บท
ตั้งค่า

บทที่ 2

ในขณะท่านผู้บังคับการเลสซันโดร เปิดภาพแฟ้มอาชญากร พร้อมกับพูดถึงสรรพคุณด้านชั่วของเหล่าบรรดาเจ้าพ่อแต่ละแก๊งให้ลูกน้องฟัง ผู้กองรีจินาก็เปิดภาพในแฟ้มดูตามไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงคนสุดท้ายในแฟ้มเอกสาร ทว่าเป็นเจ้าพ่อเบอร์หนึ่งที่หน่วยสืบสวนกลางของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องการตัวมากเป็นที่สุด

หญิงสาวก็ถึงกับกัดฟันกรอด กำมือแน่น ดวงตากลมโตสีฟ้าอ่อนใส ซึ่งกำลังจ้องมองเขม็งยังภาพที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอขนาดใหญ่ เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น เมื่อโสตประสาทได้ยินประวัติของดอนผู้นี้ ซึ่งเป็นเจ้าพ่อที่เธอไม่เคยลืมเลยชั่วชีวิต และต่อให้อยากลืม เธอก็ลืมเจ้าพ่อที่เลวทราม ใจอำมหิตคนนี้ไม่ลง!

“และคนสุดท้ายที่ทางการต้องการตัวมากที่สุด ดอนคาร์ล คาร์ลอส มาโก้ร์ เขาเป็นหัวหน้าใหญ่ของแก๊งมาเฟียทุกแก๊งในอิตาลี เป็นเจ้าพ่อแห่งเจ้าพ่อ (Don of Don) ดอนคาร์ลเป็นเจ้าพ่อของแก๊งโพเทนซา ออฟ โพเทนซา (Potenza of Potenza) ซึ่งมีความหมายว่าอำนาจเหนืออำนาจ ดอนผู้นี้เป็นคนคอยดูแลและคุมเจ้าพ่อแก๊งอื่นๆ ไว้อีกที ผลประโยชน์ที่แก๊งเล็ก

แก๊งน้อยทั้งหมดทำได้ จะต้องมีการหักส่วนแบ่งทั้งหมด 60 เปอร์เซ็นต์มาให้กับดอนคาร์ล ซึ่งไม่ต้องคำนวณให้เมื่อย ทุกคนก็พอจะรู้ว่าปีหนึ่งๆ มีเงินไหลเข้ากระเป๋าของดอนคาร์ลกี่ร้อยล้านยูโร”

“ท่านผู้การต้องการกำจัดแก๊งที่ว่าทั้งหมดเลยใช่ไหมครับ”

นายตำรวจผู้หนึ่งซึ่งมียศสารวัตรได้ยกมือขึ้น พร้อมกับเอ่ยถามท่านผู้บังคับการด้วยความสงสัย ซึ่งเขามองไม่เห็นหนทางเลยว่าพวกตนจะจัดการกับเหล่ามาเฟียร้ายพวกนี้ได้อย่างไรกัน โดยเฉพาะมาเฟียคนล่าสุด ดอนคาร์ล คาร์ลอส มาโก้ร์ ซึ่งเป็นมาเฟียตัวฉกาจ ทั้งโหดเหี้ยมใจอำมหิตและเลือดเย็นไม่ต่างจากน้ำแข็งขั้วโลก ความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะจับดอนคาร์ลได้นั้นเท่ากับศูนย์!

ท่านผู้บังคับการเลสซันโดรพยักหน้ารับ เขามองเข้าไปในดวงตาของนายตำรวจทุกนายที่นั่งอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ก็พอเดาใจทุกคนออกว่าคิดเช่นไรอยู่ ทุกคนคิดว่าคงไม่มีทางจับเจ้าพ่อเหล่านี้ได้ โดยเฉพาะดอนคาร์ล ผู้เลื่องชื่อในเรื่องความร้ายกาจ แถมยังฉลาดหลักแหลมเป็นที่หนึ่ง

“ที่ถามมานั้นถูกต้องแล้วสารวัตร ผมต้องการจับเจ้าพ่อเหล่านี้ทุกคน ไม่ว่าจะจับเป็นหรือจับตายก็ได้ทั้งนั้น”

ท่านผู้บังคับการย้ำให้นายตำรวจทุกนาย รับทราบถึงเป้าหมายอันชัดเจน ที่ทุกคนต้องทำร่วมกัน ไม่ว่าจะได้ร่างของเหล่าเจ้าพ่อร้ายพวกนี้ ทั้งแบบมีลมหายใจ หรือร่างอันปราศจากวิญญาณ เขาก็ไม่เกี่ยง

“ท่านผู้การครับ”

นายตำรวจยศร้อยตำรวจเอกท่านหนึ่ง เปล่งเสียงเอ่ยเรียกท่านผู้บังคับการพร้อมกับยกมือขึ้น เพื่อเป็นการขออนุญาต พอท่านผู้บังคับการพยักหน้าราวกับเป็นการอนุญาตให้ถามได้ ผู้กองท่านนั้น หรือที่รู้จักกันในชื่อเลอโอเน ฟรานบอโน ก็รีบออกปากเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“ทำไมถึงไม่มีรูปปัจจุบันของดอนคาร์ล คาร์ลอส มาโก้ร์ ล่ะครับ เท่าที่ผมเห็นในแฟ้มประวัติ ผมคิดว่าน่าจะเป็นรูปของดอนคาร์ลตอนอายุราวๆ 20 ปีตอนต้นนะครับ”

คำถามของผู้กองเลอโอเน จุดประกายให้นายตำรวจคนอื่นๆ ก้มลงมองภาพถ่ายของดอนคาร์ลอีกครั้ง ยกเว้นผู้กองสาวรีจินาคนเดียว ที่ไม่ได้ก้มลงมองภาพของดอนผู้ร้ายกาจ

เพราะไม่จำเป็นต้องมองภาพของคนชั่วคนนี้ ภาพของดอนคาร์ล ก็ยังคงฝั่งแน่นอยู่ในหัวสมองของเธอเสมอ แต่หาได้จดจำเจ้าพ่อผู้นี้เพราะความประทับใจไม่ มันเป็นเพราะความ

แค้นความอาฆาตต่างหาก ที่ทำให้เธอจำดอนคาร์ล คาร์ลอส มาโก้ร์ ได้ไม่เคยลืม ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานสักเพียงใดเธอก็ไม่เคยลืมคนชั่วคนนี้

“นั่นนะสิครับท่านผู้การ ทำไมไม่มีภาพปัจจุบันของดอนคาร์ลเลยล่ะครับ” ผู้กำกับฟาบิโอเอ่ยถามบ้าง เพราะตัวเขาเองนั้นก็สงสัยไม่ต่างกับผู้กองเลอโอเน

ท่านผู้บังคับการสูงวัยและมากด้วยประสบการณ์ การตามจับโจรผู้ร้ายและทำคดีมานักต่อนัก ได้แต่ถอนหายใจยาว สีหน้าและแววตานั้นก็เต็มไปด้วยความหนักใจกับคำถามของผู้อยู่ใต้อาณัติ ก่อนจะเอ่ยตอบคำถาม ที่ไม่ได้ช่วยให้ความสงสัยของบรรดาลูกน้องจางหายไปเลยสักนิด

“แม้ดอนคาร์ลจะเป็นมาเฟียตัวกลั่น ซึ่งหากพวกเราสามารถล้มเขาได้ บรรดาเจ้าพ่อที่เหลือก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะผมเชื่อว่าหากดอนคาร์ลถูกจับได้แล้ว หางเสือที่เหลือก็ย่อมระส่ำระส่ายอย่างแน่นอน

แต่...ปัญหามันอยู่ที่ผู้กองและผู้กำกับถามมานั้นแหละ กรมตำรวจทุกหน่วยในอิตาลี ไม่เคยมีหน่วยไหน มีรูปถ่ายปัจจุบันของดอนคาร์ลเลย รูปที่พวกคุณเห็นนั้นนัยว่าเป็นรูปตอนที่เขาอายุราวๆ 19 ปี ซึ่งเขาเผยตัวให้บรรดาเหล่ามาเฟียได้เห็นเป็นครั้งแรก ตอนเขาเข้ารับตำแหน่งดอน ออฟ ดอน ต่อจากพ่อของเขา ภาพนี้สายลับของเราแอบถ่ายมาได้โดยที่ดอนคาร์ลไม่รู้ตัว แต่หลังจากดอนคาร์ลจับได้ว่าสายลับคนนี้แอบถ่ายรูปของเขาส่งมาให้ทางตำรวจ ในวันรุ่งขึ้นสายลับคนนั้นก็ถูกส่งร่างอันไร้วิญญาณกลับมายังบ้านเกิดของเขา มีข่าวลือว่าศพถูกทิ้งไว้หน้าบ้านพร้อมกับจดหมาย ที่เขียนด้วยลายมือของดอนคาร์ลในวัน 19 ปี ฝากถึงครอบครัวของสายสืบคนนั้นด้วย”

“บ้าชะมัด! ดอนคาร์ลมันโหดตั้งแต่เด็กเลยหรือนี่”

ผู้กำกับฟาบิโอทุบมือลงบนโต๊ะดังโครม พร้อมกับสบถลั่นด้วยความโมโห นึกไม่ถึงว่า

มาเฟียตัวเป้งที่พวกตนต้องจับตัวมาให้ได้จะโหดร้ายถึงเพียงนี้

“จะว่ายังงั้นก็ได้นะผู้กำกับ เพราะดอนคาร์ลคลุกคลีกับพวกมาเฟียตั้งแต่อยู่ในท้องแม่แล้ว พอมันเติบโตขึ้นมาก็ฉายแววความเป็นเจ้าพ่อให้เห็นทันที อาวุธทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นปืน ดาบหรือมีด ไอ้หมอนี่มันใช้จนคล่อง ยิงปืนแม่นเสียยิ่งกว่าจับวางเสียอีก สายลับของเราส่งข่าวบอกว่าบรรดาเจ้าพ่อ และลูกน้องในแก๊งอื่นๆ ต่างก็กลัวดอนคาร์ลมาก แต่ไม่ค่อยมีใครได้เห็นดอนคาร์ลเท่าไรนัก คนที่เห็นและรู้จักใบหน้าอันแท้จริงของดอนผู้นี้ส่วนมากจะเป็นหัวหน้าแก๊งเท่านั้น ซึ่งพวกมันจะได้เห็นหน้าดอนคาร์ลก็ตอนเข้าประชุมประจำเดือนของแก๊ง”

ท่านผู้บังคับการเลสซันโดรอธิบายเพิ่มเติมถึงกิตติมศักดิ์ในด้านร้ายของดอนคาร์ล คาร์ลอส มาโก้ร์ ที่เลื่องลือขจรไกลถึงเรื่องความโหดเหี้ยม อำมหิต ตามต้นตำรับของคนที่เกิดมาเพื่อเป็นดอน ออฟ ดอน

และในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายต่างก็วิพากษ์วิจารณ์ถึงความร้ายกาจ เรืองอำนาจของดอนผู้ยิ่งใหญ่ รีจินา ผู้กองสาวได้แต่กำมือแน่น กัดเม้มริมฝีปากจนห้อเลือด เพื่อไม่ให้หยาดน้ำตาและเสียงสะอื้นแห่งความเสียใจเล็ดลอดออกมาให้ทุกคนได้ยิน

“ในเมื่อเราไม่รู้จักใบหน้าที่แท้จริงของไอ้ดอนคาร์ล แล้วพวกเราจะจับมันได้ยังไงล่ะครับท่านผู้การ”

คำถามที่หลุดมานั้น เกิดจากความสงสัยของผู้กองเลอโอเน จนแล้วจนรอดก็ยังมองไม่เห็นหนทางที่จะจับกุมดอนผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ได้ ซึ่งอย่าว่าแต่จับกุมเลย แค่เข้าใกล้อาณาบริเวณของดอนคาร์ล เขาก็มองไม่เห็นวี่แววว่าจะเข้าใกล้เจ้าพ่อคนนี้ได้หรือเปล่า

“ผมจะส่งคนของเราเข้าไปล้วงข้อมูล ติดตามความเคลื่อนไหวของดอนคาร์ล ระหว่างนี้พวกเราทุกคนต้องวางแผนอย่างรัดกุม และทันทีที่สบโอกาสประจวบเหมาะ พวกเราที่อยู่ทางนี้ จะต้องลงมือตะครุบตัวเจ้าพ่อทุกรายให้อยู่หมัด”

ท่านผู้บังคับการเลสซันโดรบอกแผนการ ที่ตนเองนั้นตระเตรียมขบคิดมานานหลายเดือนแล้ว ซึ่งกว่าจะวางแผน ควานหาตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เหมาะสมเพื่อมาทำงานนี้ได้ เล่นเอาเขาปวดหัวจนแทบต้องเผ่นไปนอนอยู่โรงพยาบาล

เมื่อคิดออกและรู้แล้วว่าควรส่งใครไปทำงานนี้ดี ท่านก็ไม่ลังเลที่จะเรียกประชุมเป็นการด่วน เพราะงานนี้รอช้าไม่ได้แม้วินาทีเดียว

“ท่านผู้การบอกว่าจะส่งคนของเราไปล้วงข้อมูลของไอ้ดอนคาร์ล ไม่ทราบว่าท่านจะส่งใครไปครับ”

นายตำรวจยศสารวัตรหลุดปากเอ่ยถามด้วยความสงสัย พลางหันซ้ายแลขวากวาดสายตามองรอบๆ ห้องประชุมแห่งนี้ ว่าท่านผู้บังคับการจะส่งใครไปเป็นสายสืบล้วงข้อมูลจากดอน ออฟ ดอนผู้ยิ่งใหญ่

และเมื่อสายตาคมกริบของท่านผู้บังคับการจ้องมองแน่นิ่งยังผู้กองสาวแสนสวย ซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ ตัวท่าน เหล่าตำรวจยศสูงมีดาวประดับบนบ่าหลายดวง ต่างก็มองหน้ากันด้วยความคาดไม่ถึงว่าท่านผู้บังคับการจะเลือกผู้กองรีจินาให้ไปทำงานใหญ่ในครั้งนี้

ส่วน ร.ต.อ.หญิงรีจินา พอรู้สึกตัวว่าสายตาทุกคู่ในห้องประชุม จ้องมองมายังตัวเธอเขม็ง ก็เงยใบหน้าอันงดงามขึ้นมองหน้าท่านผู้บังคับการ ก่อนจะเอ่ยถามเสียงราบเรียบไม่บ่งบอกอาการตกใจแม้แต่นิดเดียว

“ท่านผู้การจะให้รีจินาทำงานนี่ใช่ไหมคะ”

“ใช่...ผู้กองรีจินา”

ท่านผู้บังคับการรับคำเสียงเข้ม สร้างความแปลกใจและคาดไม่ถึงให้กับนายตำรวจทุกนายอีกครั้ง จากนั้นท่านก็เอ่ยบอกเหตุผลแค่เพียงประการเดียวให้ลูกน้องใต้อาณัติล่วงรู้

“สายสืบของผมได้ข่าวมาว่าที่คฤหาสน์ของดอนคาร์ล กำลังขาดแม่ครัวฝีมือดี และลูกน้องคนสนิทของมันกำลังควานหาแม่ครัวที่สามารถทำอาหารไทยได้ ผมคิดว่าโอกาสกำลังเป็นของพวกเราแล้ว ผมจะส่งผู้กองรีจินาไปเป็นแม่บ้านในคฤหาสน์ของดอนคาร์ล”

“ท่านจะส่งผู้กองรีจินาเข้าไปในบ้านหลังนั้นด้วยวิธีใด ไม่ให้ดอนคาร์ลรู้และสงสัยว่าผู้กองรีจินาเป็นตำรวจของหน่วยเรา”

ผู้กองเลอโอเนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่น ไม่กล้าฟันธงว่าผู้กองรีจินาจะรับทำงานนี้ เพราะการเข้าไปเป็นสายลับในคฤหาสน์ของดอนคาร์ล ก็เท่ากับเป็นการฝากชีวิตทั้งชีวิตไว้กับความตาย ซึ่งไม่รู้ว่าจะถูกยมบาลกระชากวิญญาณให้หลุดออกจากร่างในวินาทีใด

“เรื่องที่ว่าจะส่งผู้กองรีจินาเข้าไปในคฤหาสน์มาโก้ร์ได้ยังไงนั้น พวกท่านไม่ต้องเป็นห่วง ผมพอจะมีคนคอยช่วยเหลือเรื่องนี้อยู่แล้ว ส่วนที่ว่าดอนคาร์ลจะจับได้หรือไม่ว่าผู้กองรีจินานั้นเป็นตำรวจของหน่วยสืบสวนกลางฯ มันก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้กอง ซึ่งผมเชื่อว่าผู้กอง

รีจินาต้องทำได้อย่างแน่นอน และอีกอย่างคงไม่มีใครสงสัยหรอกว่าผู้กองเป็นสายลับเป็นตำรวจของอิตาลี เพราะปกติแล้วผู้กองไม่เคยเผยตัวให้ใครรู้อยู่แล้ว จริงไหมครับผู้กองรีจินา”

ท่านผู้บังคับการเลสซันโดร เต็มไปด้วยความมั่นใจว่า ผู้กองสาวหุ่นนางแบบจะเอาตัวรอด และสามารถปกปิดฐานะอันแท้จริงของตนเองได้ อีกทั้งยังมั่นใจเกินร้อยว่า ร.ต.อ.หญิงผู้นี้ จะรับทำงานเสี่ยงตาย ที่ท่านกำลังมอบให้

ผู้ได้รับภารกิจอันเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายที่สุดในชีวิต ไม่ทันเอ่ยตอบตกปากรับคำว่าจะทำงานนี้หรือไม่ ผู้กำกับฟาบิโอ ก็หลุดปากเอ่ยถามออกมา ซึ่งน้ำเสียงนั้นติดเยาะหยันแกมดูถูกในความสามารถ ดูถูกในความกล้าหาญของตำรวจหญิงผู้นี้ยิ่งนัก

“ผู้กองรีจินาจะกล้ารับทำงานนี้หรือครับ ผมว่าท่านผู้การหาคนใหม่ดีกว่าไหมครับ”

“ไม่ต้องหาใหม่หรอกค่ะ ดิฉันรับทำงานนี้ และให้สัญญากับทุกท่าน ณ ที่นี้ว่า ดิฉันจะทำงานที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุดค่ะ”

ผู้กองสาวรับคำเสียงเข้ม ใบหน้างาม ดวงตาสีฟ้าอ่อนใสเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นกับงานที่ได้รับมอบหมาย

และหากนายตำรวจทุกนายสังเกตอีกสักนิด ก็จะเห็นว่าลึกๆ ภายในดวงตาสีฟ้าคู่นี้ มันเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้นถึงบุคคลที่ใครๆ ต่างก็เรียกเขาว่า ดอน ออฟ ดอน!

ในขณะที่ไม่มีใครสังเกตเห็นแววมาดร้ายของดวงตากลมโตคู่สวยคู่นี้ ทว่าท่านผู้บังคับการเลสซันโดร กลับมองเห็นได้อย่างชัดเจน และเพราะแอบล่วงรู้ความลับที่ผู้กองสาวคนนี้ปกปิดไว้มาช้านาน ท่านจึงได้จำเพาะเจาะจง เลือก ร.ต.อ.หญิงรีจินา โชติกานต์ ให้ทำงานชิ้นใหญ่ชิ้นโบว์แดงในครั้งนี้

“เมื่อผู้กองรีจินาตกลงที่ทำงานนี้ ผมจะบอกรายละเอียดและแผนการทุกอย่างทุกขั้นตอนให้ทุกท่านฟัง”

ท่านผู้บังคับการเลสซันโดรเอ่ยบอกนายตำรวจทุกนาย รวมทั้งผู้กองรีจินา ผู้ที่ต้องเสี่ยงชีวิตเข้าไปในดงเสือของดอนคาร์ล คาร์ลอส มาโก้ร์

การประชุมวางแผนการจับกุมดอน ออฟ ดอน รวมทั้งบรรดาเจ้าพ่ออีกหลายรายที่อยู่ในความดูแลกุมบังเหียนของดอนคาร์ล เต็มไปด้วยความเคร่งเครียด จนกระทั่งผ่านไปสี่ชั่วโมงกว่า การประชุมจึงเสร็จสิ้นลงพร้อมกับความเข้าใจของนายตำรวจแต่ละนาย ซึ่งต่างก็รับรู้ว่าตนเองมีหน้าที่ต้องทำอะไรบ้างเพื่อให้การทำงานในครั้งนี้สำเร็จลุล่วง นำมาซึ่งการจับกุม การกวาดล้างเหล่ามาเฟียร้ายให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดินอัซซูรี่

“หากทุกท่านชัดเจนในหน้าที่ที่ได้มอบหมายเป็นอย่างดีแล้ว ผมอนุญาตให้ผู้กองรีจินากลับบ้านไปเตรียมตัวสำหรับการเดินทางไปยังคฤหาสน์ของดอนคาร์ลที่เกาะซิซิลีในวันพรุ่งนี้ ส่วนทุกท่านที่เหลือ ผมหวังว่าจะประสานงานและทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มที่เต็มความสามารถ โดยไม่ให้มีคำว่าผิดพลาดเกิดขึ้นมากับภารกิจสำคัญในครั้งนี้”

คำประกาศของท่านผู้บังคับการเลสซันโดร ไม่ต่างจากคำประกาศเลิกประชุม ผู้กอง

รีจินาเป็นคนแรกที่รวบรวมเอกสารตรงหน้ามาถือไว้ในอ้อมแขน และก่อนจะเดินออกจากห้องประชุม ก็ไม่ลืมเปล่งวาจาให้คำสัญญากับนายตำรวจทุกนาย ณ ที่แห่งนี้อีกครั้ง

“ดิฉันให้สัญญาว่าจะไม่ทำให้ทุกท่านต้องผิดหวังกับภารกิจนี้”

นายตำรวจทุกนายมองตามร่างบอบบางอรชรอ้อนแอ้นของ ร.ต.อ.หญิงรีจินา โชติกานต์

ที่เดินออกไปจากห้องประชุม ด้วยกริยางดงามราวกับนางพญา

และเมื่อร่างของผู้กองสุดเซ็กซี่เดินพ้นห้องประชุม พร้อมกับประตูห้องถูกปิดลงอีกครั้ง ผู้กำกับฟาบิโอก็ออกปากเอ่ยถามทันทีว่าเพราะเหตุใด ท่านผู้บังคับการถึงวางใจและเลือกให้ผู้กองหญิงที่เหมาะจะเป็นนางแบบมากกว่าผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ได้ทำงานใหญ่อย่างเช่นในครั้งนี้

“ท่านผู้การครับ ผมสงสัยอยากรู้ตั้งแต่แรกแล้ว ว่าทำไมท่านถึงเลือกผู้กองรีจินาให้ทำหน้าที่เป็นสายลับ แทนที่จะเลือกคนของพวกผม ซึ่งแข็งแกร่ง เก่งกว่าและฉลาดกว่าผู้กองรีจินาหลายเท่านัก”

ท่านผู้บังคับการเลสซันโดรยิ้มเย็นตรงมุมปาก ก่อนจะเอ่ยตอบออกมา แต่ทว่าหาทำให้ความคลางแคลงสงสัย ที่ยังเกาะกุมอยู่ในหัวใจของนายตำรวจทุกนายจางหายไปไม่

“เพราะผมรู้ว่าผู้กองรีจินามีแรงกระตุ้นอันแรงกล้า ที่จะทำงานนี้ให้สำเร็จไปได้ด้วยดี ผมจึงจำเพาะเจาะจงเลือกเธอให้ทำภารกิจที่สำคัญที่สุด”

“แรงกระตุ้นอะไรหรือครับท่านผู้การ”

ผู้กองเลอโอเนเป็นฝ่ายเอ่ยถามบ้าง และเมื่อได้ยินคำตอบที่หลุดออกมาจากปากของท่านผู้บังคับการแห่งหน่วยสืบสวนกลางของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายตำรวจทุกนายที่ยังคงนั่งอยู่ในห้องประชุม ก็ถึงกับพากันอ้าปากกว้างนิ่งขึงไปหลายนาทีด้วยความคาดไม่ถึง

ท่านผู้บังคับการเลสซันโดร ลุกขึ้นยืนช้าๆ เตรียมเดินออกจากห้องประชุม แต่ก่อนจะเดินออกไป ก็ไม่ลืมตอบคำถามที่ผู้กองเลอโอเนถามออกมา ซึ่งท่านเชื่อว่าคำตอบของท่านคงทำให้นายตำรวจในห้องนี้ถึงกับพูดไม่ออกกันเลยทีเดียว

“ที่ผมเลือก ร.ต.อ.หญิงรีจินา โชติกานต์ ก็เพราะว่าสายลับที่ถูกฆ่าตาย และถูกนำศพมาทิ้งหน้าบ้านโดยฝีมือของดอนคาร์ล คาร์ลอส มาโก้ร์นั้น เป็นพี่ชายต่างมารดาของเธอ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel