ซาลาเปาร้านนี้มีดีกว่าที่อร่อย

62.0K · จบแล้ว
Ocean Books
32
บท
721
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

พูดคุยกับนักเขียน พวกเรา โปรเจคสหายจันทราสวัสดีค่ะ ผ่านไปสองเดือนหลังจากที่เรื่องสองแฝดตระกูลซีกับระบบศิราณีสุดอ๊องจบไปทั้งสองเล่ม พวกเราก็ซุ่มเขียนเรื่องใหม่กัน รอบนี้เป็นแนวสุขนิยมเหมือนเดิม น่าสงสาร พุทธคุณ หนุ่มวัดไรเดอร์ส่งอาหารที่ถูกล่อลวงจากเจ้าแม่ในยุคจีนโบราณให้ไปช่วยจงอี้หยางที่หนีการล่าสังหารหมู่ครอบครัว โชคดีที่ความรู้ที่มีช่วยให้อยู่รอดปลอดภัยไปช่วงหนึ่ง ทว่าด้วยสำนึกในบุญคุณเถ้าแก่ร้านขายซาลาเปา พุทธคุณในร่างจงอี้หยางจึงได้อยากทำฝันของตระกูลนี้ให้เป็นจริง เรื่องราวป่วน ๆ จึงได้เกิดขึ้น มาร่วมลุ้นเป็นกำลังใจให้กับจงอี้หยางกันนะคะ กับภารกิจในครั้งนี้ ขอให้นักอ่านที่น่ารักจงมีความสุขทุกช่วงเวลาของการอ่านนิยาย หากนิยายเรื่องนี้มีส่วนผิดพลาดประการใด พวกเราโปรเจคสหายจันทราต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ขอบคุณสำหรับทุกการสนับสนุน โปรเจคสหายจันทรา คำโปรย พุทธคุณ ไรเดอร์ส่งอาหารได้ไปเกิดใหม่ในร่างเด็กชายที่ถูกฆ่าล้างตระกูล เพื่อหนีจากการตามล่าจึงต้องแฝงตัวเป็นหลานชายตัวน้อยของเถ้าแก่ร้านขายซาลาเปา เงินก็ต้องหา ความเป็นธรรมก็ต้องทวง เฮ้อ...สีไค๋เหนื่อย ตัวอย่าง ก่อนหน้านี้วิญญาณชายหนุ่มในร่างเด็กยังมีความรู้สึกปวดหัวหรือมึนงงระหว่างวันอยู่บ้างแต่ก็ลดน้อยลงจนวันสองวันนี้ไม่มีอาการแทรกซ้อน คลับคล้ายกับว่ายึดร่างนี้สำเร็จแล้วอย่างไรอย่างนั้น พุทโธ.. ธัมโม.. สังโฆ.. เวรหนอกรรมหนอ อย่างไรก็ดีแม้สถานะกายละเอียดยังไม่มั่นคงหรือหาคำอธิบายได้แต่พุทธคุณถือคติอยู่บ้านท่านไม่นิ่งดูดาย เนื่องจากปั้นวัวปั้นควายไม่มีประโยชน์อะไรเด็กชายจึงช่วยงานทุกอย่างเท่าที่ร่างกายของคุณชายบ้านคหบดีคนหนึ่งจะทำได้

นิยายรักโรแมนติกเกิดใหม่นิยายย้อนยุคข้ามมิติจีนโบราณนิยายจีนโบราณ

บทนำ

ท่ามกลางแมกไม้ในพนาไพรสน เสียงฝีเท้าดัง ‘ซอกแซก’ เคลื่อนตัวผ่านป่าใหญ่ราวกับสายลม หญิงสาวร่างเล็กหอบหายใจเป็นควันขาว ริมฝีปากซีดเซียว มือเท้าตลอดจนเสื้อผ้าเต็มไปด้วยรอยเกี่ยวขาดและบาดแผลน้อยใหญ่

ทว่าแม้จะเหนื่อยแทบขาดใจแต่กลับไม่อาจหยุดนิ่งอยู่กับที่

อึก..

ซินซินพิงร่างกายแบบบางกับลำต้นของต้นไม้ขนาดใหญ่ เปลือกไม้หยาบและหนาชื้นฉ่ำด้วยน้ำค้างยามค่ำคืน ภายใต้สถานการณ์เสี่ยงตายมีเพียงแสงจันทร์เสี้ยวเลือนรางส่องทางมืดสลัว ขาของนางสั่นเทาแทบสิ้นไร้เรี่ยวแรง ร่างกายเจ็บไปหมดทุกส่วน สายลมที่ตีเข้ากับใบหน้าและผิวกายยามวิ่งเสียดแทงหนาวถึงกระดูก นางอยากจะทิ้งตัวลงและจบชีวิตไปเสีย

เพียงแต่เพราะมีเด็กชายตัวอุ่นในอ้อมกอดทำให้นางยังสามารถวิ่งต่อไปแม้ไม่รู้ทิศรู้ทาง

คุณชายน้อยของนางต้องปลอดภัย

สาวใช้คนสนิทของฮูหยินตระกูลจงท่องคำนี้ในใจเป็นร้อยเป็นพันครั้ง ร่างกายที่เหนื่อยล้าจนแทบไม่สามารถขยับได้ขับเคลื่อนต่อไปด้วยแรงใจ

ตระกูลจงเป็นหนึ่งในสามตระกูลคหบดีขนาดใหญ่บนแผ่นดินเทียนเซี่ย สินค้าส่วนใหญ่ที่พวกเขาค้าขายมักเป็นเครื่องเทศและเครื่องปรุงรสซึ่งมีราคาแพงและหาได้ยาก น่ายินดีที่สินค้าเหล่านั้นสามารถซื้อหาได้ด้วยเส้นสายความสัมพันธ์ทางการค้าที่ไม่ธรรมดาของนายท่านคนปัจจุบัน

บ่อยครั้งตระกูลจงจึงมักมีการตั้งกองคาราวานออกเดินทางไกล ทั้งท่องเที่ยวและทำการค้าในคราวเดียว

ออกจากเมืองหลวงแต่ละครั้งขนหีบเงินหีบทองไปเป็นจำนวนมาก กลับมาเมื่อใดก็จะมีภูเขาเครื่องเทศและสินค้าล้ำค่ากลับมาให้เป็นที่ฮือฮาแตกตื่นเสมอ

อย่างไรก็ดี พำนักอยู่เมืองหลวงได้ไม่ถึงปีกองคาราวานตระกูลจงก็ออกเดินทางต่อ

ฮูหยินยังพูดหยอกเอินสามีตนเองขำขันว่าชีพจรลงเท้า

ซึ่งนั่นเองอาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ตระกูลจงไม่มีขุมอำนาจในเมืองหลวงหรือฝักฝ่ายอำนาจเท่ากับตระกูลคหบดีใหญ่เขี้ยวลากดินตระกูลอื่น พวกเขาชะล่าใจเกินไปจนไม่ทันระวังตัว ความประมาทนั้นเองที่นำมาซึ่งเคราะห์ร้ายอันเกิดจากความโลภของมนุษย์

กองคาราวานตระกูลจงถูกโจมตีกลางป่า ชายฉกรรจ์ที่ทำทีเป็นโจรออกปล้นเหล่านั้นปกปิดร่างกายมิดชิด ตัวใหญ่หนา มีอาวุธครบมือ การจู่โจมกะทันหันที่เพิ่งเกิดขึ้นสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงราวกับว่าพวกมันศึกษามาเป็นอย่างดีว่าจุดเปราะบางของขบวนที่กำลังหยุดพักอยู่ที่ใด ไม่ทันไรตระกูลจงก็เป็นฝ่ายสูญเสียหนักจากศัตรูที่กรูเข้ามามืดฟ้ามัวดิน

การสังหารหมู่เกิดขึ้นอย่างน่าสะพรึงกลัว เลือดคนตระกูลจงเจิ่งนองผืนป่า

หากจะกล่าวว่าเป็นการฆ่าล้างตระกูลย่อมไม่ผิด

ขณะนั้นในช่วงเวลาที่คับขันที่สุดนายหญิงอุ้มคุณชายน้อยซึ่งสลบไสลไม่ได้สติเพราะถูกทำร้ายให้แก่นาง ออกคำสั่งสุดท้ายให้สาวใช้ตัวเล็กพานายน้อยหนีเอาชีวิตรอด

ภายใต้ความกดดัน เสียงกรีดร้อง เสียงตะโกนโหวกเหวก และเสียงโลหะกระทบกันดัง ‘เคล้งคล้าง’ ซินซินรู้เพียงอย่างเดียวว่าต้องวิ่งไปเรื่อย ๆ วิ่งจนกว่าข้อเท้าจะหักหรือสัญชาตญาณจะบอกว่าปลอดภัย หลังจากนั้นจะทำอย่างไรต่อค่อยว่ากัน

นี่กระมังที่เรียกว่าไปตายเอาดาบหน้า

แซ่ก.. แซ่ก..

“...” เสียงการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องท่ามกลางความเงียบสงัดของค่ำคืนและเสียงแมลงตัวเล็กตัวน้อยทำให้ประสาทสัมผัสที่เครียดขึงของนางรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่ากำลังมีกลุ่มคนมากกว่าสองมุ่งตรงเข้ามาใกล้ในระยะกระชั้นชิด

ซินซินรู้แก่ใจว่าสภาพนางในตอนนี้ต่อให้วิ่งต่อไปได้ก็ไม่อาจหนีพ้นเจ้าของฝีเท้าที่เข้าใกล้มาเรื่อย ๆ

นางต้องหลบ

และจะต้องหลบให้แนบเนียนที่สุด

สาวใช้ในเมืองสอดส่ายสายตามองหาพุ่มไม้หรือซากไม้ที่รกครึ้มสักที่ ใจนางตอนนี้ไม่หวาดกลัวแมลงมีพิษหรืองูเงี้ยวเขี้ยวขอ เพราะหากกลุ่มคนข้างหลังตามนางทันชีวิตของนางและนายน้อยก็นับว่าสิ้นแล้ว

สตรีแบบบางเคลื่อนตัวเข้าพุ่มไม้ที่คิดว่าเป็นมุมอับซึ่งแสงจันทร์ส่องไม่ถึงมากที่สุด หมอบคลานลงกับพื้น คลุกดินคลุกใบไม้แห้งอย่างไม่นึกรังเกียจ มือขาวยังคงกอดคุณชายตัวน้อยไว้แนบอก พยายามไม่ให้เจ้านายสัมผัสสิ่งสกปรกเหล่านั้นมากเท่าที่จะมากได้

พ่นไอควันสีขาวออกจากริมฝีปากสั่นระริก หอบหายใจสองสามครั้งก่อนจะพยายามทำให้เสียงลมหายใจของตนเองเบาที่สุด

แซ่ก.. แซ่ก..

เป็นไปตามที่นางคาด หลังจากซ่อนตัวได้เพียงไม่กี่อึดใจร่างของชายที่ปกปิดใบหน้าจำนวนมากก็ปรากฎตัวขึ้นมา เพราะความมืดของคืนจันทร์แรมทำให้พวกมันไม่สามารถแกะรอยจากรอยเท้าของนางบนพื้นดินทำได้แต่ตามร่องรอยของกิ่งไม้หักและแนวหญ้าที่แหวกเป็นทาง จุดที่พวกมันมาถึงทางตันตรงที่นางหายตัวไปจึงอยู่ใกล้ชนิดที่เรียกว่าหายใจรดต้นคอ

“ร่องรอยของสาวใช้หายไปแล้วขอรับ” นักสะกดรอยที่วิ่งนำมาก่อนเอ่ยเสียงเรียบ

“ค้นให้ทั่ว มันคงซ่อนอยู่แถว ๆ นี้”

“ขอรับ”

บุรุษในชุดดำขานรับคำสั่งของชายร่างสูงโปร่งอย่างพร้อมเพรียง ในกลุ่มของคนตัวใหญ่ราวกับยักษ์คนผู้นั้นแม้จะไม่ได้มีมวลกล้ามเนื้อเท่าคนอื่น แต่กลับมีบรรยากาศน่าหวาดผวาชวนให้ขนลุกขนชัน

ซินซินพยายามหายใจให้เบาลงอีกเมื่อชายคนนั้นกำลังยืนหันหลังให้พุ่มไม้ที่นางใช้หลบซ่อน

ชี่..

“ฮ-” สาวใช้บ้านคหบดีตระกูลจงยกมือขึ้นปิดปากที่เกือบจะส่งเสียงออกไปของตนเองอย่างตื่นตระหนก ตรงหน้านางนอกจากโจรป่าเลือดเย็นที่นางมองเห็นเพียงข้อมือขาว ๆ และรอยสักงูรูปร่างแปลกประหลาดแล้ว บนพื้นดินที่ใกล้กว่านั้นกลับมีอสรพิษจริง ๆ ขยับชูคออย่างอ้อยอิ่งอยู่ด้วย

สัตว์เลื้อยคลานกับสตรีไม่ใช่สิ่งที่ควรอยู่ร่วมกัน นักฆ่าก็ด้วย

ซินซินคิดว่าตัวเองจะกำลังจะถูกทำให้กลัวจนตาย

ดวงตาสีดำขลับกลมโตจดจ้องอยู่ที่อันตรายเบื้องหน้า ต่อให้จะอยากกรีดร้องหรือวิ่งหนีแต่สถานการณ์บังคับทำให้นางทำได้เพียงนิ่งเป็นรูปสลักหิน

น่าเสียดายที่เนื้อนางไม่ได้แข็งทนทานอย่างศิลา ไม่เช่นนั้นคงวางใจได้บ้างว่าเขี้ยวคมของงูจะขบไม่ลง

แซ่ก.. แซ่ก..

“ทางนี้!!!”

นับว่าสวรรค์ยังมีความเมตตาต่อลูกนกลูกกา เสียงของบุรุษฉกรรจ์ดังขึ้นอีกฟากหนึ่งของป่าแม้จะทำให้ซินซินสะดุ้งตัวโยนแต่นักฆ่าเหล่านั้นไม่ได้สังเกตเห็นพุ่มไม้ที่ไหวน้อย ๆ ตอนที่สับเท้าพุ่งออกไปอีกทาง เช่นเดียวกับอสรพิษตัวยาวที่หันเหไปให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น

“...” นางรอดแล้วใช่หรือไม่

หญิงสาวไม่กล้าตัดสินใจว่าความคิดของตนเองถูกต้องอย่างบุ่มบ่าม ซินซินพรางตัวนิ่งในพุ่มไม้อยู่พักใหญ่ ร่างกายของนางแข็งเกร็งพร้อมตอบสนองต่อสิ่งเร้าได้ทุกเมื่อ

โชคดีที่จนแล้วจนรอดกลุ่มบุรุษชุดดำเหล่านั้นไม่ได้ย้อนกลับมา ส่วนนางก็กำลังจากไป

อย่างน้อยก็พักในพุ่มไม้นี้ไม่ได้

สตรีตัวผอมพยุงตัวเองขึ้นจากพื้นอย่างระมัดระวัง โอบกอดนายน้อยอย่างทะนุถนอม สาวใช้ตระกูลจงสาวเท้ากึ่งเดินกึ่งวิ่งต่อไปในทิศทางตรงกันข้ามกับเสียงที่เหล่าชายฉกรรจ์ได้ยิน เคราะห์ดีที่ปลายทางที่เดินไปพบกับศาลเจ้าเก่า

ซินซินมองหามุมอับสายตา ทิ้งตัวลงอย่างเหนื่อยอ่อน

นางจะพักที่นี่ก่อนสักครู่

ศาลเจ้านี้แม้จะเก่าและมีฝุ่นเล็กน้อย แต่สภาพโดยรวมไม่ได้ผุพัง เครื่องเซ่นไหว้ยังไม่เน่าเหม็นทั้งยังดูเหมือนเพิ่งสักการะแด่เจ้าแม่ได้ไม่ถึงวัน คาดว่าน่าจะมีคนเข้ามาทำความสะอาดเป็นครั้งคราว

นางตั้งใจจะจากไปก่อนคนที่ว่าจะมาพบในตอนเช้า

“นายน้อย นายน้อยไม่ต้องกังวลนะเจ้าคะ”

หญิงสาวพึมพำเสียงเบาหวิว กกกอดให้คุณชายน้อยสกุลจงได้รับไออุ่นในค่ำคืนที่โชคชะตาเยือกเย็นเสียดกระดูกมากที่สุด เปลือกตาสีขาวมุกค่อย ๆ ปิดลงเนิบช้า ร่างกายตื่นตัวอยู่ตลอดแม้จะหลับก็หลับไม่สนิท

น่าเสียดายที่ความพยายามของนางกลับสูญเปล่า

เสียงลมหายใจของเด็กชายตัวอวบค่อย ๆ แผ่วเบาลงทีละน้อย จงอี้หยาง ทายาทเพียงหนึ่งเดียวของตระกูลจงสิ้นใจเพราะสิ่งที่ต้องเผชิญในอ้อมกอดของสาวใช้คนสนิทของมารดาในคืนนั้น