บท
ตั้งค่า

บทนำ [2/1]

“เอาคนมานอนด้วยมันไม่เกี่ยวกับนอนตื่นสายเว้ย เมาต่างหาก”

“ทั้งเมาทั้งมั่วเลยนะมึง”

“จะด่ากูอีกนานมั้ย กูจะขึ้นไปหาอาจารย์เนี่ย!” ผมเริ่มโวยวาย ยีนส์ก็เลยหยุดทำท่าจะเทศน์ผม พยักหน้าเป็นสัญญาณให้กั้งกดลิฟต์

จากชั้นหนึ่งถึงชั้นเจ็ดที่เป็นห้องพักอาจารย์ ช่วงระยะเวลาสั้นๆ ทำให้ผมอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก ที่อึดอัดก็เพราะกลัวว่าจะไม่เหลือที่ฝึกให้ผมเลือก แล้วผมจะไม่ได้จบพร้อมพวกเพื่อนนี่แหละ

พอประตูลิฟต์เปิด ผมก็วิ่งสี่คูณร้อยไปยังห้องของอาจารย์ผู้รับผิดชอบการฝึกปฏิบัติทันที อาจารย์สาวใหญ่ซึ่งกำลังจะเก็บข้าวของออกจากห้อง เตรียมกลับบ้านถึงกับชะงักเมื่อผมเปิดประตูผางเข้ามาโดยไม่ได้ขออนุญาต

“อะ...อาจารย์ครับ” หายใจหอบด้วยความเหนื่อยด้วย

อาจารย์หรี่ตามองผมใต้กรอบแว่นสายตาหนาๆ ก่อนจะสวนกลับมา

“ครูกำลังรอคุณอยู่พอดี เห็นเมื่อเช้าไม่ได้มา อย่าบอกนะว่าคุณเข้าใจว่าครูนัดห้าโมงเย็น ไม่ใช่ห้าโมงเช้า?”

ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆ ไม่กล้าบอกความจริง ก็ใครมันจะไปบอกล่ะ ให้บอกว่า ‘อ๋อ ที่ผมไม่มาเพราะเมาแล้วกลั้วอยู่กับผู้ชายอยู่น่ะครับ’ อย่างนี้น่ะเหรอ... เหอ บ้าไปแล้ว มีหวังได้ถูกเทศน์ตาย

“ผมไม่ค่อยสบายน่ะครับ” ผมก็เลยเลือกที่จะโกหกแทน

แต่อาจารย์ก็ดูรู้แหละว่าผมโกหก ก็ท่าทางผมไม่ได้ดูป่วยอะไรเลยนี่ มีแต่อาการเมาค้างเท่านั้น แถมกลิ่นเหล้าก็ยังคละคลุ้งอยู่บนตัวอยู่เลย ไม่ใช่แค่กลิ่นเหล้าด้วย กลิ่นบุหรี่ก็มี เรียกได้ว่าไอ้ที่ไปลุยมาเมื่อวานยังคั่งค้างอยู่บนตัวผมอย่างครบครัน

“ไม่สบายหนักสินะ กลิ่นละมุดหึ่งเชียว” อาจารย์ทักมาอีกให้ผมได้ยิ้มแห้งๆ ก่อนที่หล่อนจะทรุดนั่งบนเก้าอี้อีกครั้ง หยิบเอกสารบางอย่างออกจากกระเป๋า แล้วเรียกผมไปนั่งยังเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม “คุณมาช้า เลยไม่มีที่ฝึกงานให้คุณได้เลือกมากนัก เสียใจด้วยนะที่คุณไม่ได้ไปฝึกกับเพื่อน”

พูดจบก็เหลือบไปมองยีนส์กับกั้งที่เพิ่งเดินมาหยุดหน้าห้อง พวกนั้นยกมือไหว้อาจารย์เล็กน้อย ให้อาจารย์พยักหน้าแล้วพูดต่อ

“เพื่อนๆ คุณไปฝึกที่โรงเรียนเอกชนสหศึกษาที่กำแพงเพชร ครูรู้ว่าคุณอยากไปฝึกกับเพื่อน แต่ที่นั่นเค้ารับนักศึกษาไปฝึกงานแค่สองคน ก็เลยเลือกที่ใกล้ๆ ให้”

อาจารย์พูดประหนึ่งอ่านใจผมออก จริงๆ ไม่ได้อ่านใจออกหรอก แค่อาจารย์สนิทกับพวกผมมากเพราะเคยเรียนด้วยกันมาหลายปี หลายวิชาเลยรู้ว่าพวกเราสามคนสนิทกันดี

“ไม่เป็นไรครับ เอาที่ใกล้ๆ กันก็ได้ ผมโอเค” ผมตอบไปแบบนี้ ฝึกใกล้กันก็ยังดีกว่าไปกันคนละโยชย์ อย่างน้อยถ้ามีปัญหาอะไรก็จะได้บึ่งไปหากันได้

ทว่าอาจารย์ก็ทำให้ผมต้องใจหายวาบเมื่อขยับริมฝีปากขึ้น

“ใกล้ แต่คนละจังหวัดนะ จังหวัดใกล้ๆ กัน เพื่อนคุณไปฝึกที่กำแพงเพชร คุณไปฝึกที่พิษณุโลก”

แบบนั้นไปเรียกว่าใกล้แล้ว’จารย์! คนละจังหวัดแบบนี้ไม่ใกล้แล้ว! ห่างกันหลายสิบกิโลฯ เลยเถอะ!

แต่ไม่เป็นไร มีรถ ยังไงก็ขับไปหากันได้ ผมเลยพอสงบสติอารมณ์ได้ ถามกลับคืนไปแทน

“แล้วผมได้ไปฝึกที่ไหนเหรอครับ”

“ในพิษณุโลกมีที่ทางคณะไปติดต่อได้แค่ที่เดียว เป็นโรงเรียนเหมือนกันน่ะ ดังนั้นคุณกับเพื่อนก็จะไปฝึกงานในฐานะอาจารย์ฝึกสอนทุกคน”

เป็นอาจารย์ฝึกสอนก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่นัก ผมพอจะมีประสบการณ์การสอนพิเศษเด็กตามบ้าน ตามสถาบันกวดวิชามาบ้าง เลยพอจะโอเคกับตำแหน่งที่ได้รับ มันก็ดีกว่าการไปเป็นเด็กฝึกงานที่มีหน้าที่ถ่ายเอกสารอย่างเดียวแล้วกันล่ะวะถึงผมจะไม่ค่อยชอบสอนหนังสือก็เถอะ บอกตรงๆ เลยคือเกลียดเด็ก ไม่ว่าจะเป็นเด็กเล็กๆ หรือเด็ก ม.ปลาย ผมเกลียดทั้งนั้นแหละ เด็กเล็กก็งอแงน่ารำคาญ เด็กมัธยมก็ปีนเกลียว บางทีก็กวนตีน ผมเลยเกลียดหมด เกลียดแบบเหมารวม

“งั้นโรงเรียนที่ว่านี่ เป็นโรงเรียนเอกชนสหศึกษาเหมือนกันใช่มั้ยครับ” ผมถามไปอย่างนี้ก็เพราะเพื่อนทั้งคู่ของผมได้ไปโรงเรียนประเภทนั้น

หากแต่อาจารย์กลับส่ายหน้าพรืด

“เปล่า”

“เอ้า” ผมร้องออกมาทันใด สีหน้าสงสัยสุดๆ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นตะลึงงันเมื่ออาจารย์พูดออกมา

“โรงเรียนเด็กช่าง... วิทยาลัยเทคนิคบุญอนันต์”

“โหย ‘จารย์ ไม่เอาอะ โรงเรียนช่าง ผมไม่เอา” ผมครวญครางออกมาทันที

ที่ครวญครางเป็นเพราะพอจะเดาได้ว่าการฝึกงานมันจะต้องสาหัสสากรรจ์แน่ๆ รับมือเด็ก ม.ปลายยังง่ายกว่าเด็กช่างหลายขุม ถึงพวกมันจะกวนตีนแต่ก็อยู่ในระดับที่ผมปรามได้ แต่พวกเด็กช่างนี่คืออิมเมจไม่ดีอะ คิดภาพออกลางๆ เลยว่ามันจะต้องตีกันทุกวันแน่ๆ เมื่อไม่นานนี้ก็เพิ่งมีข่าวเด็กช่างโรงเรียนหนึ่งต่อยครูฝ่ายปกครองเข้าโรง’บาลไปด้วย ขืนผมไปฝึกงานที่นั่นแล้วพวกมันกวนตีนขึ้นมา แล้วพอผมไปปรามเข้า ผมโดนพวกมันกระทืบขึ้นมา ใครจะรับผิดชอบ!

ทว่าอาจารย์กลับจ้องหน้าผมเขม็ง แล็วก็ยื่นใบสถานที่ฝึกงานมาตรงหน้า

“งั้นคุณก็เลือกเอาแล้วกันว่าถ้าไม่ไปที่นี่จะไปที่ไหน ที่เหลือก็เป็นพวกโรงเรียนบนดอยน่ะ”

ดอยจริงๆ ดอยมาก ชื่อโรงเรียนบ้านป่านกแลงี้ โรงเรียนห้วยอะไรสักอย่างอีก ดูท่าจะหนักกว่าวิทยาลัยเทคนิคบ้าบอคอแตกนั่นอีกด้วยซ้ำ

“ที่อื่นไม่มีอีกแล้วเหรอครับ”

“มี แต่คุณเพิ่งมา คนอื่นก็เลือกไปหมดแล้วน่ะสิ ตัดสินใจเอาว่าจะไปแค่ภาคเหนือตอนล่าง หรือจะไปบนดอย”

ตัดสินใจไม่ได้หรอกเว้ย! จะให้คนที่โตมากับแสงสีเมืองกรุงอย่างผมไปตักน้ำบาดาลอาบ หรือหาบน้ำมาเติมโอ่งแบบนั้น ผมก็ไม่เอาหรอก จะว่าสำอางก็เอาเถอะ แต่ตั้งแต่เล็กยันโต ผมมีแม่บ้านทำให้ทุกอย่างนี่หว่า จะไปลำบากทำมะเขือเผาอะไร แต่จะให้ไปที่โรงเรียนช่างนั่นก็ไม่เอาเหมือนกัน!

เห็นหน้าผมที่ทำเหมือนจะร้องไห้แล้ว อาจารย์ก็หัวเราะในลำคอออกมาเล็กน้อย ดึงใบเลือกที่ฝึกงานกลับไปแล้วก็ปลอบโยน

“ไม่ต้องห่วงหรอกคุณแสงเหนือ ถึงจะเป็นโรงเรียนช่าง แต่ก็เป็นเอกชน เด็กที่เข้ามาเรียนส่วนมากก็พวกบ้านมีเงินทั้งนั้นแหละ คงจะไม่เกเรให้คุณหนักใจเท่าไหร่ จะมีแต่คุณนั่นแหละที่น่ากลัวว่าจะเกเรกว่าเด็กนักเรียน” ตามมาด้วยเหน็บผมอีกต่างหาก

ผมก็ไม่ถือสาอะไรหรอกเพราะรู้ดีว่าผมเป็นนักศึกษาประเภทไม่ค่อยเข้าเรียนเท่าไหร่ เทอมนึงจะโผล่มาให้อาจารย์เห็นหน้าสักที ถ้าวิชาไหนไม่เช็กชื่อล่ะก็ ผมแทบจะไม่เข้าเรียนด้วยซ้ำ ไปผับบ่อยกว่าเข้าเรียนอีกต่างหาก แต่ถึงจะไม่เข้าเรียน ก็ต้องขอบอกก่อนเลยนะว่าผมกวาดเอมาเกือบทุกวิชา เห็นอย่างนี้ผมก็ไม่โง่นะครับ

ส่วนที่อาจารย์พูดเมื่อครู่ก็พอทำให้ผมคลายกังวลขึ้นมาได้บ้าง ทว่าก็ยังไม่พูดอะไร จนอาจารย์เป็นฝายถามอีกครั้ง

“ว่าไงคุณ ตกลงจะไปฝึกที่นี่มั้ย ถ้าไม่เอาที่นี่ก็ไปขึ้นดอยนะ”

ผมหันหน้าไปมองยีนส์กับกั้ง สองคนนั้นพยักหน้าเออออเป็นเชิงให้ผมตอบรับ ผมเลยพ่นลมหายใจออกมา ก่อนจะตอบรับอย่างจำนน

“ก็ได้ครับ ผมไปฝึกที่นี่แหละ”

“ดี งั้นคุณก็เตรียมตัวหาที่พักได้เลยนะ เดี๋ยวครูจะติดต่อไปทางนั้นให้ว่าจะส่งคุณไป ใกล้ๆ เปิดเทอมสอง คุณก็ไปที่นั่นเลย ไปล่วงหน้าก่อนหลายๆ วันก็ดี เดี๋ยวคุณจะเมาจนลืมวันลืมเวลาอีก” จบท้ายด้วยการแดกดันอีกจนได้ เรียกเสียงหัวเราะของยีนส์และกั้งได้เป็นอย่างดี ส่วนผมก็โอดครวญไปตามเรื่อง

“โธ่ อาจารย์ครับ ผมไม่ได้เมาทุกวันซะหน่อย”

“แต่ก็เกือบทุกวันใช่มั้ยครับ ครูรู้นะว่าเธอไปร้านเหล้าบ่อยกว่าเข้าเรียนอีก”

พูดมาอย่างนี้ ผมก็เถียงไม่ออกเลย ก่อนอาจารย์จะยุติบทสนทนาด้วยการเก็บเอกสารลงกระเป๋า แล้วเชิญพวกผมออกจากห้อง

“เสร็จเรื่องแล้วก็กลับไปพักผ่อนเถอะ ครูต้องไปจัดการเตรียมเอกสารประวัติของพวกเธออีก เดี๋ยวจะไม่ทันการ”

พูดจบ พวกผมก็ออกจากห้องพักอาจารย์ทันที ระหว่างลงลิฟต์ ผมก็ทำหน้าซังกะตายตลอด ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะไม่ได้ไปฝึกกับพวกมัน แต่เป็นเพราะต้องไปโรงเรียนเด็กช่างที่ผมคิดไปไกลแล้วว่าต้องไม่ต่างจากขุมนรกแน่ ยีนส์ก็เลยยื่นมือมาแตะบ่าผมทันทีที่พวกเราก้าวเดินออกจากลิฟต์

“ไม่เป็นไรหรอกเว้ย แค่ฝึกคนละจังหวัดเอง กำแพงเพชรกับพิษณุโลกมันก็ไม่ได้ไกลกันมาก ขับรถชั่วโมงสองชั่วโมงก็ถึง”

กั้งพยักหน้าเห็นด้วยทันควัน ผมมองหน้าพวกมันแล้วพ่นลมหายใจพรืด

“ไม่ได้ซีเรียสเรื่องไม่ได้ฝึกงานกับพวกมึง แต่ซีเรียสตรงที่กูต้องไปรับมือกับเด็กช่างนี่แหละ พวกมันจะพกอีโต้มาเรียนกันหรือเปล่าวะ” พูดอย่างนั้นเพราะเคยเห็นข่าวออกบ่อยๆ ว่าพวกนักเรียนช่างพกอาวุธไปโรงเรียนไว้ป้องกันตัวเอง เลยคิดว่าโรงเรียนช่างที่อื่นก็คงไม่ต่างกัน

“มันจะเอามาหั่นหมูขายหรือไง มึงก็กังวลไม่เข้าเรื่อง” ยีนส์เริ่มย่นคิ้วละ ก่อนจะหยักยิ้มกวนประสาทออกมา “พวกมันต้องพกมีดสปาร์ตาเว้ย ไม่ใช่อีโต้ แบบฟันโชะเดียว เจี๊ยวมึงหายไรงี้”

“มึงนี่เป็นผู้หญิงแน่หรือเปล่าวะ พูดจงพูดเจี๊ยวกับผู้ชายคนอื่นได้หน้าตาเฉย แฟนมึงก็ยืนอยู่นี่เนี่ย” ผมบุ้ยปากไปทางกั้งที่ยังทำหน้านิ่งไม่แยแสกับคำพูดของแฟนตัวเองเล็กน้อย

“อย่างมึงน่ะไม่เรียกว่าผู้ชายหรอก” ยีนส์หัวเราะอย่างไม่สะทกสะท้าน

ผมเห็นก็ไม่อยากจะคุยกับพวกมันละ ยกมือขึ้นยีผมอย่างหัวเสีย ปากก็พึมพำไปด้วย

“กูว่ากูกลับไปนอนดีกว่า อยู่คุยกับพวกมึงแล้วประสาทจะกิน ไปละ” พูดจบก็หมุนตัวไปเลย ไม่รอล่ำลาด้วย

ยีนส์ก็ไม่ห้ามเพราะรู้ว่าผมเป็นพวกไม่ค่อยสนใจใครเท่าไหร่ แม้แต่เพื่อนสนิทเอง ผมก็ไม่สนใจด้วยนะบางที

หากแต่พอผมเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ฝ่ามือหนักๆ ก็แตะลงมาที่บ่าผม พอหันไปก็เห็นว่าเป็นกั้งที่เรียก

“อะไร” ผมชักสีหน้าใส่ด้วยรำคาญ ทว่าอีกฝ่ายทำหน้านิ่งใส่

“ก่อนไปที่นั่น เตรียมสนับมือไปด้วยก็ดี หรืออาวุธอะไรที่ใช้ป้องกันตัวเองได้ไปสักอย่าง”

ฟังแล้วผมก็ย่นคิ้วหนักเลย

“เอาไปทำไมวะ”

“กูได้ยินมาว่าเด็กโรงเรียนนั่นก็ร้ายไม่เบา ก่อนหน้าที่จะเลือกที่ฝึกงาน กูไปหาข้อมูลที่ฝึกทุกที่มาแล้ว ล่าสุดเห็นว่ามีข่าวท้องถิ่นของจังหวัดลงว่าเด็กโรงเรียนนั้นตีกับเด็กโรงเรียนช่างอื่นจนถึงตาย หาอาวุธติดตัวไปหน่อย อย่าไปฟังที่อาจารย์พูดมาก แกไม่ได้ลงพื้นที่กับเรา” กั้งพูดมาหน้าตาเฉย ให้ผมได้อ้าปากค้าง ก่อนมันจะเดินกลับไปหายีนส์ที่ร้องเรียกให้มันกลับหอ

มะ...มึงจะมาขู่ให้กูกังวลกว่าเดิมทำไมเนี่ย!

แล้วพวกมันก็เป็นฝ่ายทิ้งผมยืนอยู่ตรงนั้นแทน ส่วนผม ตอนนี้กังวลหนักละ แล้วคิดสภาพนะ คนที่เกลียดเด็กทุกช่วงอายุอย่างผมจะต้องไปเป็นอาจารย์ฝึกสอน แถมต้องไปเจอเด็กช่างที่มีแววว่าต้องกวนตีนแน่ๆ อีก โอย... รับรองเลยว่าเละ

ผมเนี่ยแหละเละ!

ถ้าไม่เมาเละเทะนะ มึงคงไม่ซวยได้ที่ฝึกงานเวรๆ แบบนี้หรอกไอ้เหนือ! เวรกรรมจริงๆ!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel