จอมนางล่มบัลลังก์หงส์

102.0K · จบแล้ว
ล้านปีแสง
56
บท
7.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

‘จอมนางล่มบัลลังก์หงส์’ เป็นเรื่องราวการชิงไหวชิงพริบของสตรีวังหลัง การดำเนินเรื่องค่อนข้างมีความลึกลับซับซ้อน เริ่มจากเจตนาในการเข้าไปคัดตัวเข้าวังของเวินเหยาหยาที่นำพาไปสู่เรื่องราวมากมาย ตัวละครหลัก เวินเหยาหยา : ธิดาตระกูลเวิน อายุ เข้าวัยปักปิ่น หลี่เฉียนเล่อ : ถังเจ๋อจงฮ่องเต้ อายุ 20 เอี้ยนหนี่หง : ฮองเฮาสกุลเอี้ยน อายุ 19 ต้ามี่เซี๊ย : ไทเฮาสกุลต้า พระมารดาแท้ๆ ของฮ่องเต้ อายุ 37 ต้าเหม่ยจวง : ธิดาเฉิงกั๋วกงต้าเส่า อายุเข้าวัยปักปิ่น

นิยายจีนโบราณนิยายรักฮองเฮาวังหลังโรแมนติกนิยายรักโรแมนติกฮ่องเต้แก้แค้น

บทนำ

ท่ามกลางบรรยากาศปลอดโปร่ง ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าครามสดใส บนเส้นทางเลียบลำธารนอกนครฉางอัน ขบวนรถม้ากำลังเคลื่อนตัวอย่างเป็นระเบียบ ภายในรถม้าคันใหญ่ สาวงามทั้งหกนั่งกันอย่างสงบเสงี่ยม ไร้ถ้อยคำวาจา การคัดเลือกนางในปีนี้ ดูท่าว่าจะคึกคักกว่าหลายปีที่ผ่านมา เพราะขบวนรถม้ายาวกว่าทุกปี

เวินเหยาหยากวาดตามองสาวงามที่ผ่านการคัดเลือกมาจากอำเภอเดียวกันคราหนึ่ง ก่อนจะคิดย้อนไปถึงอดีต

สองปีก่อน ฮ่องเต้ถังเจ๋อจงได้สร้างความสะเทือนขวัญให้แก่ราษฎรจนเป็นที่โจษจันไปทั้งแผ่นดิน โดยการตัดสินโทษประหารหมู่ครั้งใหญ่

กว่าสามร้อยชีวิตถูกตัดศีรษะหน้าประตูเสวียนอู่ต่อหน้าราษฎรมากมายในเมืองฉางอัน

สิบวันก่อนหน้านั้น ในขณะที่เอี้ยนฮองเฮาเดินทางไปอารามไป๋หวินก้วน ท่ามกลางการอารักขาแน่นหนา กลับมีเด็กน้อยวิ่งฝ่าฝูงชนเข้ามาชนร่างของพระนางจนพลัดตกจากบันไดสามขั้น ทำให้เอี้ยนฮองเฮาต้องสูญเสียครรภ์มังกรไป เป็นเหตุให้ถังเจ๋อจงฮ่องเต้ทรงพิโรธหนัก ถึงกับมีรับสั่งประหารชีวิตข้ารับใช้และองครักษ์ที่ร่วมขบวนทั้งหมดในวันนั้น รวมทั้งชาวบ้านที่มามุงดูอีกหลายครอบครัวโดยไม่มีการไต่สวน

เหตุการณ์นี้สร้างความประหวั่นพรั่นพรึงอย่างยิ่งยวด แม้ว่าการประหารจะผ่านไปสองปีแล้ว ทว่าหลายคนยังจดจำมิลืมเลือน

สกุลเวินนับเป็นอีกหนึ่งตระกูลที่ได้รับผลกระทบอย่างใหญ่หลวง สืบเนื่องจากเหตุการณ์นั้น แม้นเหวินเหยาเทียนหัวหน้าองครักษ์หลวงจะมิได้ถูกประหาร แต่ชีวิตก็ดับวูบ ตระกูลเวินต้องสูญเสียบุตรชายเพียงคนเดียว ที่ทำหน้าที่อารักขาเอี้ยนฮองเฮาในวันเกิดเหตุ

มิหนำซ้ำเวินเหยาเทียนผู้เป็นบิดา ที่มีหน้าที่จัดกองกำลังคุ้มกันยังถูกโบยสองร้อยไม้ ถูกปลดออกจากตำแหน่ง ถูกยึดทรัพย์ และถูกเนรเทศไปยังถิ่นกันดาร นับตั้งแต่นั้นมา นายท่านเวินก็มีอาการเซื่องซึมมาโดยตลอด และเสียชีวิตลงในที่สุด หลังจากนั้นอีกหนึ่งปีต่อมา เวินฮูหยินก็มาตรอมใจตายตามไป

เวินเหยาหยาคิดมาถึงตรงนี้ ในอกพลันรู้สึกหนาวเหน็บ แววตาเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบ ยกมือลูบปิ่นไม้แกะสลักที่มารดาปักให้ในวันครบวัยปักปิ่นของนาง ยามนี้สกุลเวินเหลือนางเพียงคนเดียวแล้ว มิมีสิ่งใดให้ต้องหวั่นเกรง

ขบวนรถม้าวิ่งผ่านประตูเมืองฉางอันตรงเข้าสู่ประตูพระราชวังต้าหมิงกงทางประตูทิศใต้

หน้าประตูใหญ่ มีขันทีแปดนายทำหน้าที่คัดกรองด่านที่สองรออยู่ ขันทีทั้งแปดยืนกันอย่างเป็นระเบียบ แบ่งเป็นสองฟากฝั่ง ฝั่งละสี่คน ในมือถือไว้ด้วยบันทึกเล่มหนากับพู่กัน คอยจดลักษณะ กิริยามารยาท ท่วงท่าการเยื้องย่างก้าวเดิน ตลอดจนความมีสง่าราศี ไปจนถึงความงดงามมีเอกลักษณ์ สาวงามคนใดมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ จะถูกวงชื่อเอาไว้ เพื่อให้ง่ายต่อการพิจารณา

หากมองผิวเผิน การกระทำเช่นนี้นับว่าเป็นการกระทำที่ละเอียดรอบคอบยิ่ง ทว่าความจริง มันคือการรับสินบนของเหล่าขันทีในวัง ในบันทึกที่พวกเขาถืออยู่ รายชื่อจะถูกวงเอาไว้แต่แรกแล้ว ยิ่งสาวงามที่มาจากตระกูลขุนนางและตระกูลมั่งคั่งมีอันจะกิน จะมีรายชื่ออยู่บนสุดของทุกหน้า พร้อมวงกลมสีแดงรอบชื่อ หลายตระกูลยอมจ่ายอย่างไม่ตระหนี่ เพื่อที่จะให้ธิดาหรือสาวงามที่ตนเองส่งมาได้ผ่านเข้ารอบ

ด้วยเหตุนี้ ชื่อของเวินเหยาหยาและสาวงามที่มีฐานะต่ำต้อยไร้เส้นสาย จึงอยู่ช่วงท้ายสุดของบันทึก

สาวงามกว่าหลายพันชีวิตเดินผ่านประตูแรกมุ่งหน้าสู่ประตูเสิ่นกวน ที่นั่นจะมีนางข้าหลวงพร้อมนางกำนัลอาวุโสรออยู่ ด่านนี้คือการตรวจร่างกายอย่างละเอียด ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า

สาวงามที่ถูกวงชื่อจะได้เข้าตรวจเป็นอันดับแรก สำหรับการคัดสรรในด่านนี้ หากมองตามจำนวนหญิงสาวที่ผ่านเข้ามา คาดว่าคงใช้เวลาเกินสิบวัน ในขณะรอคัดเลือก หญิงงามนับพันจะถูกพาไปพักที่หมู่ตึกทางใต้ของประตูเสิ่นกวน

ในบรรดาเด็กสาวที่นั่งรถม้ามากับเวินเหยาหยา มีหญิงงามที่มีฐานะสูงส่งอยู่เพียงนางเดียว คือธิดาของเฉิงกั๋วกงต้าเส่า อดีตแม่ทัพบูรพา นามว่า ต้าเหม่ยจวง ส่วนคนที่เหลือล้วนมาจากตระกูลสามัญชน

หลังจากหญิงสาวร่วมพันคนถูกจัดแบ่งให้เข้าพักยังเรือนต่างๆ เสียงพูดคุยก็เริ่มดังขึ้น มีบางคนกล่าวถึงการใช้เส้นสายในด่านนี้อย่างออกรสว่า “พวกเจ้ารู้หรือไม่ ว่าหาใช่มีแต่พวกขันทีหน้าประตูวังที่รับสินบน นางข้าหลวงและนางกำนัลอาวุโสเหล่านั้นก็เช่นกัน ฟังว่า ทุกครั้งที่มีการคัดเลือกนางใน หญิงสาวที่ไม่ผ่านการคัดเลือกล้วนเป็นสาวงามทั้งสิ้น ข้าคิดว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา พวกเจ้าคิดอย่างไร”

เด็กสาวสี่คนในกลุ่มพากันพยักหน้า หนึ่งในนั้นแค่นเสียงอย่างไม่พอใจว่า “เฮอะ! ยังจะคิดเป็นอื่นได้อีกหรือ เห็นชัดอยู่ ว่ามิใช่ลำพังแค่ใช้เส้นสายภายนอก แต่ผู้ที่มีอำนาจบางคนที่นี่ ไม่ต้องการให้มีสาวงามเข้าไปอยู่ในวังหลัง”

เด็กสาวที่เป็นผู้เริ่มบทสนทนารีบยกนิ้วอังริมฝีปาก พลางทำเสียง “ชู่” คราหนึ่ง จากนั้นก็กล่าวเสียงเบาว่า “เบาหน่อย เรื่องนี้รับรู้ไว้ในใจก็พอ อย่าได้เอ่ยออกมา”

ฟังแล้วเวินเหยาหยาได้แต่นึกชื่นชมในใจ ที่แท้เด็กสาวเหล่านี้ก็หาใช่โง่งม มิผิด ที่ตลอดหลายปีมานี้ไม่มีหญิงงามล่มเมืองได้เข้าวัง ทุกคนล้วนแล้วแต่ถูกคัดออกในรอบนี้ หญิงสาวที่ผ่านเข้าไป หากไม่มีเครื่องหน้าธรรมดา ก็ต้องมีฐานะเส้นสายที่ไม่มีใครสามารถกดข่มนางได้ คิดมาถึงตรงนี้ เหยาหยาไพล่คิดไปถึงธิดาของเฉิงกั๋วกงขึ้นมา

ต้าเหม่ยจวงมิเพียงมีความงดงามเป็นเอกลักษณ์ยังมีฐานะสูงส่ง หากนางต้องการอยู่ในวังอย่างมั่นคง มีเพียงทางเดียว คือต้องเกาะแข้งเกาะขาต้าเหม่ยจวงเอาไว้ให้แน่น คิดแล้วเหยาหยาก็กวาดตามองไปรอบที่พัก มองดูเด็กสาวหลายคนเริ่มเลือกที่นอนของตัวเอง

เรือนพักแต่ละหลังจะมีหญิงสาวหนึ่งร้อยนาง เครื่องนอนจัดแบ่งเป็นสองฝั่ง ฝั่งละห้าสิบ เหยาหยายืนรอให้ทุกคนเลือกจนครบ แล้วถึงค่อยเดินไปยังชุดเครื่องนอนที่เหลืออีกสองที่ ตัดสินใจเลือกที่ว่างทางซ้ายมือ

เสียงพูดคุยยังดังไม่ขาดระยะ แม้จะแผ่วเบาแต่ยังพอจับใจความได้ ทว่าเหยาหยามิได้ให้ความสนใจมากนัก เพราะนางกำลังรออย่างใจจดใจจ่อ ตามที่คิดไว้ หลังจากผ่านการคัดเลือก ต้าเหม่ยจวงสมควรจะต้องกลับมาพักที่นี่

ผ่านไปราวหนึ่งก้านธูป ต้าเหม่ยจวงก็ปรากฏตัวขึ้นจริงดังคาด เด็กสาวในชุดสีชมพูอ่อนทั้งชุดเยื้องย่างอย่างสง่างามผ่านประตูเข้ามา ความงดงามเป็นเอกลักษณ์ทำให้ทุกสายตาพากันไปหยุดอยู่ที่ร่างของนาง มีเพียงเวินเหยาหยาที่มิได้เงยหน้าจากตำราในมือ เสียงพูดคุยค่อยๆ เงียบลง

เหม่ยจวงกวาดตามองไปรอบห้องคราหนึ่ง กระทั่งสายตาไปหยุดอยู่ที่เครื่องนอนที่ว่าง จากนั้นก็สาวเท้าเดินเข้าไป ไม่ได้มีความเขินอายหรือตกประหม่าเลยแม้แต่น้อย ก่อนที่จะลงนั่ง เหม่ยจวงถามขึ้นลอยๆ ว่า “ที่ตรงนี้ยังไม่มีคนจับจองใช่หรือไม่”

เวินเหยาหยาเงยหน้าขึ้นมามองคนถาม ก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆ ครั้นได้สบตากัน เหม่ยจวงพลันชะงักไปอึดใจ มองสำรวจไปทั่วร่างของเหยาหยา เห็นผิวพรรณของนางซีดเซียว จึงขมวดคิ้วถามไปว่า “เจ้าป่วยหรือ?”

เวินเหยาหยาส่ายหน้าอีกครั้ง ตอบเสียงเบาราวกระซิบว่า “ข้ามิได้ป่วย เจ้าอย่าได้กังวล ข้าเพียงทาบางอย่างลงบนผิวหนังเพื่อกลบเกลื่อนความงามของข้า จะได้ผ่านการคัดเลือกในรอบนี้เท่านั้น”

เหม่ยจวงได้ยินถึงกับหลุดหัวเราะออกมาอย่างเสียกิริยา ไม่นึกว่าจะมีผู้ใดกล้ากล่าววาจาตรงไปตรงมาเช่นนี้ นางกล่าวเสียงกลั้วหัวเราะว่า “ข้าชอบเจ้า พวกเรามาเป็นสหายกันเถิด ข้าแซ่ต้า นามว่าเหม่ยจวง เจ้ามีนามว่าอันใด”

เหยาหยาตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าแซ่เวิน นามว่าเหยาหยา หากอยากเป็นสหายข้า เรื่องที่ข้าพูดไปเมื่อครู่ เจ้าต้องช่วยข้าเก็บเป็นความลับ”

เหม่ยจวงโบกไม้โบกมือไปมา พลางเคลื่อนตัวลงมานั่งข้างกายเหยาหยาบนฟูกเดียวกัน กระซิบเสียงเบาว่า “เรื่องนั้นเจ้าวางใจเถิด แต่เจ้าจะแน่ใจได้อย่างไรว่าจะไม่ถูกจับได้”

เหยาหยาตอบอย่างมั่นใจว่า “ข้าเคยได้ยินมาว่า นางข้าหลวงและนางกำนัลอาวุโสจะตรวจเฉพาะหญิงงามเท่านั้น หากเห็นสตรีใดรูปร่างหน้าตาธรรมดา แต่มีคุณลักษณะดี จะให้ผ่านเข้าไปทันทีโดยไม่เสียเวลามานั่งตรวจ ยิ่งหญิงสาวในปีนี้มีมากกว่าทุกปี ยิ่งไม่มีทางมาสนใจข้า”

เหม่ยจวงพยักหน้าเห็นด้วยกับเรื่องนี้ เพราะก่อนมาที่นี่ มารดาได้กล่าวเตือนนางมาบ้างเช่นกัน ทว่าเหม่ยจวงยังมีเรื่องเป็นกังวล จึงถามไปอีกว่า “แล้วหากเจ้าผ่านเข้าไปแล้ว ถูกจับได้ที่หลัง จะอยู่ได้อย่างเป็นสุขหรือ”

เหยาหยายิ้มเจ้าเล่ห์ กลอกตามองซ้ายมองขวาคราหนึ่ง พอเห็นว่าไม่มีผู้ใดสนใจ ก็โน้มตัวไปป้องปากข้างใบหูของเหม่ยจวง กระซิบอย่างไร้เสียงว่า “ข้ากำลังมองหาหลักเอาไว้ยึดเหนี่ยวอยู่ ข้าเชื่อว่าในสตรีหลายพันคนที่มาที่นี่ ต้องมีสักคนที่มีภูมิหลังแข็งแกร่ง จนมิมีใครกล้ากดข่ม หากข้าติดตามนางได้ ชีวิตย่อมปลอดภัย”

เหม่ยจวงฟังแล้วตาโต อุทานในลำคอ ผินหน้ามามองเหยาหยาอย่างไม่อยากเชื่อสายตา จากนั้นใบหน้าก็เผยรอยยิ้มยโส กล่าวหยอกล้อว่า “ถ้าเช่นนั้น สหาย เจ้าสมควรต้องเกาะขาตัวข้าผู้นี้ให้แน่นแล้ว เพราะภูมิหลังของข้ายิ่งกว่าแข็งแกร่งเสียอีก”

เหยาหยาเอ่ยหยอกล้อกลับไปว่า “หากเจ้ากล้ากล่าวออกมาเยี่ยงนี้ ก็เตรียมตัวเอาไว้ให้ดีเถิด เพราะจากนี้ไป ข้าจะเกาะติดเจ้าประหนึ่งพยาธิในท้องเลยทีเดียว”

ทั้งคู่มองหน้ากัน ก่อนจะพากันหัวเราะออกมา ยิ่งได้พูดคุย เหม่ยจวงก็ยิ่งรู้สึกดีกับเหยาหยา ถึงกับสนทนากับนางต่ออีกหลายประโยค

อันที่จริง เรื่องที่เกี่ยวกับต้าเหม่ยจวง เวินเหยาหยาสืบมาอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นฐานะทางบ้าน อำนาจของครอบครัวรวมไปถึงนิสัยใจคอของอีกฝ่าย และที่สำคัญที่สุดคือต้าเหม่ยจวงมีศักดิ์เป็นหลานสาวของไทเฮา

ต้าเหม่ยจวงเป็นเด็กสาวที่มีจิตใจกว้างขวาง กล้าหาญเด็ดเดี่ยว ชอบความตรงไปตรงมา ไม่เคยทำตัวยิ่งยโส ดูถูกดูแคลนผู้อื่น ทว่าเสียอย่างเดียว นางเป็นธิดาของเฉิงกั๋วกงต้าเส้า หนึ่งในผู้สนับสนุนหลักให้มีการประหารหมู่ในครานั้น

การที่เวินเหยาหยาได้นั่งรถม้ามาพร้อมกับต้าเหม่ยจวงจึงมิใช่เรื่องบังเอิญ ทุกอย่างถูกวางแผนเอาไว้ล่วงหน้ามาเป็นปี

หลังจากบิดาสิ้น เวินเหยาหยาชักชวนมารดาหอบสมบัติที่เหลือเพียงสองชิ้นย้ายมาอยู่อำเภอเดียวกับเฉิงกั๋วกงพร้อมกับความลับมากมายในวังหลังที่ได้ยินได้ฟังมาจากบิดาและพี่ชายตั้งแต่วัยเยาว์ นางมิได้มีเจตนาที่จะมาแก้แค้นผู้ใด เพียงแค่ต้องการมาทวงคืนความยุติธรรมให้ครอบครัวและอีกสามร้อยชีวิตที่ตาย