บท
ตั้งค่า

ตอนที่หนึ่ง หนีไป

ตอนที่หนึ่ง

หนีไป

“เร็วเข้า รีบช่วยกันขนสมบัติเหล่านี้ไป” เสียงเอะอะโวยวายดังอย่างลิงโลดอยู่โดยทั่วบริเวณ

“เดี๋ยวก่อน ผู้ว่าจ้างยังบอกให้พาตัวเจ้าสาวที่อยู่ในขบวนนี้ไปฆ่าทิ้งด้วย พวกเจ้าไปหาดูสิว่านางอยู่ที่ใด” เสียงชายผู้หนึ่งดังขึ้นไกลๆ

เจียจิวซินซึ่งหลบอยู่ในรถม้าด้านหลังด้วยความตื่นตระหนกรีบผุดลุกขึ้นเพื่อหาทางหนี

ขืนมัวรออยู่ที่นี่คงได้โดนโจรเหล่านี้ฆ่าตาย

หญิงสาวคิดก่อนจะมุดออกไปทางด้านหลังรถม้าเพื่อหลบสายตาของกลุ่มโจร นางวิ่งเข้าไปในป่าข้างทางอย่างเร็วโดยไม่หันกลับมามองด้านหลังแม้แต่น้อย

ต้องวิ่งหนีไปให้ไกล หากโดนจับได้มิแคล้วตายเป็นผีเฝ้าป่าอยู่แถวนี้แน่

หญิงสาววิ่งไม่หยุดด้วยความกลัวตาย แม้นางจะเป็นเพียงหญิงสาวในห้องหอซึ่งไม่เคยต้องออกกำลังอย่างมากมายถึงเพียงนี้มาก่อน แต่ด้วยความหวาดกลัวส่งให้หญิงสาวมีกำลังแรงกายแรงใจวิ่งไปได้ไกลจนมองไม่เห็นสิ่งใดนอกจากป่ารอบตัว

เจียจิวซินตัดสินใจหยุดพักครู่หนึ่งด้วยหอบหายใจจนตัวโยน

เฮ้อ...พวกโจรคงไม่ตามมาแล้วกระมัง

หญิงสาวคิดเข้าข้างตนเองด้วยมองซ้ายมองขวาก็ยังไม่พบร่องรอยของผู้คน

แต่ขณะหันกลับไปอีกทาง ถุงกระสอบใหญ่ก็คลุมลงมาทั้งตัวจนหญิงสาวตกใจส่งเสียงร้องออกมาไม่หยุด

“ว๊ายยยย ปล่อยข้า ปล่อยข้านะ มาคลุมข้าเอาไว้ได้อย่างไร ปล่อยข้า ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้.......”

เจียจิวซินตะโกนโวยวายด้วยเสียงอันดังจนแสบแก้วหู แต่ผู้ที่คลุมร่างของนางด้วยกระสอบกลับไม่ใส่ใจแรงดีดดิ้นอันน้อยนิดนั้น เขาแบกร่างบางของนางขึ้นพาดบ่าแล้วเดินดุ่มๆออกจากป่าไปอย่างรวดเร็ว

“จะพาข้าไปที่ใด ปล่อยข้า หากเจ้าทำอันใดข้า ท่านพ่อของข้าต้องมากวาดล้างรังโจรของเจ้าแน่ ปล่อยข้านะ ปล่อยยยยยยยยยย...”

ชายผู้แบกหญิงสาวเดินมาจนถึงม้าซึ่งผูกเอาไว้ข้างต้นไม้ เขาพาดร่างของเจียจิวซินเอาไว้บนม้าอย่างรุนแรงก่อนจะหันไปหยิบเชือกมาผูกร่างบางเข้ากับตัวม้าเพื่อไม่ให้นางดิ้นหนีไปที่ใด

“อ๊ากกกกก...อย่ามัดข้านะ ปล่อยข้าสิ ปล่อยยยยย...”

เจียจิวซินพยายามดิ้นรนด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี แต่ย่อมไม่เป็นผล นางรู้สึกได้ว่าม้าได้ถูกควบขี่ออกไปแล้วอย่างรวดเร็ว ด้วยเสียงลมพัดและแรงสั่นสะเทือนส่งให้ร่างของนางโยกสั่นคลอนจนหัวหมุน

หญิงสาวจำต้องหลับตาเงียบเสียงเพื่อเก็บแรงเอาไว้ด้วยยามนี้แม้จะส่งเสียงดังเพียงใดก็คงไม่มีผู้ใดได้ยิน

กว่าม้าจะหยุดลงก็ผ่านเวลาไปจนเจียจิวซินรู้สึกคล้ายอยากจะอาเจียน ร่างบางโดนแบกขึ้นบ่าอีกคราส่งให้หญิงสาวทนไม่ไหวอาเจียนของที่อยู่ในท้องออกมาจนหมดไส้หมดพุง

อ๊อกกกกกก อ๊วกกกกก

“เฮ้ย...หญิงนางนี้ อาเจียนออกมาได้อย่างไร” ผู้ที่แบกเจียจิวซิน

รีบโยนร่างบางลงอย่างไม่ปรานีจนหญิงสาวหล่นกระแทกลงกับพื้นเสียงดัง

นางตะเกียกตะกายออกมาจากถุงคลุมเพื่อสูดลมหายใจก่อนจะอาเจียนออกมาอีก

“เอ้า...เอาเข้าไป...อาเจียนจนเหม็นคลุ้งไปทั่วแล้ว” ผู้ที่แบกร่างบางมาบ่นพึมพำ

เจียจิวซินอาเจียนจนหมดท้องจึงได้เงยหน้าขึ้นมามองผู้ที่แบกนางมาด้วยสีหน้าโกรธกริ้ว

“เจ้าวางข้าพาดไว้กับม้าเช่นนั้นแล้วควบขี่กระแทกกระทั้นมาตลอดทาง ข้าไม่อาเจียนใส่เจ้าตั้งแต่อยู่บนหลังม้าก็นับว่าอดกลั้นมากแล้ว” หญิงสาวเอ่ยด้วยความโมโห

“ก็เจ้าเอาแต่วิ่งหนีจนข้าคร้านจะวิ่งไล่แล้ว จึงต้องทำเช่นนี้” ชายผู้แบกหญิงสาวเอ่ยบอก

เมื่อได้ยินว่าชายผู้นี้วิ่งไล่นางมาตลอดทาง เจียจิวซินจึงจำต้องระงับคำพูดด้วยโทสะเอาไว้

เขาเป็นพวกเดียวกับโจรเหล่านั้นหรือ จึงได้ไล่ตามจับนาง เช่นนั้นนางคงหนีไม่รอดแล้ว

หญิงสาวแสร้งทำเป็นอาเจียนต่อแต่สายตาสอดส่ายมองไปรอบข้างเพื่อหาหนทาง

อืม...ด้านนี้คล้ายเป็นลานผูกม้า มองไปไกลๆมีบ้านเรือนอยู่หลายหลัง หรือนี่จะเป็นรังโจรแล้ว

เจียจิวซินตัดสินใจหันกลับมาเจรจากับชายผู้ที่แบกนางมาเมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่าเขายังคงยืนเกาหัวอยู่อย่างไม่มีทีท่าจะเข้ามาทำร้ายหรือจับนางแบกขึ้นบ่าอีก

“พวกเจ้าจับข้ามาเช่นนี้ ท่านพ่อของข้าไม่ยอมแน่ เจ้าคงมิรู้ว่าบิดาของข้าสามารถถล่มรังโจรของเจ้าได้ไม่ยาก เอาเช่นนี้ดีหรือไม่ พวกเจ้าต้องการเงินเท่าใด หรืออยากได้สิ่งใด พวกเจ้าบอกออกมา ข้าจะจัดหามาให้แลกกับการปล่อยตัวข้าออกไป”

ชายผู้ยืนเกาหัวอยู่ยิ่งเกาหนักขึ้นด้วยความอ่อนใจ

“แม่นาง พวกเราย่อมรู้ดีว่าบิดาของท่านคือผู้ใด พวกเราได้รับการว่าจ้างมาถึงไม่อยากทำแต่ก็จนใจด้วยรับเงินผู้อื่นมาแล้ว เอาเช่นนี้ดีหรือไม่ แม่นางก็คิดเสียว่ามาเที่ยวเล่นในรังโจรสักพักหนึ่งก็แล้วกัน หากเวลาผ่านไปจนแน่ใจว่าไม่มีเรื่องใดแล้ว ข้าจะส่งแม่นางออกไปเอง”

เจียจิวซินฟังแล้วให้แปลกใจอย่างมาก

พวกเขารู้หรือว่านางเป็นบุตรสาวของเจ้ากรมยุติธรรม รู้แล้วยังกล้าปล้นขบวนเจ้าสาวของนางและจับตัวนางเอาไว้ ช่างหาญกล้าเทียมฟ้าเสียนี่กระไร

“แล้วพวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าขบวนเจ้าสาวของข้ากำลังจะไปที่ใด พวกเรากำลังจะไปที่ตำหนักอ๋องมู่ หากท่านอ๋องรู้ว่าพวกเจ้าจับตัวว่าที่เจ้าสาวของเขาเอาไว้ เขาคงไม่ปล่อยพวกเจ้าไปอย่างแน่นอน” เจียจิวซินตัดสินใจนำชื่อว่าที่เจ้าบ่าวของนางออกมาข่มขู่อีกครา

“พวกเราย่อมรู้ดีด้วยผู้ว่าจ้างบอกไว้ว่าเขาย่อมจัดการทางด้านนั้นได้อย่างเรียบร้อย”

“ผู้ว่าจ้างหรือ เขาคือผู้ใด เขาว่าจ้างพวกเจ้ามากเท่าใด ข้าจะให้พวกเจ้ามากกว่าอีกสองเท่า เจ้าคงมิรู้ว่าท่านอ๋องมู่ร่ำรวยเงินทองมากนัก ข้ากำลังจะแต่งเข้าไปในตำหนักของเขา เงินทองมากเพียงใดเขาย่อมยอมแลกกับตัวข้าอย่างแน่นอน” แม้เจียจิวซินจะไม่แน่ใจแต่ยามนี้นางต้องเอ่ยด้วยความมั่นใจเพื่อให้กลุ่มโจรยินยอมตามข้อเสนอของนางไปก่อน

“ข้าคงทำมิได้หรอกแม่นาง ถึงพวกเราเป็นโจรแต่ก็มีสัจจะ เมื่อรับเงินทองมาแล้วก็ย่อมจัดการตามนั้น เอาล่ะ แม่นางอย่าได้กลัวไปเลย เพียงเรื่องเดียวที่พวกเราไม่เคยกระทำก็คือการฆ่าคน ดังนั้นแม้ผู้ว่าจ้างจะสั่งการให้ฆ่าหญิงสาวที่อยู่ในขบวนทุกผู้คน แต่พวกข้ามิได้ทำเยี่ยงนั้น สาวใช้เหล่านั้นล้วนโดนปล่อยตัววิ่งหนีไปสิ้นแล้ว มีเพียงแม่นางซึ่งพวกข้าไม่สามารถปล่อยตัวออกไปได้”

อ้าว...ปล่อยตัวไปหมดแล้วเหลือนางผู้เดียวเนี่ยนะ

“เหตุใดจึงปล่อยข้าไม่ได้”

“ด้วยคำสั่งคือให้ฆ่าแม่นางเสีย แต่พวกเราไม่อยากกระทำเช่นนั้นจึงต้องขอร้องแม่นางให้หลบซ่อนตัวอยู่ที่นี่ไปก่อน หากเห็นว่าไม่มีผู้ใดตามหาตัวแม่นางอีก ข้ารับปากว่าจะปล่อยแม่นางไปอย่างแน่นอน”

หมายความว่าพวกโจรจะไม่ฆ่านางแต่ขอให้หลบอยู่ที่รังโจรก่อนเช่นนั้นหรือ จะเชื่อคำพูดพวกเขาได้หรือไม่

“พวกเจ้าจะไม่ฆ่าข้าแน่หรือ” เจียจิวซินถามย้ำเพื่อความแน่ใจ

“พวกเราไม่เคยฆ่าคน” ชายผู้นั้นเอ่ยเสียงเข้ม

“เช่นนั้นหากข้ายอมอยู่ที่นี่แต่โดยดี พวกเจ้าก็จะไม่ทำอันใดใช่หรือไม่”

“ย่อมใช่แน่นอน ขอเพียงแม่นางไม่หลบหนีอีก”

เมื่อได้ยินดังนั้น เจียจิวซินจึงตัดสินใจยอมตกลงไปก่อนด้วยคิดว่าหนีอย่างไรก็หนีไม่พ้น มิสู้ดูสถานการณ์อีกสักหน่อย หากมีโอกาสค่อยหาทางหนีอีกครา

“เช่นนั้นขอเชิญแม่นางเดินตามข้าเข้าไปในหมู่บ้านเถิด” ชายผู้นั้นเดินนำเจียจิวซินเข้าไปตามทางซึ่งมีบ้านคน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel