บทที่ 2 คืนธรรมดา 1
“อย่าให้ได้พูดซ้ำ ฉันไม่ชอบคนที่ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่อง” เบื่อมากที่ได้พบกับผู้หญิงชนิดนี้ ไม่มีความเป็นกุลสตรีเลยสักนิด “ไอ้วิน ส่ง!”
“ครับเฮีย!”
ปัง!
ผมเลือกเดินเข้ามาในห้องส่วนตัวของตัวเองทันทีโดยไม่หันไปมองสนใจอะไรกับผู้หญิงคนนั้นเลยสักนิดเดียว
ช่างปะไรล่ะ?
ไม่แคร์สักนิด
ทำไมผมจะต้องแคร์มันไม่ใช่เรื่อง
ห้องของผมแยกเข้ามาอยู่ในอีกโซนหนึ่งของอีกด้านหนึ่งของคอนโด ส่วนห้องที่ผู้หญิงเข้ามานอนนั้นมันก็แค่ห้องไว้ทำเรื่องอย่างว่าเท่านั้น
ต้องใช้มันดับอารมณ์เป็นบางครั้งคราว
ว่าแล้วผมก็ทิ้งตัวนอนลงบนเตียงใหญ่ของตัวเองทันทีพร้อมกับหลับตาลงผ่อนลมหายใจเบาๆ ขับไล่ความเมื่อยล้าหนักหนาที่พบเจอมาทั้งวันแล้วยังเป็นการพักผ่อนสายตาอีกทางหนึ่ง
ชีวิตของผมมันก็ไม่มีอะไรมากเลยเพียงแค่ไปๆ มาๆ ระหว่างคอนโดกับที่ทำธุรกิจของตัวเองเท่านั้น
แต่ก็ไม่ใช่ไม่เหนื่อย
และแล้วระหว่างที่หลับตา เหตุการณ์บางอย่างที่มันยังคงค้างคาใจของผมมาตลอดในระยะห้าปีที่ผ่านมา มันพยายามเข้ามาเล่นงานผมทุกๆ ครั้ง
ความเจ็บปวดที่มาพร้อมกับการศูนย์เสียยากยิ่งที่จะทำใจได้
ทำไมผมยังต้องจำมันอีกนะ....
“แวน...ก็รู้ว่าขวัญรักเพทายขวัญ”
สาวหน้าหวานงดงามดั่งสาวแรกแย้มบอกกับชายหนุ่มตรงหน้าด้วยการใช้คำที่มันทำร้ายจิตใจของเขามากที่สุด เธอคือทั้งชีวิตของเขาเชียวนะ
แต่ทำไมถึงได้...ใจร้ายแบบนี้
“แต่แวนรักขวัญนะ รักมากที่สุด รักข้างเดียวมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ไม่ว่าขวัญจะให้แวนทำอะไรให้แวนก็ยอมทุกๆ อย่าง ทำไมขวัญถึงไม่รักแวนบ้างทั้งๆ ที่เมื่อก่อนที่เพทายยังไม่เข้ามาขวัญยังบอกรักแวนอยู่เลย”
ชายหญิงสองคนนี้พูดกันขึ้นมาในชั่วกลางดึกที่ช่องตึกแห่งหนึ่งในเมืองหลวง ชายหนุ่มที่รูปร่างสูงโปร่งผมยาวดำถึงไหล่เหมือนกับผู้หญิงพูดออกมอย่างเป็นการตัดพ้อ
คำพูดใสๆ อ่อนต่อโลกของความรักเขาไม่มีวันรู้ว่าความจริงแล้วมันโหดร้ายมากเพียงไหน แผลที่ไม่มีร่องรอยแต่ฤทธิ์กับทำให้เจ็บปวดยิ่งกว่าเป็นไหนๆ
“ขวัญไม่ได้รักแวนสักนิด ที่ให้แวนทำทุกๆ อย่างนั้นก็เพื่อทำให้เกรดเฉลี่ยของขวัญดีขึ้นเท่านั้นเอง ขวัญอยากมีชีวิตที่ดีจะได้ไม่ต้องอยู่อย่างลำบากเหมือนที่ผ่านมา ขวัญเบื่อๆ มากที่ต้องใช้ชีวิตแบบนี้ เกรดเฉลี่ยเท่านั้นที่จะเป็นใบเบิกทางในอนาคตของขวัญ ขอบใจมากนะที่ทำทุกอย่างเพื่อขวัญตัดใจเสียเถอะนะแวน ยังไงๆ ขวัญก็รักเพทายมากกว่าแวนอยู่แล้ว”
“ขวัญ...”
“โธ่เว้ย! ทำไมต้องฝันเกี่ยวกับเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยวะ”
เนื้อตัวที่ต่างชุ่มไปด้วยเหงื่อเต็มร่างกายของตัวเองจนผมต้องลุกมายืนที่ตรงระเบียงของคอนโดเพื่อรับลมเย็นๆ ของบรรยากาศชั้นบนสุดของตึก
เมื่อมองไปรอบๆ ตัวต่างก็พบกับแสงไฟมากมายที่ระยิบระยับจากตึกอื่นๆ บ้าง จากบ้านเรือนบ้างทั้งที่อยู่ใกล้และอยู่ไกล
“ทำไมผมถึงยังไม่ลืมคุณนะ..”
ทำไมไม่ลืม...
ตั้งแต่จากกันวันนั้นผมก็ไม่เคยกลับไม่พบหน้าของผู้หญิงคนนั้นอีกเลย ผมย้ายมหาลัย ย้ายออกจากหอเพื่อไปเรียนที่เมืองนอกจนจบแล้วค่อยย่างก้าวเข้ามาเหยียบแผ่นดินไทยเพียงแค่สองปีที่ผ่านมาเอง
แต่ความทรงจำร้ายๆ ก็ยังคอยตามหลอกหลอนไม่เว้น
แม่ง...
ทำไมต้องเสือกจำ
ทุกวันนี้ผมจึงเกลียดผู้หญิงที่เข้ามาหาตัวเองมากมาย ไม่เว้นช่วงเวลา สิ่งที่เป็นตัวเร้าให้เข้ามาก็คือรูปลักษณ์ภายนอกของผมเอง
เกลียดที่ทำไมพวกเธอถึงไม่รู้จักคุณค่าของตัวเอง
เกลียดที่มองผู้ชายแค่เปลือกนอกเหมือนอย่างกับผู้หญิงคนนั้น
ผู้หญิงคนนั้นไม่เคยรู้ว่าผมมีฐานะเป็นอย่างไร ทางบ้านมีกิจการอะไรและอีกอย่างในปัจจุบันนี้ผมก็เปลี่ยนเป็นตัดผมสั้นเรียบร้อยจึงเหมือนไฮโซคนมีเงินขึ้นมามากมั้ง
ถึงมีผู้หญิงเข้ามาทำความรู้จักอย่างไม่ขาดสาย
ก็อย่างว่าสมัยนี้มองที่รูปร่างภายนอกมากกว่าจิตใจ...
Rr…
“ว่า?”
ผมกรอกน้ำเสียงอย่างปกติเมื่อเห็นว่าปลายสายเป็นใครพร้อมกับยกยิ้มขึ้นที่มุมปาก ก็แน่ล่ะตอนนี้เราสองคนเป็นเพื่อนซี้กันไปแล้ว ตั้งแต่ไอ้เพื่อนทั้งสามคนมันมีเมียเป็นตัวเป็นตนไปหมด
[ไปฟันสาวกันเปล่าวะ?]
