บทที่ 4 คำท้า
กึก!
“เธอไม่ผ่านการเป็นผู้หญิงของฉันเสียใจด้วย ฉันไม่ชอบให้คนขัดจังหวะ”
เสียงผู้ชายดังกล่าวเดินเข้ามาทำให้ฉันตะลึงมากยิ่งกว่าเจอดาราที่ว่าหน้าตาดีแล้วนะแต่...
เทียบไม่ได้กับผู้ชายคนนี้
เขาตัวสูงโปร่ง ช่วงขายาวยิ่งกว่านายแบบบางคน ผิวขาวราวหิมะจะเรืองแสงหรือไงพ่อคุณ สีผมสีน้ำตาลตัดสั้นจนเข้ากับรูปใบหน้าหวานแต่นิสัยคงไม่หวานอย่างที่คิดเมื่อเขาปฏิเสธสาวที่ฉันพึ่งด่าไปเมื่อกี้อย่างไร้เยื้อใยสิ้นดีคงเป็น Playboy ตัวพ่อสินะ
เขามองฉันด้วยหางตาอย่างเหยียดๆ จากนั้นก็เดินเฉียดฉิวโดยไม่สนใจอะไรมีเพียงกลิ่นหอมๆ ที่ถูกทิ้งเอาไว้กับอากาศ
“แกทำให้ฉันเสียโอกาส รู้ไหมว่ากว่าจะได้เจอกับเขามันต้องใช้ความพยายามมากเท่าไหร่”
ใบหน้าที่ค่อนข้างจะจริงจังและหาเรื่องเดินเข้ามาประชิดตัวของฉันทันที โดยที่ฉันไม่ทันตั้งตัวเลยสักนิดเดียว
เอ้า... ผู้ชายไม่เอาแล้วฉันเกี่ยวอะไร
“เกี่ยวอะไร เอาเวลาไปเรียนดีกว่าไหมจะได้ไม่เสียเวลาวิ่งตามผู้ชายที่เขาไม่สนใจ?”
ฉันตอกกลับหน้าหญิงคนนั้นอย่างเด็ดขาด
“งั้นถ้าคนอย่างแกมีปัญญาให้เขาพาออกไปจากคลับด้วยฉันให้สองแสน”
“สองแสน”
นั้นมันเงินก้อนเชียวนะ
สองแสนไม่ได้หาง่ายๆ สมัยนี้ ถ้าเป็นฉันก็ยิ่งอยากยิ่งกว่าการลงไปงมเข็มในมหาสมุทรอีก
ไม่แปลกถ้าสายตาของฉันลุกวาวทันที เงินก้อนใหญ่ขนาดนั้นมันทำให้ปู่ย่าสบายไปทั้งชาติเลยนะแต่ว่ามันค่อนข้างเสี่ยง
เสี่ยงพอสมควร
“หรือว่าไม่กล้าเพราะสารรูปอย่างเธอคงยากที่เขาจะเอา!”
อีนี่...
รู้จักอีนินคนนี้น้อยไปเสียงแล้ว
“ตกลง ฉันรับคำท้า”
หลังจากที่รับคำท้าจากผู้หญิงที่ชื่อลาวา ขาของฉันก็ก้าวเดินตรงเข้ามาข้างในคลับอีกครั้งอย่างอัตโนมัติ ก่อนอื่นต้องเบี่ยงมองโต๊ะพวกเพื่อนๆ ก่อนไม่อยากให้เกิดปัญหาตามมาทีหลัง
โล่งใจ...
พอเห็นว่าทางสะดวกเพื่อนกลับหมดแล้วจึงตามผู้ชายคนดังกล่าวมาทันทีโดยที่มียัยลาวาเดินตามหลังมาติดๆ
จะว่าฉันหน้าเงินก็ได้นะมันคงไม่ผิดสักนิดสำหรับคนหาเช้ากินค่ำอย่างฉัน พนักงานร้านเค้กขนาดกลางเงินเดือนได้ไม่ถึงหมื่นด้วยซ้ำการใช้จ่ายจึงเดือนชนเดือน
ไม่มีเก็บ
สองแสนมันไม่ใช่น้อยๆ เลยด้วยซ้ำ รู้ว่าสองปีที่ฉันทำงานมาอย่างยากลำบากก็ไม่ได้มากเท่านี้ แต่นี้มันอะไรเงินสองแสนลอยมาเห็นๆ เพียงแค่ฉันพาผู้ชายคนดังกล่าวเดินออกนอกคลับเท่านั้น
จากนั้นก็ทางใครทางมัน
“ไปไหนแล้วนะเดินเร็วจริง”
ฉันเอ่ยขึ้นในขณะที่เท้าก็หยุดอยู่กับที่เพื่อจะได้ใช้สายตาอันน้อยนิดของตัวเองพยายามมองหาผู้ชายคนดังกล่าว ที่ได้ยินว่าชื่อแวนเดอร์ แต่กับไม่เห็นแม้แต่เงาทั้งที่ฉันก็เดินตามเขามาติดๆ
ยิ่งสภาพภายในบริเวณคลับมันไม่ค่อยเอื้ออำนวยต่อสายตาเท่าไรนักด้วยเหตุที่มีแสงสีค่อนข้างมืดสลัวๆ ถ้าไม่สังเกตดีๆ อาจจะไม่เห็น
ไม่ได้นะ! เงินสองแสนจะหายไปไม่ได้เด็ดขาด
ประโยคนี้มันภาวนาและพูดวกวนขึ้นมาในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ขอโทษนะคะ เห็นผู้ชายที่ตัวสูงๆ ผิวขาว ดูดีมากเดินผ่านมาเมื่อกี้หรือเปล่า เอ่อ..ขะ เขาชื่อว่าแวนเดอร์”
ฉันรีบเดินตรงไปถามบาร์เทนเดอร์ที่กำลังทำงานอยู่ทันทีเพื่อไม่ให้เสียเวลาในการปฏิบัติงาน ถ้าเป็นลูกค้าประจำยังไงก็ต้องเคยเห็นหน้าหรือไม่ต้องรู้จัก
“คุณแวนเดอร์หรอครับ เดินไปที่โซน VIP ของคลับแล้วครับ ทางนั้นครับ”
นั้นไง ถามไม่เสียประโยชน์
แถมยังไม่ทันถามต่อเลยว่าโซน VIP อยู่ทางไหน ชายรูปร่างสูงดูดีคนนี้ก็ตอบให้เรียบร้อยเสร็จสรรพพร้อมกับผายมือบอกให้ทันที แต่ทำไมถึงรู้จักผู้ชายที่ชื่อแวนเดอร์ทันทีคงจะมาบ่อยสิท่า
“ขอบคุณค่ะ”
เมื่อคำขอบคุณออกจากปากของตัวเองแล้ว ฉันก็รีบเดินตรงไปในโซน VIP ทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาถึงก็สามารถเห็นความแตกต่างทั้งการตกแต่งผิดกับโซนธรรมดาที่ฉันนั่งกับเพื่อนๆ อย่างสิ้นเชิง
เงินทำได้ทุกอย่างจริงๆ
มันทั้งหรูหรา มีระดับทั้งเก้าอี้ โต๊ะ ขอตกแต่งต่างๆ รวมถึงเครื่องดื่มต่างๆ ที่คงจะส่งมาจากเมืองนอก
ฉันยืนอยู่เยื้องประตูทางเข้าที่สูงชันมันสามารถมองเห็นทั้งโซน VIP ของคนรวยอย่างทั่วถึง
ชายหญิงที่ต่างโยกย้ายส่ายสะโพกกันอย่างเมามัน ทั้งกอด จูบกันอย่างดูดดื่มไม่อายคนที่อยู่ร่วมเลยสักนิดมีส่วนน้อยมั้งที่นั่งดื่มอย่างสงบ
“หมอนั่นอยู่ไหนนะหาตัวยากจริง”
