บทที่10 ตบหัวแล้วลูบหลัง
เฉินจื่ออานเอาสัตว์ที่ล่ามาวางไว้ที่พื้น รีบพูดอธิบายว่า “ข้าพาเสี่ยวม่านเข้าป่าเอง นางไม่รู้……”
“นางไม่รู้? เมื่อวานถึงตานางทำอาหาร นางก็แกล้งป่วยไม่ยอมทำ!” เฉินหลี่ซื่ออดไม่ได้เดินออกมา ร่างกายโกรธจนสั่นเทาไปหมด
“ท่านแม่พูดถูก!” จ้าวซื่อเป็นคนที่ชอบซ้ำเติมอยู่แล้ว ขอแค่สะใภ้อีกสองคนถูกด่า นางก็จะได้เปรียบ ตอนนี้ นางจึงเข้ามาซ้ำเติม
“ทุกคนออกไปทำงานกันหมด มีแค่นางที่ไม่ไป ไม่ทำกับข้าวอีก หรือเจ้าจะให้ท่านแม่ที่อายุมากแล้ว ไปทำอาหารในครัวอีก?”
คำพูดนี้ เหมือนพูดกระแทกใจเฉินหลี่ซื่อมาก นางร้องปล่อยโฮร้องไห้ออกมาทันที เฉินหลิ่วเอ๋อที่อยู่ในห้องได้ยินแล้วก็รีบเดินออกมา มองค้อนแล้วพูดตะคอกใส่ลู่ม่าน
“ลู่ม่าน เจ้าอีกแล้วเหรอ เจ้าอยากให้แม่โกรธจนป่วยหรือไง?”
เฉินหลิ่วเอ๋อเป็นคนที่โดดเด่นมากที่สุดในหมู่บ้านนี้ หนึ่งคือหน้าตาของนางเหมือนกับตาแก่เฉิน หน้าตาดีมากจริงๆ อีกอย่างคือนางไม่ทำงานในไร่ในนาเลย จึงทำให้นางดูขาวใสกว่าคนอื่น
แต่ว่า ตั้งแต่ลู่ม่านมาที่นี่ นางก็เห็นว่าตัวเองถูกเทียบลงไป โดยเฉพาะ เมื่อก่อนลู่ม่านมักจะไม่สนใจพวกนาง นางจึงไม่พอใจมากขึ้นกว่าเดิม
ลู่ม่านงุนงงไปหมด ยังไม่ทันได้พูด เฉินจื่ออานก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “น้องเล็ก ทำไมเจ้าถึงไร้มารยาทเช่นนี้ เรียกชื่อจริงของพี่สะใภ้เจ้าได้อย่างไร?”
เฉินหลิ่วเอ๋อเห็นพี่สามด่านางเพื่อลู่ม่าน ก็อึ้งไปชั่วขณะ “ข้าเรียกชื่อนางแล้วยังไง? ไหนว่านางจะหย่าไง? ให้นางไสหัวออกไปสิ!”
เสียง ‘เพี๊ยะ’ ดังขึ้น!
เฉินจื่ออานตบนางไปหนึ่งฉาด ทำเอาเฉินหลี่ซื่อตกใจจนหยุดร้องไห้ไปเลย
แต่ว่า เฉินจื่ออานรักและเอ็นดูน้องสาวคนนี้มาตั้งแต่เด็กจนโต หลังจากที่ตบเสร็จแล้ว เขาก็ถึงรู้สึกว่าตัวเองใจร้อนเกินไป แต่ก็ยังกัดฟันพูดขึ้นอีกครั้ง
“ข้ากับเสี่ยวม่านจะไม่หย่ากันแล้ว ต่อไปนางจะเป็นพี่สะใภ้สามของเจ้า อย่าให้ข้าเห็นว่าเจ้าพูดเช่นนี้กับนางอีก!”
เฉินหลิ่วเอ๋อมองเฉินจื่ออานอย่างตกตะลึง สักพักก็ร้องไห้เสียงดัง วิ่งเข้าห้องไป
เฉินหลี่ซื่อก็ถึงได้สติแล้วกระชากเฉินจื่ออานมาทุบตี “เจ้ามันคนไร้น้ำใจ เจ้าตีน้องสาวตัวเองก็เพื่อผู้หญิงที่เก็บมาและไม่รู้ว่ามาจากไหนได้ยังไง เจ้ามันบ้าไปแล้ว!”
เฉินหลี่ซื่ออาละวาด ทุบตีอย่างรุนแรง แต่นี่เป็นแม่ของเฉินจื่ออาน เขาจะโต้ตอบก็ไม่ได้
ลู่ม่านเห็นแล้วก็ปวดใจมาก ยิ่งไปกว่านั้น เฉินจื่ออานถูกตีเพราะนางอีก นางกัดฟัน เดินเข้าไปขวางหน้าเฉินหลี่ซื่อไว้ เพื่อความปลอดภัย นางไม่ได้ใช้แรงมาก
“ทุกวันนี้จื่ออานทำงานหนักเพื่อบ้านหลังนี้ ถ้าท่านแม่ไม่อยากเห็นข้า งั้นเราก็แยกบ้านกัน”
คำว่าแยกบ้านออกมา เป็นเหมือนระเบิดที่โยนเข้ามาแรงๆ และตาแก่เฉินก็เดินเข้ามาพอดี
ได้ยินคำนี้ แล้วเห็นภาพตรงหน้าอีก
เฉินหลี่ซื่อก็นั่งลงพื้นและโวยวาย เฉินจื่ออานถูกกระชากจนเสื้อผ้ายับเยินไปหมด จะไม่เข้าใจอะไรอีก
เขาก็ตะคอกออกมาเสียงดังว่า “ยัยแก่ เจ้าก่อเรื่องอะไรอีกแล้ว?”
เฉินหลี่ซื่อยังมีความเกรงกลัวตาแก่เฉินอยู่บ้าง นางก็เงียบไปทันที ตาแก่เฉินก็ถึงเดินมาแล้วสังเกตดูเฉินจื่ออานตั้งแต่หัวจรดเท้า “จื่ออาน แม่เจ้าก็นิสัยนี้ เจ้าอย่าเก็บไว้ในใจเลยนะ”
กลับกัน เขาก็ยิ้มแล้วมองไปยังลู่ม่าน ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้พูดอะไรกับลูกสะใภ้คนนี้เลย ที่จริงเขาไม่เคยมองนางเลยด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ นึกถึงคำพูดที่แน่วแน่เด็ดขาดเมื่อกี้ เขาก็ต้องมองนางทันที
“เมียเจ้าสาม? เมื่อกี้เจ้าพูดไม่ถูกนะ ข้ากับแม่ของเจ้ายังแข็งแรงดี จะพูดเรื่องแยกบ้านได้อย่างไร?” ตาแก่เฉินอยู่เป็นมาก ตบหลังแล้วค่อยลูกหัว
“เมียเจ้าสามช่วงนี้ป่วย เย็นนี้ไม่ต้องทำกับข้าวแล้ว ให้เมียเจ้าสองไปทำ……”
