ตอนที่ 8
เฮ้ยยย นับดาวรู้สึกว่าตัวเองแก่ลงไปมากแค่ช่วงเวลาสองสามวันนี้ ความคาดหวังที่อยากเป็นคนไร้ตัวตนในสายตาประธาน ดูท่าแล้วคงเป็นไปไม่ได้เสียแล้ว แม้ว่าเขาจะมองเธอเป็นเพียงนักศึกษาฝึกงานเท่านั้นก็ตามทีเถอะ จะให้ทำไงละก็เธอเป็นพวกร้อนตัวนี่น่า
“ดาวเที่ยงกว่าแล้ว ทานอะไรดีจ่ะ” !! นับดาวนั่งถอนหายใจจนลืมเรื่องที่ต้องออกไปข้างนอกกับท่านประธานไปเลย
“ดาวต้องออกไปข้างนอกค่ะ” พูดจบเธอก็คว้ากระเป๋าและวิ่งไปที่ลิฟท์ นิ้วชะงักเธอลังเลว่าจะกดขึ้นหรือกดลงดี ตอนนี้เธอไม่มีเรี่ยวแรงเหลือ เธอจึงใช้ลิฟท์แทนบันไดหนีไฟขึ้นไปชั้นหก ขึ้นไปก่อนแล้วกัน!
ก็อก ก็อก ไม่รู้ว่าจะมีใครอยู่หรือเปล่า แต่เคาะก่อนผลักเข้าไปก็น่าจะดีกว่า ในห้องมีแค่เขายืนหันหลังให้ประตู เขากำลังยืนดูอะไรที่ผนังกระจกด้านหลังโต๊ะทำงานของเขาหรือแค่กำลังรอ
“ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว?” ทิวาหันกลับมาเอ่ยถาม นับดาวพยักหน้ารับเงียบๆ
“งั้นเราก็ไปกันได้แล้วใช่มั้ย” เสียงพร้อมรักดังมาจากด้านหลังของนับดาว เพราะนับดาวไม่ได้เดินเข้าไปในห้อง เธอก็จับประตูที่เปิดกว้างไว้และยืนอยู่ตรงนั้น
นับดาวแอบยิ้มและโล่งอกอยู่เงียบๆ เพราะเธอกำลังหนักใจที่จะต้องไปไหนกับเขากันเพียงลำพัง แม้จะเป็นเรื่องงานก็ตามที และสีหน้าผ่อนคลายนั้นทิวาดันไปเห็นโดยบังเอิญ
ทิวานั่งประจำตำแหน่งหลังพวกมาลัย ข้างกายแน่นอนว่าต้องเป็นพร้อมรัก เบาะหลังฝั่งพร้อมรักเป็นนับดาวที่นั่งชิดประตูหลุดกรอบกระจกส่องหลัง ทำให้ตลอดการเดินทางทิวาไม่อาจเห็นนักศึกษาฝึกงานที่ผันตัวมาเป็นผู้ช่วยชั่วคราวของเขา
นับดาวไม่ได้ถามว่าตลาดสาขาไหนที่เขาจะไป แต่เมื่อรถขับออกมาได้ยี่สิบนาที ดวงหน้าหวานก็ค่อยๆเปลี่ยนไป เพราะนี่มันเส้นทางกลับบ้านของเธอนิ หรือว่า! ความโล่งอกเกิดขึ้นได้ไม่นาน...และยี่สิบนาทีต่อมาสิ่งที่เธอกลัวก็เป็นจริง นี่ตลาดใกล้บ้านเธอ และเป็นตลาดที่แม่เซ้งแผงขายขนมหวานไว้ด้วย แม่ค้าในตลาดเกือบครึ่งต่างก็รู้จักเธอรวมถึงคนดูแลที่นี่
“ตลาดที่นี่ เป็นของคุณแม่ และมันก็ได้เวลารีโนเวทแล้ว ผมอยากให้คุณช่วยคุมเรื่องการเบิกจ่ายแทนผม” นับดาวเข้าใจแล้ว ตลาดที่นี่จะเป็นงบประมาณส่วนตัวซึ่งเขาจะเป็นคนจ่ายเองทั้งหมด เป็นแบบนั้นก็หมายความว่าเธอก็มีเรื่องราวให้ต้องพบและวุ่นวายกับเขามากขึ้นไปอีกสิ นี่มันอะไรกัน ยิ่งหนียิ่งเจอชัดๆ
แต่ก่อนที่พวกเขาจะเดินสำรวจ เทวาบอกให้หาอะไรกินกันก่อน เขาไม่ได้เลือกร้านในตลาดหรือข้างทางใกล้ๆตลาด เขาจอดรถหน้าร้านอาหารที่ไม่ไกลจากตลาดมากนัก เป็นร้านที่พวกเขานั่งได้อย่างสบายกายสบายใจ
“พวกคุณทานกันไปเลยนะคะ เดี๋ยวหนูขอเข้าไปในตลาดก่อนค่ะ” นับดาวรีบพูดไม่รอคำอนุมัติต่อคำพูดของเธอ เธอหันหลังให้ทั้งสองทันทีและมุ่งหน้าเดินไปในทิศทางของตลาด
“ไม่ต้องเรียกหรอกค่ะ ดูแล้วคงไม่กล้านั่งร่วมโต๊ะกับเราหรอก อีกอย่างเธอโตแล้วถ้าหิวก็คงหาอะไรกินเองได้” พร้อมรักเอ่ยขัดเมื่อทิวาทำท่าจะตาม
ทางด้านนับดาวเมื่อรอดออกมาได้ ก็รีบไปที่แผงขายขนมของแม่ เวลานี้แม่เธอต้องอยู่ที่แผงพร้อมหญิงสาวชาวต่างชาติที่เข้ามารับจ้างทำงานอย่างถูกกฎหมายในประเทศ กำลังช่วยแม่ของเธอตักขนมขายลูกค้าที่เดินเข้ามาสั่งอย่างต่อเนื่อง
“ดาว มาได้ไงเนี่ย”
“มาทำงานจ่ะแม่ แม่จ๋าหิวจังเลย”
“น้องดาวรอพี่ เดี๋ยวพี่ไปสั่งเตี๋ยวแห้งของโปรดให้ดีมั้ย” นับดาวหันไปพยักหน้ารับด้วยความดีใจ และเข้าประจำตำแหน่งแทนพี่สาวชาวต่างชาติ ช่วยแม่จัดแผงขนมย้ายถาดเก่าที่หมดแล้วออก หยิบถาดใหม่เข้ามาเติม
“แล้วตกลงมาไง”
“มาสำรวจตลาดที่นี่จ่ะ ท่านประธานจะปรับปรุงใหม่” อ่อ ประภาเข้าใจ จะว่าไปที่นี่ก็ครบวาระที่ต้องปรับปรุงแล้วจริงๆ
“แล้วทุกอย่างเรียบร้อยดีใช่มั้ย” นับดาวพยักหน้ารับ เธอไม่ได้เล่าให้แม่ฟังทุกเรื่อง แม้แต่วันนี้ที่เธอนั่งรถมากับประธานเธอก็ไม่ได้บอก ตลาดใหญ่โตคงไม่บังเอิญเจอกันหรือเจอกันก็ไม่เป็นไรเพราะไม่ได้รู้จักกัน เธอกะว่าเดี๋ยวกินเสร็จก็จะไปที่สำนักงานของตลาดคุยกับลุงตุ่มคนดูแลที่นี่ เอารายละเอียดกลับไปเพราะการเดินสำรวจเธอคงไม่ต้องก็ได้สำหรับตลาดที่นี่
ความผิดพลาดครั้งใหญ่ของนับดาวคือเธอคิดไม่รอบคอบ เพราะการที่เธอปลีกตัวออกมาจากทิวาที่ต้องทำงานร่วมกัน เขาต้องสั่งการเธอ แต่จู่ๆเธอก็หายตัวไป และเขาไม่มีแม้แต่เบอร์ติดต่อรวมถึงชื่อเสียงเรียงนามของเธอ จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้ ไม่จำเป็นที่ประธานบริษัทใหญ่โตจะต้องรู้จักชื่อพนักงานตำแหน่งทั่วไปทุกคน เพราะงั้นตำแหน่งเด็กฝึกงานไม่จำเป็นยิ่งกว่า แต่ตอนนี้ทิวาไม่รู้จะไปหาเธอจากที่ไหน
เขาจึงโทรกลับไปที่ออฟฟิศฝ่ายบุคคล เดชะบุญของนับดาวที่ตอนนี้ยังเที่ยงอยู่ ไม่มีคนรับสายเพราะเขาต้องโทรเข้าเบอร์สำนักงาน เขาจึงโทรหาปริญญาโดยตรง
“เบอร์น้องหนู ได้ค่ะได้...เดี๋ยวปริญส่งเข้าไปในไลน์ท่านค่ะ” โชคดีที่ปริญญามีความเอ็นดูในตัวนับดาวไม่น้อย จึงติดปากสรรพนามเรียกนับดาวกับทิวาไปแบบนั้น
“น้องหนู” ทิวาพึมพำออกมา เข้าใจว่าเป็นชื่อเล่นของเด็กฝึกงาน “คุณอยู่ที่ไหน” เมื่อได้เบอร์เขาก็กดโทรหาทันที เมื่อปลายสายรับ เขาก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง ถามตำแหน่งขอเธอทันที
นับดาวที่ตอนแรกลังเลที่เห็นเป็นเบอร์แปลกไม่อยากรับ โชคดีที่รับสาย ซึ่งเธอก็ลืมไปเลยว่าเธอกับเขาไม่มีเบอร์ติดต่อกัน เธอจึงบอกตำแหน่งที่อยู่ของตัวเอง เธอนั่งอยู่ที่ม้าหินใต้ต้นไม้ใหญ่ในสวนเล็กๆข้างตลาด แต่ไม่ลืมเสริมต่อว่าตัวได้ข้อมูลมาจากผู้ดูแลตลาดแล้ว
ทิวาแปลกใจอยู่บ้างว่าทำไมผู้ดูแลที่นี่ทำงานหละหลวมเพียงนี้เลยเหรอ ที่ให้ข้อมูลตลาดกับเด็กฝึกงานที่ไม่รู้ว่าแอบอ้างมาจากคู่แข่งหรือเปล่าไปง่ายๆ
“ถ้าท่านประธานจะเดินสำรวจก่อนก็ได้ค่ะ เดี๋ยวถ้าเสร็จแล้ว หนูจะเอาข้อมูลที่ได้มานำไปให้ที่รถค่ะ” นับดาวตัดบท แม้เธอจะบอกตำแหน่งของตัวเอง ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะให้เขาต้องเดินมาหา เพราะเมื่อกี้ที่บอกไปเพราะถูกถามเท่านั้น
แม้ทุกอย่างดูประจวบเหมาะ แต่นับดาวก็รอดมาได้อย่างไม่รู้ตัวและไม่ได้คิด แต่ทุกอย่างก็มีเวลาของมัน ความลับไม่มีในโลก
พร้อมรักและทิวาเป็นจุดสนใจของผู้คนในตลาดอย่างมาก แม้ตลาดจะวายคนเดินเบาบางไปไม่น้อย แต่อากาศเมืองไทยขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองร้อน ทิวาถอดสูทตัวนอกไว้ในรถ ก่อนที่จะเดินเข้าไปเขาเป็นห่วงพร้อมรักที่ไม่คุ้นกับสถานที่แบบนี้ “คุณรอในรถดีมั้ย”
พร้อมรักแม้จะมั่นใจในตัวเอง และไม่คิดจะเอาเด็กฝึกงานมาตีตนเสมอตัว แต่ตั้งแต่ที่รู้จักทิวามา เธอไม่เคยเห็นว่าทิวาจะมีท่าทางการปฎิบัติตนกับผู้หญิงคนไหนเหมือนกับเด็กฝึกงานคนนี้ หรือเพราะก่อนหน้านี้เธอเองต่างหากที่ไม่ได้ใส่ใจทิวามากนัก พร้อมรักคิดชั่งน้ำหนักตามเหตุผล
“พร้อมไม่รบกวนการทำงานของคุณดีกว่าค่ะ” ถ้าเธอเดินไปกับทิวาแล้วความอดทนของเธอหมดลงเผลอไปแสดงท่าทางไม่น่ามองเข้าก็อาจจะเสียภาพพจน์ที่ดีได้ พร้อมรักจึงปฎิเสธที่จะไปกับเขา
ทิวาจึงโน้มตัวลงไปสตาร์ทรถเปิดแอร์ให้พร้อมรัก และเขาก็เดินไปยังทิศทางที่นับดาวบอกตำแหน่งของตนไว้ เธอนั่งหันหลังให้กับเขา ตรงนี้มีลมพัดอ่อนๆ ถ้าคนที่คุ้นเคยกับอากาศก็จะไม่รู้สึกร้อนนัก จังหวะที่เขากำลังเดินไปเป็นขณะเดียวกับที่นับดาวเอื้อมไปหยิบขวดน้ำที่เย็นฉ่ำ เธอบิดเปิดฝาแหงนหน้ายกปากขวดจ่อที่ปาก
ทิวาหยุดนิ่งการก้าวเดินฉับพลัน เขากลืนน้ำลายในทันทีเมื่อภาพลำคอขาวขยับเมื่อเธอกำลังดื่มน้ำ ไม่รู้ทำไมภาพนี้จึงทำให้เขารู้สึกแปลกๆ ได้ จู่ๆทุกอย่างก็เชื่องช้า ไปหมด ทิวาไม่อาจละสายตาจากภาพตรงหน้าได้เลย...
ทิวาตกอยู่ในภาพภวังค์ตรงหน้า ไม่รู้ตัวเลยว่าด้านหลังมีหญิงสาวชาวต่างชาติเดินมาพอดี เธอเงยมองทิวาและมองตามสายตาของเขา ใบหน้าหญิงสาวก็แสดงอารมณ์ความไม่พอใจอย่างชัดเจน เธอจึงรีบเดินผ่านหน้าเขาไปยังที่นับดาวนั่งอยู่
ทิวารู้สึกตัวเมื่อนับดาวหันกลับมามองเขา หลังจากที่หญิงสาวคนนั้นพูดอะไรกับเธอแน่ๆ เขาจึงเดินไปหาเธอโดยทันที
“นี่ค่ะ” นับดาวเลื่อนเอกสารตรงหน้าไปให้เขา และส่งสายตาให้พี่มยี ไปจากที่นี่ มยีวางขนมที่ถือมาไว้และเดินไปอย่างว่าง่ายแม้จะมองทิวาด้วยสายตาที่ไม่วางใจก่อนก็ตามที
ทิวาไม่สนใจหญิงสาวต่างชาติคนนั้น เปิดดูเอกสารคร่าวๆ อากาศร้อนเกินไปสำหรับเขา เอกสารก็ดูคร่าวๆก่อนก็ได้ เพราะเอกสารพวกนี้สามารถเอาไปดูที่ออฟฟิศได้ สิ่งที่ตอนนี้เขาควรทำคือเดินสำรวจตลาดด้วยตาของตัวเอง
นับดาวที่ในมือยังกำขวดน้ำที่ยังดื่มไม่หมดไว้ สายตาก็แอบชำเลืองมองเขา ที่ขมับทั้งสองของเขามีเหงื่อผุดออกมาอย่างช่วยไม่ได้ มองดูแล้วก็น่าสงสารบอกไม่ถูก เพราะถ้าเธอไม่ได้ยินเรื่องราวของเขามาจากกิ่งแก้ว ก็คงคิดว่าเขาไม่เคยลำบากมาก่อน
Grrrr Grrrr เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของทิวาดังขึ้น ในจังหวะที่เอกสารที่เขาเปิดอ่านคร่าวๆ กำลังจะหมด ทิวาล้วงโทรศัพท์ออกมา เป็นสายเข้าจากผู้ช่วย เขากดรับสายทันที
“ผมมีข้อมูลที่เจ้านายไม่อยากเชื่อแน่ๆครับ”
“นายอยู่ที่ไหน”
“ผมกำลังกลับเข้าออฟฟิศครับ”
“โอเค งั้นเดี๋ยวเจอกัน” ทิวากดวางสาย “พอดีมีงานด่วนเข้ามา เรากลับออฟฟิศก่อน ไว้ค่อยมาสำรวจวันอื่น” นับดาวพยักหน้า แม้ตอนนี้เป็นใกล้บ่ายสามกว่าแล้ว ช่วงเวลานี้กว่าจะกลับถึงออฟฟิศคงใช้เวลาเดินทางนานกว่าตอนขามาแน่
และจริงอย่างที่นับดาวคาดไว้ พวกเธอกลับมาถึงออฟฟิศก็ห้าโมง กว่าแต่นั่นไม่ใช่เพราะว่ารถติดอะไรนักหนา เป็นเพราะทิวาต้องการไปส่งพร้อมรักที่บ้านของเขาก่อน เมื่อมาถึงออฟฟิศนับดาวก็ออกจากลิฟท์ชั้นห้าไม่ได้ตามเขาไปชั้นหก ตลอดทางตั้งแต่ที่พร้อมรักลงจากรถนับดาวและทิวาไม่ได้พูดคุยอะไรกันแม้แต่คำเดียว
