บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 13 หักหน้า

 ท่ามกลางแสงแดดอ่อนของยามสายที่สาดกระทบหมู่บ้านจิ่วอัน เงาร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งยืนอยู่ท่ามกลางลานกว้างเงาที่แม้จะไม่ขยับเคลื่อนไหวแต่กลับสามารถทำให้ผู้คนต้องละสายตาจากทุกสิ่งได้โดยง่าย ความงามของนางมิใช่เพียงงามธรรมดา แต่เป็นงามที่เหนือขึ้นไปกว่านั้น เป็นความงามที่ เกินกว่าสามัญสำนึกจะเข้าใจ ราวกับนางคือสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่หลงทางจากสวรรค์ลงมายังโลกมนุษย์ ไป๋เสวี่ยหรง ยามนี้งดงามเกินกว่าที่ผู้ใดในหมู่บ้านจะเทียบเคียงรัศมีของนางเปล่งประกายจากภายในสง่างาม เยือกเย็น และแฝงด้วยอำนาจลี้ลับที่แม้แต่ผู้ฝึกตนระดับสูงก็ยังสัมผัสได้ถึงความลึกล้ำเกินหยั่งถึงชายหนุ่มผู้หนึ่งค่อยๆ ก้าวเดินเข้ามาพร้อมจ้องนางไม่วางตา จ้าวหงเทียน ชายหนุ่มรูปงามแห่งยุทธภพผู้มีทั้งพรสวรรค์ที่เหนือชั้นและความมั่นใจอันล้นฟ้าผู้ที่เคยทำให้สตรีนับไม่ถ้วนต้องใจเต้นเพียงแค่รอยยิ้มเดียวแต่ในตอนนี้… เขากลับถูกจับจ้องอย่างแน่นิ่งจากสตรีเพียงนางเดียวแววตาของเขาแน่วแน่ จิตใจสั่นไหวอย่างควบคุมไม่ได้เขายกยิ้มขึ้นเล็กน้อยแววตานั้นมั่นใจดั่งเคย แต่ลึกลงไปกลับมีความลังเลที่เขาไม่เคยรู้จักเขาก้าวเข้าใกล้ไปอีกขั้น จนเหลือเพียงระยะห่างไม่กี่ก้าวระหว่างเขาและนาง

"ไป๋เสวี่ยหรง..." เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยออกมา "เจ้านั้นยังคงมีความงดงาม... ไม่เคยเปลี่ยน"

หญิงสาวหันหน้ามามองเขา แววตาของนางสงบ… เรียบเย็น… ไร้ความตื่นเต้นใดๆ สายตานั้นทำให้หัวใจของจ้าวหงเทียนเต้นสะดุดราวกับถูกปลิดความมั่นใจไปในชั่วพริบตาเดียว

"ขอบคุณ" คำเพียงคำเดียวที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากของนางเสียงของนางไพเราะและสุภาพแต่กลับเปี่ยมไปด้วยความห่างเหินราวกับโลกทั้งใบถูกแบ่งออกเป็นสองฝั่งโดยมิติต้องแสดงอารมณ์ใดในขณะที่เขาคาดหวังจะเห็นแววตาสั่นไหวสิ่งที่ได้รับคือ… ความว่างเปล่า เขาเงียบงัน หัวใจคล้ายถูกหยุดนิ่งชั่วครู่ เขาคือยอดฝีมือผู้ที่ใครๆ ก็ยอมศิโรราบแต่ในยามนี้ เขากลับรู้สึกเหมือนเพียง เด็กหนุ่มธรรมดา ที่กำลังยืนอยู่ต่อหน้าสิ่งมีชีวิตที่สูงส่งเกินเอื้อมถึง

“ตัวข้านั้นคือจ้าวหงเทียน…” ชายหนุ่มยืดอก สีหน้าภาคภูมิใจเต็มเปี่ยม

“ข้าคือชายที่เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ที่สุดในหมู่บ้านแห่งนี้! และบัดนี้ ข้าได้กลายเป็นข้ารับใช้ของตระกูลเซี่ยตระกูลผู้มีอำนาจยิ่งใหญ่ในแผ่นดิน!” เสียงของเขาดังชัดเจน พูดออกมาราวกับต้องการให้ทุกผู้คนได้ยินแม้ว่า ไป๋เสวี่ยหรง จะรู้จักชื่อของเขาดีอยู่แล้วแต่เขากลับตั้งใจ แนะนำตัวเอง ไม่ใช่เพื่อน… แต่ในฐานะชายผู้มีคุณค่าคู่ควรกับนาง! สายตาหลายคู่เริ่มมองมาด้วยความสนใจ บ้างอิจฉา บ้างอยากรู้อยากเห็นเพราะทุกคนก็รู้ดีว่าจ้าวหงเทียน คือชายหนุ่มรูปงามผู้เต็มเปี่ยมด้วยพรสวรรค์บัดนี้ยังมีฐานะใหม่ที่ใครๆ ต่างหมายปอง

“ไป๋เสวี่ยหรง…” น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนไปเป็นแผ่วนุ่มแฝงความมั่นใจ “ภายในหมู่บ้านแห่งนี้ ไม่มีชายใดอีกแล้วที่คู่ควรกับเจ้า... นอกจากข้า ข้าจะขอให้ท่านพ่อท่านแม่ทำพิธีสู่ขอเจ้าอย่างสมเกียรติ!”

เขาพูดออกมาด้วยท่าทางมั่นอกมั่นใจราวกับคำพูดของเขาได้ปิดผนึกชะตาของนางเรียบร้อยแล้ว แต่... สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงกำลังจะเกิดขึ้น ในขณะที่เสียงรอบข้างเริ่มอื้ออึง ผู้คนต่างรอลุ้นคำตอบของหญิงสาวที่เปี่ยมด้วยเสน่ห์และลึกลับที่สุดในหมู่บ้านเสียงของนางกลับดังออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“เจ้ามันช่างไร้ยางอายนัก ข้ายังไม่ได้พูดสักคำ... ว่าข้าจะเป็นของเจ้า” คำพูดของนางเรียบสงบแต่กลับแฝงไว้ด้วย ความเย็นเยียบ ดั่งลมหายใจของเหมันต์ที่พัดผ่านหุบเหวผู้คนที่อยู่ใกล้ต่างรู้สึกเสียวสันหลังวาบแม้จะไม่ได้เป็นเป้าหมายของถ้อยคำเหล่านั้นก็ตามจ้าวหงเทียนเบิกตากว้าง ราวกับถูกราดด้วยน้ำเย็นจัดต่อหน้าผู้คน

“เจ้าว่าอะไรนะ…?” เสียงของเขาสั่นเล็กน้อย ราวกับไม่เชื่อหูตนเอง เขาคาดหวังคำตอบที่อ่อนหวานเขาคาดหวังว่าผู้คนจะยินดีต่อ คู่รัก ที่น่าภาคภูมิใจ แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะถูกปฏิเสธ... ต่อหน้าผู้คนเช่นนี้!

แววตาของไป๋เสวี่ยหรงยังคงเรียบเฉย ไม่มีแม้แต่ความสะเทือนอารมณ์เล็กน้อยนางมิได้พูดเพื่อสร้างความอับอาย แต่นางพูดด้วยความจริงใจอันไร้เยื่อใย นี่คือคำปฏิเสธจากสตรีผู้สูงศักดิ์ ผู้ที่ไม่เคยคิดจะก้มศีรษะให้ผู้ใด แม้แต่ชายหนุ่มผู้ได้รับการยกย่องที่สุดในหมู่บ้าน… ก็ไม่มีสิทธิ์ได้ครอบครองหัวใจของนาง!

“ตัวเจ้านั้นเป็นเพียงแค่สตรีที่ต้อยต่ำ!” เขาคำรามออกมาด้วยเสียงที่สั่นเทา“เจ้าควรจะรู้สึกภูมิใจเสียด้วยซ้ำ... ที่ข้าหมายตาในตัวเจ้า!” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความดุดันพยายามกู้ศักดิ์ศรีที่พังทลายแต่น้ำเสียงนั้นกลับเหมือนเสียงโหยหวนของผู้พ่ายแพ้ฟังแล้วชวนให้น่าเวทนา มากกว่าน่ายำเกรง

ไป๋เสวี่ยหรงเงยหน้ามองเขาอีกครั้งสายตาของนางยังคงเรียบสงบ ไร้คลื่นอารมณ์แต่สิ่งที่ออกมาจากริมฝีปากของนาง…

กลับทำให้ทั้งลานต้องเงียบงัน “เป็นแค่สุนัขรับใช้ตัวเล็กๆ ของตระกูลเซี่ยแต่คำพูดของท่าน... ช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน” ผู้คนโดยรอบถึงกับอ้าปากค้าง บางคนกลั้นหัวเราะไว้แทบไม่ไหววาจาของนางช่างอ่อนโยนดุจสายธารแต่กลับแหลมคม... ดั่งกระบี่น้ำแข็งเสียบทะลุศักดิ์ศรีจนแตกละเอียดไม่มีชิ้นดี

"เจ้า... เจ้า..." เสียงของจ้าวหงเทียนสั่นระริกเขาพยายามจะพูดอะไรออกมา แต่คำพูดกลับติดอยู่ในลำคอริมฝีปากเขาเผยอ แต่ไร้เสียงใดหลุดออก ร่างของเขาสั่นระริก ใบหน้าบิดเบี้ยว แดงก่ำ ร้อนผ่าวราวกับถูกเพลิงเผาในขณะที่หัวใจกลับเย็นยะเยือกราวกับถูกแช่แข็งชายหนุ่มผู้เคยหยิ่งทะนง... ถูกหักหน้าด้วยวาจาเพียงไม่กี่ประโยคในสายตาของฝูงชน เขาไม่ได้ดูสง่างามอีกต่อไป

และไป๋เสวี่ยหรง... ยังคงยืนนิ่งสง่างาม ราวกับสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่อาจแตะต้องนางไม่ได้ใช้พลังปราณใด ไม่ได้ยกมือกระทำอันใดเลยแต่นางกลับทำให้ชายหนุ่มผู้แสนภาคภูมิ ล้มเหลว… ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ

แม้ความอับอายที่ได้รับจะรุนแรงราวกับเปลวเพลิงเผาไหม้ใจ แม้จะอยากมุดแผ่นดินหนีจากสายตาผู้คนให้พ้นพ้นแต่ความงดงามและศักดิ์สิทธิ์ของไป๋เสวี่ยหรงกลับตราตรึงเขาอย่างยิ่งยวดงดงามเสียจน… เขายินดีแลกศักดิ์ศรีทั้งหมดเพื่อให้ได้ครอบครองนางจ้าวหงเทียนสูดหายใจลึก ดวงตาเต็มไปด้วยไฟแห่งความครอบครองเสียงของเขาเอ่ยขึ้นอีกครั้งแต่คราวนี้แฝงไปด้วยแรงกดดันที่ใครฟังก็สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลง

"ไป๋เสวี่ยหรง... เจ้าอย่าได้ทำตัวถือดีไปนัก" เสียงของเขาเข้มข้นขึ้น คล้ายกลบเกลื่อนความอัปยศเมื่อครู่

"การแต่งงานกับข้า เปรียบเสมือนของขวัญจากสวรรค์ที่เจ้าควรจะสำนึกบุญคุณเสียด้วยซ้ำ!" เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นจากบางคนที่ยืนอยู่ใกล้บางคนเบือนหน้าหลีกสายตา ด้วยความอึดอัดแทนแต่เขากลับทำเป็นไม่สนใจ เดินเข้าไปใกล้นางอีกก้าวหนึ่ง

"ทุกคำพูดของเจ้าเมื่อครู่... ข้ายินดีจะปล่อยผ่านแต่หากเจ้ากล้าปฏิเสธข้าอีก...จงเตรียมรับผลที่จะตามมาได้เลย"

คำขู่อันเหี้ยมเกรียมในคราบถ้อยคำแห่งความรักนี่คือวิธีของจ้าวหงเทียนผู้ไม่เคยยอมรับการพ่ายแพ้และไม่เคยเชื่อว่าใครมีสิทธิ์ปฏิเสธเขาแต่สิ่งที่เขาได้รับตอบกลับมา คือวาจาแผ่วเบา ทว่าคมกริบกว่าใบมีดใดๆ

"เจ้านี่มันช่างไร้ยางอายจริงๆ" เสียงของนางยังคงนุ่มนวลแต่แววตานั้น... เยือกเย็นดั่งหิมะที่ตกบนหลุมศพคำพูดของนางไม่ดังนักแต่กลับฝังลึกลงไปในหัวใจของจ้าวหงเทียนดั่งคำพิพากษาและนั่นคือฟางเส้นสุดท้ายความอดกลั้นทั้งหมดของเขา พังทลายลงในพริบตา

แววตาเขาเริ่มบิดเบี้ยว เต็มไปด้วยความดำมืดแห่งแรงอาฆาตริมฝีปากที่เคยยิ้มอย่างมั่นใจกลับเม้มแน่นด้วยความคั่งแค้น

"หากข้าไม่ได้เจ้า...ก็อย่าหวังเลยว่าจะมีชายใดได้ครอบครองเจ้าอีก!"

บรรยากาศโดยรอบพลันเยือกเย็นลงลมหายใจของผู้คนชะงักงันราวกับถูกแช่แข็งนี่ไม่ใช่คำพูดของชายที่ตกหลุมรักแต่มันคือถ้อยคำของผู้ที่เริ่มเดินเข้าสู่ด้านมืดของหัวใจตนเอง

 

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel