บทที่ 7 มีเขาอยู่ ไม่เคยเกรงกลัวผู้ใดหน้าไหนในสนามรบ!
เสียงของเครื่องบินรบ ดังกึกก้องในท้องฟ้ายามค่ำคืนไปทั่วทั้งเมือง
ตึกอาคารสูงที่ตกแต่งด้วยแสงไฟตระการตานับไม่ถ้วน กลับหม่นหมองหมดความโดดเด่นลงทันที
ผู้คนที่อยู่ด้านหน้าประตูโรงพยาบาลกลางเมืองเจียงไห่ เวลานี้ต่างก็เงยหน้าขึ้นมองกันทั้งหมด พบว่าเป็นเครื่องบินรบแปดเหลี่ยมลำหนึ่งที่กลมกลืนเข้ากับท้องฟ้าอันมืดมิดได้เป็นอย่างดี!
บดบังท้องฟ้าและดวงจันทร์อย่างมิดชิด!
ราวกับเมฆดำกดทับอยู่บนเมือง จนเมืองแทบจะพังทลายลง!
เดิมทีทุกคนนึกว่าเครื่องบินรบที่มีขนาดใหญ่ลำนี้จะเป็นของชนชาติอื่น!
แต่น่าเสียดายที่บนเปลวไฟสีฟ้าที่พ่นปะทุออกมาจากเครื่องยนต์ของเครื่องบินลำใหญ่นี้กลับพบว่า มีธงชาติที่อยู่ด้านบนคือ
ธงมังกร ของประเทศหลง!
ภาพเหตุการณ์นี้ ทำให้ทุกคนตกตะลึงกันไปทั้งหมด!
แม้ว่าจะเป็นเพียงเครื่องบินรบลำหนึ่ง แต่แสนยานุภาพที่แสดงออกมานั้น กลับถึงขนาดทำให้ทุกคนรับรู้ว่ามีเครื่องบินรบอยู่จำนวนนับไม่ถ้วน!
ประเทศหลงมีอาวุธยุทโธปกรณ์สงครามประเภทนี้ในครอบครอง!
ทุกคนในสถานที่แห่งนี้ ต่างก็รู้สึกเป็นเกียรติอย่างที่สุด!
และทำให้ความภาคภูมิใจที่พลุ่งพล่านในจิตใจนั้น พุ่งสูงขึ้นเต็มขั้น ในเวลาเพียงพริบตาเดียว!
เสียงกึกก้องของเครื่องบินรบดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เวลานี้ได้หยุดลอยอยู่ที่ด้านหน้าชั้นยี่สิบแปดของโรงพยาบาล ทุกคนจึงพากันเบิกตาโพลง
จิตใจเต็มไปด้วยความสงสัย
ไม่รู้ว่าเครื่องบินรบลำใหญ่ขนาดนี้ ทำไมถึงได้มายังสถานที่แห่งนี้ได้!
ภายในห้องผู้ป่วยชั้นยี่สิบแปด เมื่อปู่หูมองเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว ก็สะดุ้งถึงขั้นหยุดหายใจเลยทีเดียว
ถึงขนาดที่ลืมไปเลยว่า เขายังคงตกอยู่ในสภาพการณ์ที่อันตรายเป็นอย่างมาก
เย่อู๋เทียนบีบขยี้มีดเหล็กกล้าในมือของปู่หูจนแหลกละเอียด แล้วก็ถูกดึงดูดจากการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นทางด้านหลัง จนต้องหันมองไปดู
เครื่องบินรบที่อยู่ด้านนอกนั้น เย่อู๋เทียนคุ้นเคยอย่างที่สุดแล้ว
ซึ่งเคยเป็นพาหนะของเย่อู๋เทียนมาก่อน
โดยมีชื่อรหัสว่า เวยหลง
ตอนนี้สังกัดทำหน้าที่อยู่ในหน่วยรบเก่าของเย่อู่เทียน
กองทัพชิงตี้!
ประตูห้องหลักของตัวเครื่องบินรบค่อย ๆ เปิดออก โดยผู้ที่เดินนำหน้าออกมาจากด้านในนั้น คือเด็กหนุ่มคนหนึ่งในชุดทหาร
ซึ่งมีท่วงท่ายืนตรงดุจดั่งกระบี่
ทุกการเคลื่อนไหว สง่างามไม่ธรรมดา
เมื่อเย่อู๋เทียนมองเห็นเขาแล้ว ก็ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
เพราะว่าเขาไม่รู้จักเด็กหนุ่มคนนี้
แต่ เมื่อปู่หูมองเห็นเด็กหนุ่มคนนี้แล้ว ดวงตาก็แทบจะกระเด็นออกมาจากเบ้าเลย
เผยจื่อตง!
หนึ่งในร้อยจอมพลแห่งประเทศหลง ที่มีอายุน้อยที่สุด
ถือกำเนิดขึ้นในตระกูลเผยแห่งเมืองเจียงไห่
ตระกูลเผยนั้น ถือว่ามีอิทธิพลอำนาจที่เหนือกว่าตระกูลเย่แห่งเมืองเจียงไห่เป็นอย่างมาก
ถ้าหากในตอนนั้นตระกูลเย่แห่งเมืองเจียงไห่ไม่ได้ถือกำเนิดผู้ที่คนอื่นเรียกขานว่าชิงตี้แล้ว ก็คงจะเป็นเพียงแค่ตระกูลนักธุรกิจระดับสองของเมืองเจียงไห่เท่านั้น
ส่วนตระกูลเผยไม่เป็นเช่นนั้น นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีการถ่ายทอดสืบต่อกันมาหลายรุ่นแล้ว
มีรากฐานที่เป็นปึกแผ่นมั่นคง!
นี่ต่างหากถึงจะเรียกว่าวงศ์ตระกูลใหญ่อย่างแท้จริง!
เผยจื่อตงผู้นี้ ถือว่าเป็นผู้เก่งกาจอัจฉริยะในคนรุ่นหลังของเมืองเจียงไห่ ซึ่งในเมืองเจียงไห่นี้ เขาได้ทำตัวกำเริบเสิบสาน จนชื่อเสียงของคุณชายใหญ่ตระกูลเผย เป็นที่โด่งดังรู้จักกันไปทั่ว
เป็นถึงยอดคุณชายตระกูลเศรษฐีในบรรดาคุณชายตระกูลเศรษฐี
แม้ว่าจะเป็นคุณชายตระกูลเศรษฐีแนวหน้าแห่งเมืองหลวง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าของเผยจื่อตงแล้ว ก็เป็นเพียงแค่ระดับธรรมดาเท่านั้น
ในตอนที่ปู่หูยังเป็นลูกน้อง ยังเคยได้เทกระโถนปัสสาวะของเผยจื่อตงตอนเด็กด้วย
จนบัดนี้ ปู่หูเองก็ยังคงถือว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่ง
วันนี้เมื่อเห็นเผยจื่อตงนั่งเครื่องบินรบที่ทรงแสนยานุภาพมา ทันใดนั้นลักษณะท่าทางก็ยิ่งเหิมเกริม ราวกับว่ามีที่พึ่งพิง
แต่เหตุการณ์ต่อมาหลังจากนั้น กลับทำให้ปู่หูย่ำแย่จิตใจห่อเหี่ยวลงอย่างหนัก!
เผยจื่อตงเดินมาตรงที่ด้านข้างประตูหลักของห้องเครื่องบินรบ โค้งตัวลงแล้วบันไดก็เปิดออกมา
บันไดยืดยาวออกมาจากตัวห้องเครื่องบินรบไปจนถึงหน้าระเบียงของห้องผู้ป่วยชั้นยี่สิบแปด แล้วเผยจื่อตงก็ยืนอยู่ที่ด้านข้างราวกับว่าเป็นผู้อารักขา
ไม่รู้ว่าทำไม เผยจื่อตงถึงได้ยืนตรงอยู่ที่ประตูหลักของห้องเครื่องบินรบนั้น ซึ่งสายตาก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองมาที่ตัวของเย่อู๋เทียน
บนหน้าผากมีเหงื่อไหลออกมาเต็มไปหมด
ราวกับว่าเกิดความประหม่าเป็นอย่างมาก
เสมือนกับผู้ที่หลงใหลคลั่งไคล้ ในที่สุดก็ได้มีโอกาสพบเจอกับไอดอลของตนเองแล้ว
ความเร่าร้อนที่พุ่งทะยานขึ้นในจิตใจนั้น คนทั่วไปยากที่จะเข้าใจได้
หลังจากนั้น ก็มีชายสิบกว่าคนในชุดทหาร ที่บนบ่าประดับดาวยศทหารชั้นจอมพล ทยอยเดินออกมาจากประตูห้องเครื่องบิน และเดินไปสู่ระเบียงของห้องผู้ป่วย
แต่ละคนมีท่วงท่าน่าเกรงขาม องอาจสง่างาม!
คนที่เป็นผู้นำนั้น คือเด็กหนุ่มที่มีอายุรุ่นราวเดียวกันกับเย่อู๋เทียน ซึ่งก็คือลูกชายของเฉาปั้นเสียน
ลูกศิษย์ที่ได้รับการถ่ายทอดโดยตรงจากเย่อู๋เทียน
ผู้นำของหนึ่งร้อยยอดจอมพลทหารแห่งประเทศหลง
เฉาจ้านหยาง!
ปู่หูที่อยู่ในที่แห่งนี้ รวมถึงพวกลูกน้องที่ปู่หูพามาด้วยนั้น
ทันทีที่เห็นเฉาจ้านหยางและคนอื่น ๆ มีดเหล็กกล้าในมือก็ร่วงตกลงพื้น ทีละเล่มทีละเล่ม พวกเขาทุกคนต่างก็ตกใจจนร่างกายอ่อนแรงและตัวสั่นเทาไปหมด!
รวมไปถึงเฉินเหวินจิ้งที่อยู่ด้านข้างของเย่อู๋เทียน เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้แล้ว ก็เกือบที่จะทรุดตัวลงไปกับพื้นเช่นกัน
นี่ ก็คืออานุภาพความน่าเกรงขามของทหาร!
เฉาจ้านหยางได้นำพวกจอมพลมายังเบื้องหน้าของเย่อู๋เทียน แล้วทั้งหมดก็คุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้น มือข้างหนึ่งกุมไปที่ทรวงอก โดยที่เฉาจ้านหยางได้นำตะโกนเสียงดังขึ้น
“พลทหาร เฉาจ้านหยาง ยินดีต้อนรับการกลับมาของชิงตี้! ”
เสียงตะโกนดังกึกก้อง
พวกจอมพลที่อยู่ด้านหลังของเฉาจ้านหยาง ก็พากันตะโกนเสียงดัง ทั้งหมดร่วมยินดีต่อการกลับมาของเย่อู๋เทียน!
ผู้ชายร่างใหญ่โตสิบกว่าคนนั้น ยากที่จะยับยั้งความตื่นเต้นดีใจเอาไว้ได้
จนถึงกับร้องไห้น้ำตาไหลออกมาเลย!
ในอดีต เย่อู๋เทียนได้เคยนำพาพวกเขาเข้าสู้รบในศึกสงคราม ผู้ใดที่จะสามารถเข้าใจถึงมิตรภาพความผูกพันธ์นี้ได้ล่ะ?
วันนี้ เย่อู๋เทียนกลับมา พวกชายที่เยี่ยมยอดทั้งหลายต่างก็พากันร้องไห้น้ำตาไหล!
ราวกับว่าเพียงแค่มีเย่อู๋เทียนอยู่
พวกเขา
เข้าสู้รบสังหารศัตรูในศึกสงคราม ปกป้องรักษาดินแดนอาณาเขต อย่างที่ไม่เคยต้องเกรงกลัวผู้ใดหน้าไหนในสนามรบเลย!
เผยจื่อตงที่ยืนอยู่ด้านข้างประตูห้องเครื่องบินรบ ด้านนอกของห้องผู้ป่วยนั้น เวลานี้ก็ยากที่จะสงบจิตใจที่ตื่นเต้นได้ จนถึงกับร้องไห้ออกมา แต่ก็ยังยืนตรงอยู่ที่ตรงนั้น โดยที่ไม่ขยับเคลื่อนไหว!
เย่อู๋เทียนกวาดตามองไปที่เฉาจ้านหยางและคนอื่น ๆ พร้อมกับยกมือขึ้น เพื่อให้สัญญาณพวกเขาลุกยืนขึ้น
แต่เฉาจ้านหยางและคนอื่น ๆ กลับไม่ยอมที่จะลุกขึ้น
ถึงขนาดที่มีคนร้องไห้เสียงดังออกมาเลย
ปู่หูกับพวกลูกน้องของเขาเมื่อเห็นภาพเหตุการณ์นี้แล้ว จึงเข้าใจได้ในทันที
เดิมที ผู้ชายที่อยู่เบื้องหน้าที่มีผมยาว หนวดเครารุงรัง ราวกับขอทานคนนี้ ก็คือคนของตระกูลเย่คนนั้น......
ชิงตี้!
เมื่ออยู่ต่อหน้าของเขา ต่อให้เป็นถึงจอมพลชื่อดังและมีอายุน้อยที่สุดอย่างเผยจื่อตง ก็ยังทำได้เพียงแค่ยืนอารักขาอยู่ด้านนอก แม้แต่คุณสมบัติที่จะมาคุกเข่าทำความเคารพอยู่เบื้องหน้าก็ยังไม่มีเลย
เย่อู๋เทียนเห็นท่าทางของเฉาจ้านหยางและคนอื่น ๆ แล้ว ก็เงียบไม่พูดอยู่เป็นเวลานาน
เจ็ดปีแล้ว
พวกเขาไม่เคยเปลี่ยนแปลงเป็นอื่นเลย
ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไร เย่อู๋เทียนจึงได้พูดขึ้นว่า: “ผู้ชายทุกคนนั้น จะต้องแข็งแกร่งยืนหยัดดั่งภูเขา สงบนิ่งราบเรียบดั่งแผ่นเหล็ก พวกนายจะมัวมาร้องไห้อะไรกันอยู่ได้? ”
เฉาจ้านหยางสีหน้าจริงจัง และพูดขึ้นว่า: “รอมานานเจ็ดปีแล้ว! ”
เย่อู๋เทียนสูดหายใจลึก และถามขึ้นว่า: “เขตพรมแดน ยังคงสงบและปลอดภัยดีอยู่ใช่ไหม? ”
เฉาจ้านหยางตอบกลับว่า: “เขตพรมแดนทั้งสี่ทิศยังคงสงบและปลอดภัย! ”
เย่อู๋เทียนพูดขึ้นว่า: “ลุกขึ้นเถอะ หลายปีมานี้ พวกนายลำบากและเหน็ดเหนื่อยกันน่าดูเลย”
เฉาจ้านหยางและคนอื่น ๆ จึงได้ลุกยืนขึ้น
สายตาแต่ละคู่ ต่างก็จับจ้องมาที่ใบหน้าของเย่อู๋เทียน
เย่อู๋เทียนจึงได้ชายตามองไปที่ปู่หู
ทันใดนั้น ปู่หูก็รู้สึกได้ว่าเหมือนถูกลูกธนูยิงทะลุผ่านหัวใจ ควบคุมตัวเองไม่อยู่ จึงได้คุกเข่าลงไปที่พื้น โดยยากที่จะพูดอะไรออกมา
ส่วนพวกลูกน้องที่ปู่หูพากันมานั้น
โดยเฉพาะชายวัยกลางคนหัวล้านที่พาคนมาขโมยเครื่องมือการแพทย์ในห้องผู้ป่วยนั้น
เวลานี้ต่างก็ทยอยคุกเข่าลงไปที่พื้นทันที
ถึงขนาดที่ว่ามีอยู่คนหนึ่ง ตกใจจนเสียชีวิตไปเลย เพราะตับและถุงน้ำดีแตกระเบิด!
เย่อู๋เทียนมองไปที่พวกเขา และหันมาพูดกับเฉาจ้านหยางว่า: “ฉันยังมีเรื่องที่ต้องทำ จัดการพวกเขาออกไปให้หมด อย่าได้มายุ่งวุ่นวายอะไรฉันอีก! ”
เฉาจ้านหยางรับคำสั่ง และเดินตรงเข้าไปหาปู่หู
เมื่อเห็นชิ้นเศษมีดเหล็กกล้าที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของอีกฝ่ายแล้ว เฉาจ้านหยางก็พลันเข้าใจได้ถึงอะไรบางอย่างแล้ว
ปู่หูเพียงแต่กล้าที่จะมองไปที่ปลายเท้าของเฉาจ้านหยางด้วยความสั่นเทาเท่านั้น ขณะที่กำลังจะพูดอะไรขึ้น ก็รู้สึกเหมือนว่าศีรษะถูกรถพุ่งชนใส่อย่างไรอย่างนั้น!
เปรี๊ยะ!
เฉาจ้านหยางใช้มือตบเข้าไปที่ใบหน้าของปู่หู
ปู่หูก็พลันกระเด็นลอยไปไกลกว่าสามเมตร และคุกเข่าอยู่ที่พื้นราวกับสุนัข
“ไว้ชีวิตฉันสักครั้ง! ครั้งนี้ไว้ชีวิตฉันสักครั้งเถอะ! ฉันเองก็มาทำงานเพื่อพ่อของชิงตี้! ฉัน......”
ไม่ทันรอให้ปู่หูพูดจบ เย่อู๋เทียนก็พูดขึ้นอีกครั้ง
ด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก
“ให้พวกมันไสหัวไปเดี๋ยวนี้! ”
เฉาจ้านหยางและคนอื่น ๆ ได้ทำการเคลียร์สถานที่แห่งนี้ อย่างรวดเร็วที่สุด
ผ่านไปเพียงชั่วครู่ ภายในห้องผู้ป่วยขนาดใหญ่ ก็เหลือกันอยู่เพียงแค่สี่คน
เย่อู๋เทียน เฉินเหวินจิ้ง เย่จูนหลิน รวมถึงหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยนั้น
เย่อู๋เทียนได้หยิบเข็มทองออกมาอีกครั้ง และเดินเข้าไปที่เตียงผู้ป่วย
เฉินเหวินจิ้ง......
ทำได้เพียงปิดปากเงียบไม่พูดอะไร!
