บทที่8 โอกาสทางธุรกิจ
ดอกเก๊กฮวย? ที่แท้ดอกเบญจมาศป่าของที่นี่เรียกว่าดอกเก๊กฮวยนี่เอง? ไม่ว่าจะเรียกว่าอะไร ลู่ม่านก็รู้สึกว่าตัวเองเหมือนจะหาเงินก้อนแรกได้แล้ว
คิดได้เช่นนี้ นางก็รีบพูดว่า “ที่นี่เอาดอกเบญจมาศ……อืม ดอกเก๊กฮวยมาทำเป็นยาไหม?”
“ยาเหรอ?” เฉินจื่ออานมองแล้วก็พูดว่า “เหมือนจะเคยเห็นในร้านยาหุยซุนในตำบลมาก่อนนะ แต่มีเพียงหมอที่ทำได้……”
“ไม่เป็นไร! ข้าทำเป็น!” ลู่ม่านพูดจบก็ลงมือเด็ดทันที ในเมื่อมีคนซื้อ งั้นนางก็จะเด็ดออกไปขาย
ลู่ม่านดีใจอย่างมาก แล้วโบกมือกับเฉินจื่ออาน “เจ้าไปทำงานเจ้าเถอะ เดี๋ยวเสร็จแล้วข้าตามไป”
มองดูดอกเก๊กฮวยที่ขึ้นเต็มไปหมด วันนี้คงจะเด็ดไม่หมดแน่
เฉินจื่ออานมองดูรอบๆ ตำแหน่งนี้ไม่ใช่ป่าลึก ดังนั้นคงจะไม่อันตรายเท่าไหร่ ก็เลยกลับหลังหันเดินออกไป
ลู่ม่านกลัวว่าจะทำดอกไม้เสีย ดังนั้นจึงเด็ดไม่เร็วมาก รอเฉินจื่ออานกลับมา นางก็เก็บได้แค่ตะกร้าเล็กๆ
“ลู่ม่าน ข้าช่วยเจ้าเด็ดนะ!” เขาเอาสัตว์ที่ตัวเองล่ามาวางไว้บนพื้นแล้วพูดขึ้น
ลู่ม่านหันกลับไปมอง เห็นเขาถือสัตว์ป่ามาเป็นพวง มีไก่ป่าสามตัวและกระต่ายป่าอีกสองตัว เห็นนางหันกลับมามอง เฉินจื่ออานก็อธิบายว่า “วันนี้ไม่ได้เข้าไปในป่าลึก เลยล่าได้แค่นี้น่ะ……”
“ไม่เป็นไร!” ลู่ม่านรู้ว่าเขาเป็นห่วงตัวเอง ดังนั้นเลยไม่กล้าเข้าไปลึกมาก
เห็นว่าถึงตอนเที่ยงแล้ว ลู่ม่านก็หยุดเด็ดแล้วพูดว่า “จื่ออาน เจ้าหิวหรือยัง? พวกเรากินข้าวเที่ยงกันก่อนไหม?”
เฉินจื่ออานพยักหน้า ทั้งสองหาที่ว่างใกล้กับดอกเบญจมาศแล้วนั่งลง จากนั้นก็เอาอาหารแห้งออกมาจากกระเป๋า
อาหารแห้งดูเหมือนจะไม่ใช่เฉินหลี่ซื่อเตรียมไว้ให้ แต่เป็นจ้าวซื่อเตรียมให้ แค่เห็นก็ไม่มีอารมณ์จะกินแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ปล่อยไว้นานขนาดนี้ ทำให้มันแข็งจนฟันแทบหัก
ลู่ม่านปฏิเสธอาหารแห้งของเฉินจื่ออานเสียงแข็ง นางลุกขึ้นยืน
“เสี่ยวม่าน เจ้าจะไปไหน?”
ลู่ม่านจ้องไปยังไก่ป่า “เจ้าเอาพับไฟมาไหม?”
ถึงแม้เฉินจื่ออานจะไม่รู้ว่านางจะทำอะไร แต่ก็รีบควักออกมายื่นให้นาง ในป่าพบเจอสัตว์อันตรายได้ง่าย ดังนั้นพวกเราจึงต้องพกพับไฟไว้เสมอ
ลู่ม่านยิ้มอย่างลึกลับ “ก็ต้องทำของอร่อยอยู่แล้ว”
รอยยิ้มของนางหวานมาก ทำเอาเฉินจื่ออานมองจนหัวใจละลาย เอาแต่ยิ้มอยู่อย่างนั้น “เสี่ยวม่าน เจ้าสวยจังเลย”
เสี่ยวม่านกลอกตามองบน “ต่อไปเจ้าจะได้ดูไปทั้งชีวิตเลย ตอนนี้ ช่วยข้าจัดการเนื้อไก่นั่นก่อน”
คำพูดนี้ เฉินจื่ออานชอบใจมาก เขาพกมีดไว้อยู่แล้ว และเอาไก่ออกมาหนึ่งตัว ฆ่าแล้วจัดการเครื่องในจนสะอาด
ลู่ม่านใช้เวลานี้ตามหาฟืนแห้งๆรอบๆ เรื่องจุดไฟนางถนัดดี ตอนเด็กตอนที่อยู่ในบ้านเด็กกำพร้า นางมักจะชอบแอบทำของกินกับเพื่อนๆ
เฉินจื่ออานเห็นนางตั้งใจขนาดนั้น ก็อดไม่ได้สงสัยขึ้นมา “เจ้าจุดไฟเป็นด้วยเหรอ?”
ลู่ม่านอึ้ง “เมื่อก่อนข้าทำไม่เป็นเหรอ?”
“อืม……” เฉินจื่ออานพยักหน้า “ครั้งแรก เจ้าเกือบทำห้องครัวไฟไหม้เลย ต่อมาทุกครั้งที่จะทำกับข้าวก็ให้แม่จุดไฟให้ตลอด”
ลู่ม่านเหนื่อยใจ “ข้า……ข้าแอบเรียนมาน่ะ”
ยังดีที่เฉินจื่ออานไม่ได้พูดอะไร ลู่ม่านเลยโล่งอก ดูท่าแล้วต่อไปคงต้องระวังมากกว่านี้ ไม่งั้นเขาคงได้สงสัยแน่
เฉินจื่ออานเอาไก่ที่ฆ่าเสร็จแล้วมา จากนั้นก็โยนเข้าไปในกองไฟ ลู่ม่านรีบดึงเขาไว้ “เจ้าจะทำอะไรน่ะ?”
“ย่างไก่ไง!” ปกติตอนที่พวกเขาล่าสัตว์ได้ ก็มักจะทำแบบนี้เสมอ
เพราะไม่มีน้ำร้อนให้ถอนขนไก่ได้ ดังนั้นเลยโยนเข้าไปในกองไฟตลอด แต่เนื้อไก่ที่ย่างออกมาแบบนี้ จะมีเนื้อที่ไหม้และแก่มาก
ทันใดนั้นลู่ม่านก็นึกอะไรขึ้นมาได้ นางยิ้มอ่อนๆแล้วพูดว่า “ข้ามีวิธีที่ดีกว่านี้”
