ชิงชิงของข้า [BL/Mperg]

101.0K · จบแล้ว
Yao Yao
54
บท
3.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

“ทุกอย่างสมใจเจ้าแล้ว เช่นนั้นก็ปล่อยข้ากลับปะ—” หยางเฟยชิงพูดยังไม่ทันจบประโยคก็ต้องหยุดชะงักไว้เพียงแค่นี้ เพราะแรงบีบตรงข้อมือมันอาจทำให้กระดูกเขาแหลกละเอียดได้หากพูดต่อจนจบ ครู่ต่อมาหวังกงเฉินออกไปจากรถม้ากลับมาพร้อมกับห่วงเหล็กขาวและโซ่ในมือ ร่างสูงค่อยๆ เข้ามาใกล้ หยางเฟยชิงหน้าถอดสีฉับพลัน ตัวสั่นเทิ้ม ดวงตางามแดงก่ำ “อา อาเฉิน..เจ้าจะ จะ ทำอะไร...” หยางเฟยชิงถามเสียงสั่นไม่เป็นโยค “สิ่งนี้เหมาะกับข้อเท้าสวยๆ ของเจ้ามาก...ว่าไหม?” “ฮึก...ไม่เอา...” ‘หวังกงเฉิน...ที่ผ่านมายังไม่สาแก่เจ้าสินะ ข้าอุตส่าห์ยอมทนเจ้ารังแกเพราะคิดว่าประเดี๋ยวเจ้าคงเบื่อและปล่อยข้าไปเองทันทีที่บรรลุจุดประสงค์ เช่นนั้นแล้วเราจะไม่ติดค้างอะไรกันอีก สำหรับหนี้บุญคุณที่บิดาเจ้าเคยช่วยชีวิตข้า และความสัมพันธ์ของพวกเราจะจบลงเพียงเท่านี้’ “ข้าว่าแล้วเชียว...มันเหมาะกับเจ้าจริงๆ” หวังกงเฉินเอ่ยชมพร้อมกับประทับริมฝีปากลงบนหลังเท้าขาวยิ่งกว่าเป็นสมบัติล้ำค่าหาใดเปรียบ // V.รีไรท์สามารถอ่านได้เฉพาะรูปแบบ e-book

นิยายจีนโบราณนิยายYaoiแม่ทัพจีนโบราณท่านอ๋องหมอ

บทนำ

บทนำ

“รอข้ากลับมา ถ้าข้ายังไม่แต่ง...ชิงชิงก็ห้ามแต่งกับใครเข้าใจหรือไม่?” สำหรับหวังกงเฉินคำพูดนี้ไม่ใช่ประโยคขอร้อง แต่เป็นประโยคคำสั่ง

“แน่นอน...ข้าสัญญา” หยางเฟยชิงยิ้มอย่างเอ็นดู เด็กคนนี้คงกลัวว่าใครจะมาแย่งพี่ชายไปกระมัง

หวังกงรู้ดีว่าตอนนี้หยางเฟยชิงคิดกับเขาเพียงน้องชาย แต่ในเมื่อเขารับคำแล้วก็รู้สึกเบาใจลงไปได้บ้าง เพราะอีกฝ่ายเป็นคนรักษาคำพูดมาก นับตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาเกือบสิบปี หยางเฟยชิงไม่เคยผิดคำพูดกับเขาสักครั้ง

“รับสิ่งนี้ไว้” หวังกงเฉินยัดปิ่นหยกขาวเนื้อดีรูปวิหคเพลิงดูสง่าเรียบหรูใส่มือหยางเฟยชิงอย่างเผด็จการ เมื่อพินิจดูดีๆ แล้วมันถูกสลักด้วยตัวอักษรสีทองว่า ‘ฮูหยินแม่ทัพหรดี’

หยางเฟยชิงเบิกตามองอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“อาเฉิน! เจ้าจะเอาของของมารดามาฝากไว้กับข้าเช่นนี้ได้อย่างไรเล่า?” หยางเฟยชิงทำหน้าดุใส่ แต่อีกฝ่ายเบือนหน้าหนีไปทางอื่นโดยไม่คิดจะรับฟัง

เด็กเอาแต่ใจ! จนบัดนี้หยางเฟยชิงยังไม่เข้าใจเหตุผลว่าเหตุใด หวังกงเฉินถึงได้นำของมีค่ามาฝากไว้กับเขาทีละชิ้น บางครั้งก็มาทั้งหีบ ทำราวกับตนเป็นคลังเก็บสมบัติมิปาน

หยางเฟยชิงจำไม่ได้แล้วว่าสมบัติที่หวังกงเฉินเอามาฝากมีทั้งหมดกี่หีบ ทางตระกูลหวังไม่น่าจะมีปัญหาอะไรให้ต้องโยกย้ายสมบัติมาไว้กับเขา นอกเสียจากมีสมบัติมากเกินไปจนไม่มีที่เก็บ

“เก็บไว้กับตัวให้ดี”

“ก็ได้” หยางเฟยชิงรับมาอย่างไม่มีทางเลือก เอาเถิดหวังกงเฉินคงมีเหตุผลของเขา

“แล้วของข้าเล่า?” หวังกงเฉินพูดพร้อมกับแบมือ

“อ้อ” หยางเฟยชิงเหมือนคิดอะไรได้จึงวิ่งเข้าไปในเรือน เขาออกมาพร้อมกับหีบใบหนึ่ง ซึ่งด้านในเต็มไปด้วยผ้าพันคอที่เขาถักเองกับมือจำนวนหลายสิบผืน

ครั้งหนึ่งหวังกงเฉินเคยพูดว่าฝีมือเขาเหมือนของมารดาที่จากไปแล้วมาก ทันทีที่ได้ยินหยางเฟยชิงน้ำตาคลอแทบร้องไห้ออกมาต่อหน้าเขา

ลึกๆ แล้วเด็กคนนี้คงคิดถึงมารดาที่อยู่บนสวรรค์มากเป็นแน่ถึงได้พูดเช่นนี้ออกมา หยางเฟยชิงหรือจะทนเห็นเด็กชายที่เปรียบเสมือนน้องชายแท้ๆ ต้องมาจมอยู่กับความโศกเศร้า เขาจึงรีบเสนอตัวรับปากว่าจะถักผ้าพันคอเป็นของขวัญวันเกิดหวังกงเฉินทุกปี รู้ตัวอีกทีก็ถักเยอะจนแทบจะเปิดร้านขายผ้าพันคอได้แล้วหลังหนึ่ง แน่นอนว่ามันไม่ได้สมบูรณ์สภาพสมบูรณ์ทุกฝืน เพราะเรื่องงานด้านฝีมือเขาห่วยแตกจนดูไม่ได้ ดังนั้นจึงเลือกมาเฉพาะผืนที่ดูดีที่สุดแล้วมาให้

หวังกงเฉินมองหีบใบนั้นอย่างอึ้งๆ แต่สุดท้ายก็ยิ้มอย่างพอใจออกมา

“อะแฮ่ม! ข้าแค่อยู่ว่างๆ เลยถักเพลินไปหน่อย...” เขากระแอมแก้เก้อ แต่ในใจปีติอย่างมากที่ได้เห็นเด็กหนุ่มยิ้มออกมา

“ข้าจะเก็บไว้อย่างดี วางใจเถอะ” หวังกงเฉินรับปาก

“ไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้ แล้วอย่าบอกใครเชียวว่าเป็นฝีมือข้า!” หยางเฟยชิงรู้สึกไม่มั่นใจเพราะเพิ่งฝึกถักมาไม่นาน รูปทรงพิลึกอยู่บ้าง ดูอย่างไรก็อัปลักษณ์น่าเกลียดโดยเฉพาะลวดลายของมัน

หยางเฟยชิงจำได้ว่าเคยถักให้หยางหลินน้องชายของเขาผืนหนึ่ง เด็กคนนั้นกลับบอกว่าน่าอายใครจะกล้าเอาออกมาใช้ แต่ก็รับไว้เพราะไม่อยากทำลายน้ำใจพี่ชาย แม้แต่คนใช้ในจวนก็ไม่มีใครอยากได้มัน บ้างก็ว่าเหมือนลวดลายคำสาปอีกต่างหาก!

ไม่รับก็ไม่รับสิ ไยต้องมาวิจารณ์ด้วยคำพูดโหดร้ายเช่นนี้ด้วย ว่าแล้วมีแค่หวังกงเฉินคนเดียวนี่แหละ ที่เห็นค่าความพยายามของเขา!

ครั้งหนึ่งหยางเฟยชิงเคยลองถามหวังกงเฉิน ‘มารดาของเจ้าเป็นถึงลูกสาวขุนนางใหญ่แต่ฝีมือเหมือนข้าเนี่ยนะ?’

หวังกงเฉินตอบกลับมาแค่ว่า ‘ใช่ เพราะนางไม่เหมือนใคร’ อาจเป็นเพราะเหตุนี้ที่ทำให้แม่ทัพหวังเหิงไม่รับสตรีใดเข้าจวนอีกเลยหลังจากภรรยาจากไป ความไม่เหมือนใครของนางไม่มีสตรีใดมาทดแทนได้ นางช่างเป็นสตรีที่โชคดียิ่งนักเป็นที่รักของสามีเยี่ยงนี้

“ข้าต้องออกเดินทางแล้ว”

“เฮ้อ...ข้าไม่อยากให้เจ้าไปเลย” หยางเฟยชิงรู้สึกหน่วงในใจแปลกๆ มันอาจจะเป็นความรู้สึกเหงาก็ได้ เนื่องจากทั้งสองอยู่ด้วยกันมาตลอดเกือบสิบปี ตัวติดกันตลอดเวลา ด้วยอายุที่ห่างกันถึงเจ็ดปี จึงไม่แปลกที่หยางเฟยชิงเลยเห็นอีกฝ่ายเป็นน้องชายคนหนึ่ง

“เป็นห่วงข้ามากเลยหรือ?” หวังกงเฉินเลิกคิ้วถาม

หยางเฟยชิงลูบหัวเด็กหนุ่มอย่างเอ็นดูแล้วยิ้มหวานพร้อมกับกล่าวด้วยสีหน้าอ่อนโยน

“อาเฉินเปรียบเสมือนน้องชายแท้ๆ คนหนึ่ง พี่ชายคนนี้ย่อมต้องเป็นห่วงเจ้ามากแน่นอนอยู่แล้ว”

พรึ่บ!

หวังกงเฉินปัดมือหยางเฟยชิงออกอย่างไม่ไยดี ร่างสูงหมุนตัวขึ้นหลังม้าด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว

วันนี้เป็นวันออกเดินทาง ซึ่งมีผู้ติดตามมากมายกำลังรออยู่ที่ถนนใหญ่เป็นขบวนยาว

“อาเฉินทำเกินไปแล้วนะ ข้ากำลังซึ้งอยู่แท้ๆ” หยางเฟยชิงกระทืบเท้าไม่พอใจ ประเดี๋ยวดีประเดี๋ยวร้าย นิสัยเอาแน่เอานอนไม่ได้เลย!

หวังกงเฉินเหลือบตามองร่างบางอย่างไม่ใคร่สบอารมณ์ แม้การกระทำและคำพูดสื่อออกมาชัดเจนแค่ไหน แต่ในสายตาอีกฝ่าย เขายังเป็นแค่เด็กน้อยอยู่วันยังค่ำ

“เจอกันคราวหน้า ข้าจะทำให้เจ้าไม่กล้าพูดคำพวกนี้อีก” ในขณะที่กำลังควบม้ากลับไปร่วมขบวนออกเดินทาง แต่หวังกงเฉินก็ไม่ลืมที่จะกล่าวทิ้งท้ายเพื่อย้ำเตือนหยางเฟยชิงอีกครั้ง

“เด็กนิสัยไม่ดี!”

“ชิงชิงอย่าได้ลืมสัญญาและคำพูดวันนี้เด็ดขาด มิเช่นนั้นเจอดีแน่”

“อาเฉิน จะ เจ้ามันอวดดีเกินไปแล้ว!”

หยางเฟยชิงจำได้ดีไม่วันลืม นั่นเป็นประโยคสุดท้ายก่อนที่หวังกงเฉินเดินทางไปยังสนามรบยาวนานเป็นเวลาเจ็ดปี นอกจากนี้อีกฝ่ายก็ไม่เคยกลับมาเหยียบที่นี่อีกเลย และการเจอกันในแต่ละครั้ง มันทำให้หยางเฟยชิงเจ็บปวดใจเหลือเกินที่ถูกเขามองกลับมาด้วยสายตาห่างเหิน

ใช่ ตอนนี้พวกเราได้กลายเป็นคนแปลกหน้าต่อกันแล้ว...