา เราไม่ได้หน้าเลือด ไม่ได้ใจดำ เราทำธุรกิจอย่างโปร่งใส”

“แต่ผิดกฎหมายนิดๆ” น้องชายเสริม

“ดอกร้อยล่ะสิบห้าเอง”

“เออ เจ้าอื่นดอกร้อยล่ะยี่สิบ นี่เราสิบห้าไง แกถึงห้ามยกหนี้ เด็ดขาด!”

“ครับผม”

“พี่จะทิ้งไอ้พูนไว้ให้ใช้งาน กับลูกน้องอีกสามคน ส่วนนอกนั้นพี่จะเอาไปด้วย”

“ครับผม”

“บ้านนี้ ธุรกิจของพ่อ แกก็เอาไป จัดการดูแลให้เรียบร้อย อย่าให้เจ๊งฉิบหายหมดล่ะ”

บ่นต่อกับน้องอีก เหมือนจะรู้นิสัย ว่าสินทวีนั้น เป็นคนง่ายๆ ไม่ใช่คนทะเยอทะยานอะไร ใจดีด้วยซ้ำไป อาจจะเพราะเขาเกิดมามีทุกอย่าง เลยไม่ต้องแข่งขันดิ้นรน เลยกลายเป็นคนชิวๆ ใช้ชีวิตสบายๆ เห็นคนเดือดร้อนไม่ได้ เพราะเป็นคนขี้สงสาร

ต่างกันตรงกันข้ามกับพี่ชายอย่างเขาลิบ อาจจะเพราะคนน้องได้รับการเลี้ยงดู อบรมจากผู้เป็นย่า ที่เป็นสายธรรมมะ บ่นลูกชายไม่เว้นวรรค ว่าไม่ให้ทำธุรกิจเงินกู้ สุขเลยให้เมียทำแทน เพราะจะได้ไปบอกกับแม่ว่า ไม่ได้ทำงานแบบนี้ ก็ไม่ได้โกหก ไม่อย่างนั้นท่านไม่มียอมรับเงินเลี้ยงดูจากเขาเด็ดขาด

อะไรๆ ท่านก็บอกว่าต้องกลัวบาป กลัวกรรม ต้องอยู่ในศีลในธรรม กล่อมหูหลานรักมาแบบนั้น แต่เด็กแต่เล็ก ดีแล้วที่สินทวีไม่ยักกะบวช แต่ก็เป็นคนเรียบง่าย สมถะ ใจดีจนบางทีเกินไปสักนิด ในสายตาพ่อแม่และพี่ชาย

ใครเดือดร้อน มาบีบน้ำตากับเสี่ยสินเข้าหน่อย นั่นล่ะ มักจะได้รับการช่วยเหลือ

พวกเขาสองพี่น้องถูกชาวบ้านเรียกติดปาก ว่าเสี่ยสิน กับเสี่ยแสน เสี่ยแสนนั้นเค็ม เขี้ยว อิทธิพลคับบ้านคับเมือง เพราะมีลูกน้องล้อมหน้าล้อมหลัง ใครมีเรื่องกับเสี่ยแสนนั้น ก็คือรนหาที่ตายชัดๆ กี่รายแล้วที่มาลองดี ก็ต้องเตลิดออกไปจากจังหวัดกันเลยทีเดียว เรียกว่าต้องใส่ตีนหมา โกยอ้าวไม่คิดชีวิตกันล่ะ ถ้ามีเรื่องมีราวกับเสี่ยแสนเข้า

ส่วนเสี่ยสินนั้นแสนใจดี ใจกว้างเหมือนแม่น้ำ ใจบุญสุนทาน ไม่คิดจะเอาเรื่องเอาราวกับใครเขาสักเท่าไหร่ ทำงานสุจริตสืบต่อกิจการโรงสีของพ่อ ไม่เหมือนพี่ชายที่ยึดทำธุรกิจสีเทา สองพี่น้องต่างขั้ว โสดกันทั้งคู่ สาวๆ มักจะหมายตาเสี่ยแสนมากกว่าเสี่ยสิน เพราะหนุ่มร้ายๆ มักจะเสน่ห์แรงกว่าหนุ่มนิ่มๆ ที่วันๆ อยู่แต่กับบ้าน ทำงาน ว่างก็เข้าป่าชมธรรมชาติ สินทวีมีงานอดิเรกของเขาคือวาดรูปนก กับเข้าวัด

“ครับผม”

“ไอ้ครับผมของแกนี่ จะฉิบหายไหมวะ” พี่ชายดักคอ สินทวีเลยหัวเราะชอบใจ แล้วสั่นหน้า

“ไม่ฉิบหายหรอกพี่ ผมจะได้บาปประไร หึๆ คนงานเยอะแยะ ที่ทำงานโรงสีน่ะ ผมไม่ทำให้พวกเค้าตกงานหรอกน่า ไม่ทำเจ๊งหรอก”

“เออ อย่าไปการกุศลใจดี สีข้าวให้เค้าฟรีๆ หรือขายข้าวไม่เอาเงิน เที่ยวยกข้าวในโซโลไปบริจาคล่ะ แกน่ะ”

“ไม่หรอกครับพี่ โธ่...พี่เห็นผมเป็นคนยังไงกันนะ”

“คนประสาท แล้วก็ประหลาดยังไงละวะ”

“เฮ้อ...”

ถอนใจแทน เพราะไม่รู้จะเถียงอะไรกับพี่ชาย แสนทรัพย์ยังคงฝากงาน ฝากอะไรต่อมิอะไรอีกยาว กว่าจะคุยกันเสร็จก็เกือบค่ำ

“ไปก๊งกับพี่หน่อยเย็นนี้”

“โอเคครับ”

เหมือนจะเป็นอย่างเดียวที่สินทวีแหกจากธรรมะอบรมจากย่า คือการผิดศีลข้อห้านี่ล่ะ เย็นวันนั้นสองพี่น้องเลยพากันเมาหัวราน้ำ กอดคอกัน ร้องไห้ (อันนี้แสนทรัพย์ดันร้องไม่ใช่สินทวี) ปรับทุกข์ ฝากฝัง เพราะแสนทรัพย์กำลังจะไปสร้างอาณาจักรของเขาที่อื่น

สองพี่น้องแยกย้ายกันไปสร้างตัว

ในแบบของตัวเอง

..........................................................................................................................................................................

“ไปก่อนนะโว้ย”

“ครับพี่”

“ไว้ไปเยี่ยมพี่บ้าง แล้วก็ส่งรายงานทุกเดือนล่ะ”

“ครับพี่”

“นอกจากทำงานแล้ว แกก็อย่าลืมหาเมียด้วยล่ะ ไอ้สิน” คำพูดต่อมาทำให้น้องชายที่ยังมึนเพราะเมาค้าง ถึงกับตาสว่าง แล้วก็หัวเราะ

“หึๆ”

“หัวเราะนี่ หาด้วยล่ะ เดี๋ยวตระกูลเราจะกุด กิจการไม่มีคนสืบทอด”

“แล้วพี่ล่ะ” เจอย้อนเข้า แสนทรัพย์ก็ยักไหล่

“อย่างพี่ เมียน่ะ หาได้ง่ายจะตาย อยากได้ใครเอานิ้วจิ้มๆ ไปเดี๋ยวก็เจอ”

“เมียหรือว่าอะไรน่ะพี่แสน”

“เอ่อ แกอย่ายุ่งกับฉันเลยน่ะ ไอ้สิน แล้วก็อย่าลืมที่ฝากไว้ เรื่องบัญชีล่ะ สั่งไอ้พูนไว้แล้วว่าให้ออกเก็บทุกวัน มีปัญหา แกก็ต้องไปเคลียร์ล่ะ”

“ครับผม”

“งั้นพี่ไปล่ะ”

เขาดึงน้องชายเข้ากอดแน่น ตบหลังสินทวีดังป๊าบ ก่อนจะขึ้นรถโฟวิลคันใหญ่ ออกไปจากอาณาจักรที่ยกให้น้องชายไปแล้ว

สินทวีมองตามพี่ชายไปจนหลับตา คำสั่งเสียต่างๆ คิดแล้วก็ทำให้เขาอมยิ้ม ยิ่งสุดท้าย ให้หาเมีย...อืม....

มีเมียก็เหมือนมีห่วง ลิดรอนอิสรภาพ โสดดีกว่าสบายใจ เคยลองมีแฟนมาแล้วดูจะไม่เข้าท่า น่ารำคาญอีกต่างหาก สินทวีไม่ใช่จะเป็นคนตายด้านทางนี้เสียทีเดียว เขามีคบหาผู้หญิงบ้าง บางทีก็ออกไปเที่ยวกับพี่ชายตัวดีนั่นแหละ เพียงแค่เขาเลือกที่จะคบเป็นคนๆ คนล่าสุดนี้ทำให้เขาระอา แล้วก็ขอพักเรื่องนี้ไปอีกพักใหญ่ เขาใช้ชีวิตโสดได้แบบค่อนข้างตระหนี่ถี่เหนียว (ประโยคนี้พี่ชายค่อนว่า ว่าใช้ความเป็นชายไม่คุ้มเอาเสียเลย) เพราะมีแฟนมาแค่สามคน ตลอดชีวิต 38 ปีของตน

ใครจะเป็นแบบพี่แสนกันล่ะนั่น ใช้คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม

คิดถึงพี่แล้วก็สั่นหัวน้อยๆ แล้วหัวเราะ ต่อไปเขาคงจะเหงานิดๆ ล่ะ ที่ไม่ได้ยินคำบ่นคำด่าของแสนทรัพย์ ร่างสูงก้าวเข้าไปในรถของตน แล้วขับออกไปเพื่อทำงานประจำวันของตัวเอง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel