คอนเทนต์ที่ 9 แค่เพื่อน?
"จะไปเรียนแล้วเหรอ"
กวินทร์เอ่ยถามออกไปพร้อมกับจีบนิ้วยกกาแฟขึ้นจิบแบบมีมาด แต่น่าหมั่นไส้เหลือเกินสำหรับนาเดีย
"ใส่ชุดนี้คงไม่ได้ไปผับมั้งคะ"
"นี่แม่คุณ คนเขาถามดีๆ อย่าตีรวนได้ไหม"
สาวน้อยยักไหล่เหมือนไม่แคร์ส่งไปให้คนเสียงเขียวตรงหน้า ก่อนจะหันมาจัดการกับอาหารเช้าง่ายๆ ให้ตัวเอง
"กินแบบนั้น อิ่มรึไง"
ชายหนุ่มอดถามออกมาไม่ได้เมื่อเห็นสาวน้อยเลือกทานแต่โยเกิร์ตผสมผลไม้สดเท่านั้น
"อิ่มค่ะ หนูก็กินแบบนี้ประจำ ไม่หนักท้องดี"
"มิน่าถึงได้เตี้ยแบบนั้น"
ช้อนที่กำลังตักเตรียมเอาเข้าปากหยุดชะงักไปหน่อยกับคำพูดเชิงเสียดสีนั่น แววตาไม่พอใจเปล่งแสงออกมาตามอารมณ์ ไอ้ใจที่แอบคิดว่าเขาคงนึกห่วงอยู่บ้างจึงถามออกมาถึงกับแฟบลงทันที
"อย่ามาบูลลี่กันนะคะ หนูไม่ได้เตี่ย! ก็แค่กำลังโต"
"อยู่มหาลัยเขาไม่เรียกว่ากำลังโตแล้วมั้ง เตี้ยก็คือเตี้ยยอมรับความจริงสิ"
"เขาเรียกตัวเล็กค่ะ ตัวเล็กสเปคหนุ่มน้อยไม่เคยได้ยินรึไง หุ่นแบบนี้แหละหนุ่มๆ วิ่งตามเป็นขบวน"
พระเอกหนุ่มก็พอจะรู้อยู่หรอกนะว่าอีกฝ่ายมีเสน่ห์และจัดว่าหน้าตาดีมากคนหนึ่ง แต่การที่เธอมาพูดแบบนี้ทำเอาเขาอดหมั่นไส้จนหงุดหงิดไม่ได้
"รีบกิน เดี๋ยวไปส่ง"
"ไม่ต้องค่ะ หนูไปเองได้ ขึ้นแท็กซี่เป็น" สาวน้อยตอบโต้ไปเสียงออกห้วน
นี่เธอไม่ได้เป็นคนไร้มารยาทอะไรขนาดนั้นหรอกนะ เธอคงจะตอบเสียงปกติให้นั่นแหละถ้าเขาจะไม่ใช้น้ำเสียงที่เหมือนว่ากำลังตะคอกอยู่ก่อนแบบนั้น
"ก็บอกว่าจะไปส่งไง ไม่ได้ยินหรือ อย่าดื้อ"
"ได้ยิน! แล้วก็ได้ยินชัดด้วยค่ะ แต่ก็บอกไปแล้วเหมือนกันนี่คะว่า จะ-ไป-เอง"
"คนเขาได้นินทากันสนุกปากแหละ ว่าสามีสุดเพอร์เฟกต์ปล่อยให้ภรรยาขึ้นแท็กซี่ไปเรียนเองคนเดียว"
"ชิ! สุดท้ายก็แค่สนใจภาพลักษณ์!"
"เธอก็เหมือนกันนั่นแหละ ห่วงภาพลักษณ์หน่อย หรือกลัวว่าหนุ่มๆ จะเห็น"
สองคู่รักข้าวใหม่ปลามันตั้งหน้าเถียงกันอย่างไม่ลดราวาศอก ทว่าสุดท้ายนาเดียก็ต้องยอมให้กวินทร์ไปส่งอยู่ดีเพราะหาคำมาเถียงเขาไม่ได้ ทั้งรถเงียบกริบเพราะไม่มีใครยอมพูดอะไรออกมา ทว่าความเงียบก็ไม่อาจเดินทางได้ตลอดถึงฝั่ง เมื่อสงครามฝีปากดูเหมือนจะปะทุขึ้นมาอีกรอบเพราะ...
"ทำไมจะเข้าไปส่งใต้ตึกไม่ได้ หรือว่านัดใครไว้"
"เอ๊ะ คุณนี่! พูดอะไรน่าเกลียด หนูกลัวคนเขาแตกตื่นต่างหากล่ะตอนเห็นคุณ"
"นั้นมันก็เรื่องปกติอยู่แล้ว ก็สามีเธอเป็นพระเอกดัง"
"สามีปลอมๆ ค่ะ แล้วก็เก็บความมั่นใจของคุณเอาไว้บ้างก็ดีนะคะ อย่าใช้มันพร่ำเพรื่อนักเลย"
น้ำเสียงระอาอย่างไม่ปิดบังนั่นทำเอาชายหนุ่มหัวเราะออกมาหน่อยและสุดท้ายก็ต้องยอมเธอ
"อืม ส่งแค่หน้าทางเข้าก็ได้ แล้วตอนเย็นเลิกกี่โมงเดี๋ยวมารับ"
สาวน้อยตอบเวลาเลิกมาให้ในขณะที่คนถามได้แต่พยักหน้ารับบทสนทนาจึงถูกตัดจบลงแค่นั้น ตาคมยังไม่วายมองตามร่างแน่งน้อยที่เดินห่างออกไปเรื่อยๆ
"เดีย"
เสียงเรียกอันบ่งบอกได้ว่าไม่ได้อยู่ในอารมณ์ปกติดังขึ้น พร้อมเจ้าของเสียงเดินดุ่มๆ มาหา ในขณะที่เน็ตไอดอลสาวได้แต่ส่งยิ้มหวานไปให้
"เรียว "
"ไม่ต้องมาทำหน้ายิ้มเลย อธิบายมาว่าเรื่องมันเป็นยังไง"
"เรื่อง ?"
คนถูกถามทำเสียงขัดใจไปให้มาหน่อยหนึ่ง ก่อนจะจับมือเธอข้างที่สวมแหวนแต่งงานขึ้นมาพลางเอ่ยถามเสียงมึนตึง
"ก็ตามนั่น ชั้น..แต่งงานกับคุณกวินทร์แล้ว"
"อันนั้นน่ะรู้ แต่ที่จะถามคือแกไปรักเขาตอนไหนต่างหาก"
ชายหนุ่มเอ่ยถามเธอไปตรงๆ ความไม่พอใจก่อตัวขึ้นมากมายพอๆ กับที่นึกสงสัยในเรื่องนี้
เขากับนาเดียเป็นเพื่อนกันมานาน นานมากพอที่จะทำให้ชายหนุ่มเปลี่ยนความรู้สึกจากคำว่าเพื่อนเป็นอย่างอื่น ยิ่งเมื่อครั้งนาเดียและเขาเคยคุยกันไว้ว่าถ้าหากวันข้างหน้าไม่มีใครจะลองหันกลับมาคบกันเอง นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเรียวจึงยังไม่เปิดใจรับใครเข้ามาในชีวิตเสียที แต่วันนี้หญิงสาวกับหนีเขาไปแต่งงานเสียนี่ มันจะไม่ให้เขาโมโหได้ยังไง
"ก็ ตั้งแต่ถ่ายรายการนั่นแหละ เอาน่า อย่าเพิ่งถามมากเลย ไปเข้าเรียนกันเหอะ"
นาเดียลากแขนเพื่อนสนิทของตัวเองไปด้วยกันอย่างคุ้นชิน แม้ว่าอีกฝ่ายจะมีสีหน้าที่ยังคงบึ้งตึงก็ตาม
"นี่กวินทร์ มีอะไรรึเปล่าทำไมวันนี้สีหน้าดูเหวี่ยงๆ พิกล ทะเลาะกับหนูนาเดียมาอีกหรือไง"
ปลื้มกอดอกเอ่ยถามคนในสังกัดด้วยสีหน้าสงสัย เพราะวันนี้คุณดาราใหญ่ลูกรักของเธอเหมือนจะอารมณ์ไม่ดีเอามากๆ ผิดแปลกไปจากทุกวัน แต่ก็ยังดีว่ากวินทร์เองก็เป็นมืออาชีพมากพอที่จะเก็บอาการไม่ให้คนอื่นจับสังเกตได้ ทว่าไม่ใช่คนที่รู้ไส้รู้พุงกันดีแบบปลื้ม
"แค่เรื่องลับฝีปากกับเด็กนั้น มันไม่ทำให้ผมหงุดหงิดได้หรอกครับ"
"แล้วเรื่อง?"
"เอ่อ พอดีรถมันติดน่ะครับ แล้วอากาศก็คงร้อนด้วย ก็เลย เหมือนอารมณ์เสียไปหน่อย"
"เหรอ เออๆ ยังไงก็เก็บอารมณ์ให้ดีล่ะ เดี๋ยวเขาจะเมาส์เอาได้ ว่าเธอทะเลาะกับเมีย"
ดาราหนุ่มพยักหน้าหงึกหงักเป็นเชิงเข้าใจ ผู้จัดการมือทองเลยเดินออกจากห้องแต่งตัวไป ทิ้งให้ชายหนุ่มนั่งจอมจมกับความคิดและอารมณ์หงุดหงิดเพียงคนเดียว
ภาพของนาเดียเมื่อตอนเช้ายังคงติดตาอยู่ไม่จาง เมียเด็กที่ยิ้มแย้มกับผู้ชายคนอื่นอย่างสนิทสนมจนสามารถจับมือถือแขนกันได้แบบนั้น มันคือต้นเหตุแห่งความหงุดหงิดที่แท้จริงของกวินทร์ในตลอดเกือบทั้งวันที่ผ่านมา เวลาอยู่ด้วยกันรอยยิ้มสดใสของเธอแทบไม่มีให้เขาเลยถ้าไม่ได้อยู่หน้ากล้อง กลับมีให้อีกคนโดยฝ่ายนั้นไม่ต้องร้องขอด้วยซ้ำ
'หรือว่าพวกเขาจะคบกันก่อนที่จะมาแต่งงานกับเรา'
ครุ่นคิดแล้วหงุดหงิดอยู่แบบนั้นนานสองนาน พวกเขาอายุเท่ากันแถมหมอนั่นยังเด็กกว่าเขามาก ถ้ายัยหนูนั่นชอบเด็กหนุ่มๆ มากกว่าล่ะ แค่คิดหัวใจเขาก็กระตุกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก
"ทีกับคนอื่นน่ะยิ้มได้ยิ้มดี ทีเรานะแทบจะกระโดดกัดอยู่แล้ว แล้วเด็กคนนั้นเป็นใครกันแน่นะ แฟนเหรอ ไม่ใช่หรอก คงแค่เพื่อนแหละ"
ดาราดังถามเองตอบเองราวเล่นปาหี่อับดุลย์ยังไงอย่างนั้น ความรู้สึกไม่ชอบหน้าเด็กผู้ชายคนนั้นมันเกิดขึ้นเองจนกวินทร์ยังได้แต่นึกงง
งงตัวเองที่อิจฉาเด็ก งงตัวเองที่เอาแต่คิดเรื่องยัยเด็กปากดีนั่นอยู่แบบนี้
"ก็แค่เมียปลอมๆ เหอะ ไม่เห็นต้องใส่ใจเลย ยัยนั่นจะไปสนิทสนมกับใครก็ช่างสิ"
ถึงจะพร่ำบอกตัวเองแบบนั้น ทว่าอารมณ์ในใจของชายหนุ่มตอนนี้กลับยังไม่มีทีท่าว่าจะสงบลงง่ายๆ เลย
"แต่มันก็ต้องรักษาภาพพจน์มั้ย เด็กหนอเด็กทำอะไรไม่ห่วงความรู้สึก เอ๊ย ห่วงชื่อเสียงคนอื่นบ้าง"
แล้ววันนั้นทั้งวันก็ดำเนินไปกับคำถามมากมายที่ผุดขึ้นมาราวกับดอกเห็ดของพระเอกหนุ่มมาดคุณชาย
*****
