คุณหมอ❤️ที่รัก

194.0K · จบแล้ว
Me'JinJin
61
บท
141.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

กฤษฎิ์ พิสิฐกุลวัตรดิลก "อาหมอกฤษฎิ์" หนุ่มใหญ่วัย 34 ปี มาเฟียในคราบคุณหมอสูตินรีเวชแห่งโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำของประเทศ โหด เหี้ยม รักใครไม่เป็น เปลี่ยนคู่นอนเป็นว่าเล่น สำหรับเขารักแท้ไม่เคยมีรักดีๆ ก็มีให้ใครไม่ได้ แต่สุดท้ายดันมาตกหลุมรักแม่ของลูกอย่างถอนตัวไม่ขึ้น❤️ "เฟียร์สตีนอยู่ดีๆรู้ตัวอีกทีก็มีลูกสาววัย4ขวบแล้วอ่ะครับ แถมแม่ของลูกทำเอาใจเต้นแรงไม่หยุดเลยนี่เรียกว่าตกหลุมรักใช่ไหมครับ" นลินนิภา อารีย์รักษ์ "ที่รัก" สาวน้อยวัยแรกแย้มบริสุทธิ์ผุดผ่อง ฐานะยากจนสู้ชีวิต เพราะความจำเป็นทำให้เธอต้องตกเป็นของเขา คนนั้นด้วยความเต็มใจ จนทำให้เธอต้องกลายมาเป็นคุณแม่ยังสาวด้วยวัยเพียง 18 ปี แต่แล้ววันหนึ่งโชคชะตาก็เล่นตลกเหวี่ยงให้เธอกลับมาพบกับเขาคนนั้นอีกครั้ง พ่อของลูกคนที่เธอถวิลหาไม่เคยลืม ❤️ "ตกหลุมรักตั้งแต่ครั้งแรก ห่างกันไกลแค่ไหนใจยังคงคิดถึงเธอเสมอ ❤️พ่อของลูก" หนูน้อยแก้มใส กมลชนก อารีย์รักษ์ สาวน้อยวัย 4 ขวบ สดใสร่าเริง ฉลาดมาก ซนมาก แสบมาก เซี้ยวมาก เฟียสมาก ใครเห็นเป็นต้องหลงรักในความช่างพูดและขี้อ้อนของน้อง "ลุงหมอเป็นพ่อขาของแก้มใสเหรอคะ" หนูเป็นลูกของคุณพ่อกฤษฎิ์กับคุณแม่ที่รักค่ะ หนูจะเป็นกามเทพตัวจิ๋วที่จะมาแผลงศรให้คุณพ่อกับคุณแม่รักกัน❤️มาเอาใจช่วยหนูกันด้วยนะคะ

นิยายรักโรแมนติกคนต่ำต้อยหมอรักแรกพบมาเฟียฟินๆ

คุณหมอ❤️ที่รัก EP.1

ย้อนกลับไปเมื่อห้าปีที่แล้ว

ประเทศไทย

จังหวัดเชียงใหม่

“มะเร็งกระเพาะอาหารเหรอคะ”

ร่างบอบบางในชุดนักเรียนม.ปลายถามคุณหมอที่นั่งอยู่ตรงข้ามด้วยน้ำเสียงอันเบาหวิวก่อนที่น้ำตาจะไหลรินเป็นสายลงมาอย่างห้ามไม่อยู่ มือบอบบางสั่นระริก ไร้เรี่ยวแรงจะควบคุม เพียงเพราะคำพูดสั้น ๆ ที่ได้รับรู้นั้นคล้ายบีบหัวใจคนฟังให้แตกสลายได้ทุกเมื่อ

“ใช่ครับ ตอนนี้อาการของคนไข้อยู่ในระยะที่สอง ก้อนเนื้อมีขนาดใหญ่ขึ้นและเริ่มลุกลามไปยังอวัยวะส่วนอื่นแล้ว หมอแนะนำว่าเราควรผ่าตัดกระเพาะอาหารนำส่วนที่เป็นก้อนเนื้อออกมา ร่วมกับการทำเคมีบำบัดหลังผ่าตัดและติดตามอาการอย่างใกล้ชิด”

“แต่การรักษาให้หายขาดนั้นเป็นไปได้ยากกว่าในระยะแรกครับ เพราะถ้าคนไข้รู้ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก เรายังสามารถผ่าตัดนำเฉพาะก้อน เนื้อออกมาและรักษาให้หายขาดได้”

“การรักษาในระยะที่สองนี้ พูดตามตรงว่าเป็นการรักษาเพื่อยื้อเวลาของคนไข้ให้อยู่กับญาติได้นานขึ้นเท่านั้นครับ อย่างน้อย ๆ ก็ประมาณห้าปีหรืออาจมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับสุขภาพและจิตใจของคนไข้”

คุณหมอหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับที่รักอธิบายรายละเอียดให้เธอฟังด้วยความเห็นใจระคนสงสารเด็กสาวที่นั่งน้ำตาไหลพรากอยู่ข้างหน้าตน

“ผะ ผ่าค่ะคุณหมอ หนูอยากให้ ฮึก อยากให้แม่ได้รับการผ่าตัด ฮึก ค่ารักษาจะแพงแค่ไหน ฮึก นะ หนูก็ยอม”

ที่รักละล่ำละลักบอกคุณหมอหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้ามก่อนที่จะร้องไห้โฮออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าคนตรงหน้าจะมองเธออย่างไร ในหัว คิดตัดพ้อต่อโชคชะตาที่ไม่เคยเข้าข้างเธอเลยสักครั้งซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น

ทำไมโชคชะตาถึงชอบเล่นตลกกับเธอนักนะ ตอนเธออยู่ม.3 พ่อของเธอก็ประสบอุบัติเหตุ จากไปก่อนวัยอันควร ทิ้งให้เธอกับแม่ต้องสู้ชีวิตกันมาสองคนด้วยความยากลำบากที่เสียหัวหน้าครอบครัวอย่างพ่อไป

“ตกลงครับ ทางเราจะรีบดำเนินการให้เร็วที่สุด แล้วจะนัดวันที่คนไข้เข้ารับการผ่าตัดอีกครั้งหนึ่ง ญาติไม่ต้องกังวลใจไปนะครับ เดี๋ยวพยาบาลจะนำทางไปที่เคาน์เตอร์เพื่อสอบถามค่ารักษา ถ้าคนไข้มีสิทธิ์การเบิกค่ารักษาและประกันสามารถแจ้งได้เลยครับ”

ได้ยินแบบนั้นที่รักก็พยายามลุกขึ้นยืนด้วยขาที่สั่นระริกจนแทบทรงตัวไม่อยู่ โดยที่มีพี่พยาบาลช่วยประคองร่างบางออกจากห้องไปเพื่อสอบถามข้อมูลตามที่คุณหมอแจ้งมาเมื่อสักครู่

“สามแสนเลยเหรอคะ”

หน้าสวยซีดเผือดเบิกตากว้างอย่างตกใจกับค่ารักษาพยาบาลที่พยาบาลสาวสวยกำลังแจกแจงรายละเอียดอยู่ตรงหน้า

“ใช่ค่ะ เพราะที่นี่เป็นโรงพยาบาลเอกชนค่ารักษาเลยแพง แต่ถ้าหนูไม่สะดวกจ่ายหรือจ่ายไม่ไหวพี่ทำเรื่องส่งตัวไปยังโรงพยาบาลรัฐให้ได้นะคะ”

พยาบาลสาวสวยยิ้มให้ที่รักอย่างใจดีระคนสงสาร เด็กตัวแค่นี้จะต้องมาแบกรับภาระค่ารักษาที่หนักอึ้งแบบนี้ได้อย่างไรกัน

เฮ้อ เธอเห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้เลยแฮะ

“ไม่เป็นไรค่ะ ตกลง...สามแสนก็สามแสน ที่รักจะพยายามหาเงินมาจ่ายค่ารักษาของแม่ให้ได้ค่ะ”

ที่รักเงยหน้าขึ้นอย่างเด็ดเดี่ยว ดวงตาคู่สวยมีประกายความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า อย่างไรเธอก็ต้องหาเงินมารักษาผู้เป็นแม่ให้ได้ไม่ว่าต้องแลกด้วยอะไรเธอก็ยอม ยอมทุกอย่างขอแค่แม่ได้อยู่กับเธอไปนาน ๆ ก็พอ

“แม่จ๊ะ เป็นยังไงบ้างยังเจ็บอยู่ไหม”

หลังจากนั่งเฝ้าแม่มากว่าสองชั่วโมงเต็มเมื่อเห็นเปลือกตาของผู้เป็นแม่กำลังขยับ ที่รักเอ่ยถามมารดาด้วยความเป็นห่วงทันทีเมื่อเห็นผกาลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างยากลำบาก เธอเหนื่อยเหลือเกินกับการอาการป่วยที่เธอกำลังเผชิญอยู่

“หายเจ็บแล้วล่ะที่รัก สงสัยแม่ได้ยาดี ตอนนี้ไม่เจ็บแล้ว”

ผกายิ้มให้ลูกสาวอย่างอ่อนโยนก่อนจะลูบหัวที่รักอย่างรักใคร่เอ็นดูใบหน้าสวยที่แม้จะผ่านพ้นวัยสาวมานานแล้วแต่เค้าโครงความงามยังคงเด่นชัดพยายามฝืนยิ้มเพื่อให้ลูกสาวเพียงคนเดียวของเธอหายห่วง

“แม่ไม่เป็นไรก็ดีแล้วจ้ะ ส่วนเรื่องการรักษาที่รักคุยกับหมอแล้วนะ อีกสามวันแม่จะได้เข้ารับการผ่าตัดนะจ๊ะ แม่ต้องหายดี ยังไงแม่ก็ต้องหายเพื่ออยู่กับที่รักไปนาน ๆ นะแม่”

ใบหน้าสวยซีดเผือดยิ้มอย่างให้กำลังใจมารดา ตัวผกาเองก็ได้แต่ยิ้มรับทั้งน้ำตาเมื่อได้ยินคำพูดของลูกสาวสุดที่รักของเธอ

“แล้วค่ารักษาล่ะลูก มันกี่ตังค์กัน แพงมากไหม”

ผกาอดถามที่รักอย่างกังวลใจไม่ได้เพราะเธอก็ไม่ได้ฐานะร่ำรวยอะไร เป็นแค่คนหาเช้ากินค่ำธรรมดาเท่านั้น มารักษาที่โรงพยาบาลเอกชนแบบนี้เธอคิดว่ามันน่าจะแพงมาก ขนาดยายสาเพื่อนบ้านข้างเคียงไม่สบายธรรมดามาหาหมอ และได้ผ่าตัดเหมือนกันค่ารักษายังเกือบสองแสนเลยแล้วของเธอล่ะ จะไม่เป็นแสนเหมือนยายสาเหรอ

“แม่ไม่ต้องห่วงเรื่องค่ารักษานะจ๊ะ ที่รักขอหมอเขาผ่อนเท่าที่ไหวไปก่อน เงินเก็บที่พ่อทิ้งไว้ให้น่าจะยังเหลืออยู่สี่ห้าหมื่น ขาดเหลือเท่าไหร่ที่รักจะไปหาหยิบยืมมาเองจ้ะ แม่ไม่ต้องห่วง ยังไงแม่ก็ต้องได้ผ่าตัดนะแม่นะ”

ที่รักบอกแม่ให้คลายกังวลซึ่งผกาก็เข้าใจสิ่งที่ลูกสาวบอก แม้ในใจจะอดสูตัวเองยิ่งนัก คิดแต่ว่าอยากให้ตัวเองตาย ๆ ไปเสีย ไม่อยากเป็นภาระให้ลูกต้องคอยดูแล แต่ภาพของลูกสาวที่มองเธออย่างมีความหวัง ทั้งน้ำตายังเอ่อคลอไม่กล้าร้องออกมาให้เธอต้องลำบากใจนั้น แม่คนนี้ก็อดสงสารไม่ได้ ถ้าเธอไม่อยู่แล้วที่รักจะอยู่อย่างไร

“แม่พักผ่อนซะนะ เดี๋ยวที่รักกลับไปเอาเสื้อผ้าที่บ้านก่อนแล้วจะรีบกลับมาเฝ้าแม่นะจ๊ะ”

เธอบอกผู้เป็นแม่ให้พักผ่อนซึ่งผกาก็พยักหน้ารับอย่างว่าง่ายก่อนที่จะหลับตาลงช้า ๆ อย่างเหน็ดเหนื่อย ส่วนที่รักเมื่อเห็นแม่หลับไปแล้วก็รีบออกจากโรงพยาบาลเพื่อเดินทางกลับไปเตรียมสัมภาระมาเฝ้าแม่

วันนี้เธอไปที่โรงเรียนเพื่อรับใบจบการศึกษาระดับม.ปลาย ด้วยหวังว่าจะนำผลการเรียนที่เธอพากเพียรเรียนมาด้วยความตั้งใจมาอวดกับแม่ด้วยความภาคภูมิใจ

แต่เมื่อไปถึงตลาดกลับไม่พบแม่อยู่ที่แผงขายกับข้าวประจำ ลุงยศแผงข้าง ๆ กันบอกว่าแม่เธอเจ็บท้องจนเป็นลม ถูกส่งตัวมาที่โรงพยาบาลเอกชนที่ใกล้ที่สุดอย่างโรงพยาบาล N ไม่มีเวลาให้ที่รักตกใจมากนักเธอรีบมาที่โรงพยาบาลทันทีก่อนที่จะรู้ข่าวร้ายเรื่องอาการป่วยของแม่

อย่างไรเธอก็ต้องหาเงินค่ารักษาแม่ให้ได้

เธอต้องทำได้ที่รัก

อีกด้านหนึ่ง

“เรื่องการปรับปรุงบุคลากรของโรงพยาบาลเดี๋ยวผมจะดำเนินการปรับผังให้เร็วที่สุดนะครับ ส่วนหมอที่เปิดรับเพิ่มใหม่อีกสิบคนผมขอสัมภาษณ์เอง ยังไงพรุ่งนี้เลขาผมจะมาแจ้งตารางการสัมภาษณ์ให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง ส่วนวันนี้ก็ขอจบการประชุมเพียงเท่านี้ เชิญครับ”

เมื่อท่านประธานโรงพยาบาลปิดการประชุมบรรดานายแพทย์และแพทย์หญิงก็พากันทยอยออกจากห้องประชุมเหลือเพียงกฤษฎิ์และเกริกพลเลขาคู่ใจของเขาเท่านั้น ก่อนที่กฤษฎิ์จะขยับเนกไทให้คลายออกจากกันเมื่อเสร็จสิ้นการประชุมในวันนี้แล้ว

“นายครับผมจองโรงแรมใกล้ ๆ โรงพยาบาลไว้ให้เรียบร้อยแล้วครับ หนึ่งอาทิตย์ตามที่นายแจ้งไว้ เราจะเดินทางกลับกรุงเทพวันจันทร์หน้านะครับนาย”

เกริกพลเลขาคู่ใจของกฤษฎิ์รีบเข้ามารายงานเรื่องที่พักกับเจ้านายทันทีที่อยู่กันเพียงสองคน

“อืม ตกลงตามที่ว่านั่นแหละเสร็จงานแล้วฉันอยากพักผ่อนสักวันสองวันก่อนที่จะเดินทางกลับกรุงเทพ เหนื่อยชะมัดเลยอยากพักผ่อน”

กฤษฎิ์หลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า เดือนนี้เขาทำงานหนักมาทั้งเดือนพอได้มาทำงานถึงภาคเหนือทั้งทีเขาก็อยากพักผ่อนบ้าง

“แล้วนายต้องการคนดูแลไหมครับระหว่างที่อยู่ที่นี่”

เกริกพลเงยหน้าขึ้นถามผู้เป็นนายยิ้ม ๆ เพราะเวลาที่กฤษฎิ์ไปทำงานที่ไหนก็ตามเขามักจะมีสาว ๆ มาช่วยผ่อนคลายเรื่องบนเตียงเสมอ ก็เจ้านายของเขาเพิ่งจะอายุ 29 อีกทั้งยังโสด และที่สำคัญรวยมากเรื่องแบบนี้ย่อมเป็นเรื่องธรรมดาของคนวัยหนุ่มที่มีความต้องการทางเพศสูงอย่างเจ้านายของเขา

“อืม ขอสักคนที่เอาใจเก่งหน่อย พวกงี่เง่าไม่เอานะขอผูกขาดเป็นรายอาทิตย์เลยแล้วกัน เงื่อนไขมีเพียงข้อเดียวคือตลอดเวลาที่ฉันพักอยู่ที่นี่เธอต้องอยู่กับฉันทุกวันทุกคืนจนถึงวันที่ฉันเดินทางกลับ ฉันพร้อมจ่ายไม่อั้น”

กฤษฎิ์บอกเกริกพลก่อนที่จะลุกขึ้นเดินออกจากห้องประชุมเพื่อเดินทางกลับไปยังที่พักของตน แต่เดินไปได้สักพักเขาก็หยุดเท้าที่กำลังก้าวออกจากห้องไป ก่อนจะหันกลับมาบอกเกริกพลเสียงนิ่งว่า

“วันนี้เลยนะ ฉันเหนื่อยอยากได้คนนวดแล้วก็นาบไปพร้อม ๆ กันเลย หึ”

กระตุกยิ้มมุมปากนิด ๆ ก่อนที่จะเดินล้วงกระเป๋าจากไปทิ้งให้เกริกพลต่อสายหาใครบางคนที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี

“ฮะ อะไรนะเจ้ผิง อยู่ด้วยหนึ่งอาทิตย์เลยเหรอ เขาให้เท่าไหร่อะเจ้ กรี๊ด จริงดิเท่าไหร่ก็ได้เหรอแล้วแต่จะเรียก อ๊าย หวานหมูอีอ้อยล่ะ ได้ ๆ เจ้เดี๋ยวอ้อยหาเด็กให้ โอเค คืนนี้ใช่ไหมได้ ๆ เดี๋ยวอ้อยจัดให้จ้า”

ที่รักที่กำลังเดินเข้ามาในบ้านชะงักเท้าทันทีเมื่อเหลือบไปเห็นพี่อ้อยเพื่อนบ้านสุดสวยที่คอยดูแลช่วยเหลือเธอกับแม่เสมอมา ถึงพี่อ้อยจะมีอาชีพเป็นเด็กเอ็นฯ แต่พี่อ้อยก็จริงใจกับเธอและแม่มากกว่าเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ ๆ กันซะอีก

“ไอ้ที่รักแกเป็นยังไงบ้างวะ พี่ได้ยินมาว่าป้าผกาเข้าโรงบาล เลยถ่อมาหาที่บ้านเนี่ย”

เมื่อวางสายเจ้ผิงไปแล้วอ้อยก็เหลือบไปเห็นที่รักที่กำลังเดินเข้าบ้านมาพอดีจึงรีบปรี่ไปถามด้วยความเป็นห่วงทันที

“ฮึก ฮือ พี่อ้อย ฮือ”

เมื่อได้ยินอ้อยถามเพียงเท่านั้นน้ำตาที่หยุดไหลไปแล้วก็ไหลลงมาอาบแก้มเนียนอีกครั้งทันทีด้วยความปวดใจ เธอเหนื่อย เหนื่อยเหลือเกินกับภาระที่แสนหนักอึ้งที่ยังหาทางออกไม่เจอเลยสักนิด

“เฮ้ย ที่รักแกเป็นอะไรเนี่ย ร้องไห้ทำไม แล้วป้าผกาเป็นไรมากไหมหรือยังไง บอกพี่มาซิ”

อ้อยตกใจที่เห็นที่รักร้องไห้โฮออกมาแบบนั้นก่อนที่จะกอดที่รักไว้แล้วลูบหลังอย่างปลอบโยน

“ฮึก พี่อ้อย มะ แม่เป็นมะเร็งกระเพาะอาหารระยะที่สองต้องผ่าตัดจ้ะ ฮือ ฮึก แต่ค่ารักษาที่พยาบาลบอกที่รักมามันตั้งสามแสน พี่อ้อย ที่รักไม่รู้จะหาเงินมาจากที่ไหนแล้วเงินเก็บที่พ่อทิ้งไว้ให้ก็เหลือไม่กี่หมื่นเอง ฮือ ที่รักจะทำยังไงดีพี่อ้อย”

ที่รักร้องไห้สะอึกสะอื้นจนตัวโยนเมื่อคิดไปถึงค่ารักษาพยาบาลของแม่ที่เธอต้องหามาจ่ายให้ได้ เธอบอกแม่ไปแบบนั้นก็จริงแต่ตอนนี้เธอยังไม่รู้เลยว่าจะหาเงินมาจากไหน หนทางช่างมืดมนจนมองไม่เห็นทางออกสักนิด

“ทำไมค่ารักษามันแพงอย่างนี้วะไอ้ที่รัก เงินเก็บพี่ก็มีอยู่แค่สองสามหมื่นเอง ถึงจะให้แกยืมยังไงก็ไม่พออยู่ดี แต่ถ้าพี่พาแกไปยืมพวกนอกระบบดอกเบี้ยได้บานจากสามแสนเป็นล้านแน่ ๆ อะ”

อ้อยพูดอย่างเป็นกังวลไปกับที่รักด้วยกับค่ารักษาพยาบาลของป้าผกา สามแสนเชียวเหรอแพงมากเลยนะนั่นแล้วไอ้ที่รักมันจะหามาจากไหนวะ อ้อยกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก อยู่ ๆ เรื่องที่คุยกับเจ้ผิงก็แวบเข้ามาในหัวอ้อยทันที

“เราเข้าไปคุยกันในบ้านดีกว่า พี่ซื้อข้าวเย็นมาฝากแกด้วย หยุดร้องไห้ก่อนเด็กดี ไม่เอาไม่ร้องนะคนเก่งของพี่”

บอกที่รักก่อนที่จะหยิบข้าวมันไก่สองกล่องที่ซื้อมาฝากที่รักมาถือไว้ ก่อนจะประคองที่รักเข้าไปข้างในบ้าน เมื่อเข้ามาในบ้านเรียบร้อยแล้วอ้อยก็นั่งลงบนเก้าอี้ตามมาด้วยที่รักที่นั่งลงข้างกัน ใบหน้าสวยเซ็กซี่มีแววครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนที่จะตัดสินใจพูดบางอย่างที่ตัวเองกำลังคิดอยู่ออกไป

“พี่มีงานที่เงินดีมากมานำเสนอแก แต่มันต้องแลกกับศักดิ์ศรีของแกที่มีทั้งหมด แกสนใจไหม”

อ้อยมองตาที่รักด้วยแววตาจริงจังเธอไม่ได้อยากให้น้องเลือกทางเดินที่เหมือนเธอเลยสักนิด แต่ทำอย่างไรได้ตอนนี้ป้าผกากำลังป่วยหนักถ้าไม่ได้เข้ารับการผ่าตัดคงอยู่ได้อีกไม่นานแน่แล้วทีนี้ไอ้ที่รักจะทำอย่างไร ให้ไปกู้นอกระบบดอกเบี้ยร้อยละยี่สิบพวกเธอคงไม่มีปัญญาจ่ายหรอก จะเอาบ้านไปจำนองก็คงไม่ได้เพราะมันก็ติดจำนองอยู่แล้วตั้งสองแสน

“งานอะไรเหรอจ๊ะพี่อ้อย”

ที่รักเงยหน้าถามอ้อยทันทีที่ได้ยินแบบนั้น มันมีด้วยเหรองานที่ทำแล้วได้เงินดี ๆ หลักแสนแบบนี้ ที่เธอเห็นส่วนใหญ่ก็มีแต่งานแบบที่พี่อ้อยทำทั้งนั้นถึงจะได้เงินดี

“หรือว่าจะเป็น…”

เสียงหวานใสถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอทันทีเมื่อนึกถึงงานที่ต้องแลกด้วยศักดิ์ศรีตามคำพูดของอ้อยก่อนที่จะเบิกตากว้างขึ้นด้วยความตกใจ

“ใช่ที่รักแกคิดไม่ผิดหรอก เจ้ผิงเพิ่งโทรมาเมื่อกี้เอง มีคุณเขามาจากกรุงเทพฯ มาทำงานที่เชียงใหม่หนึ่งอาทิตย์ เขาอยากได้คนดูแลที่เอาใจเก่ง และต้องอยู่กับเขาตลอดหนึ่งอาทิตย์ทั้งกลางวันทั้งกลางคืนส่วนจำนวนเงินแกจะเรียกกี่บาทก็ได้ถ้าทำให้เขาพอใจ”

เมื่อพูดจบอ้อยก็ถอนหายใจพรืดอย่างเห็นใจที่รัก เมื่อหน้าสวยหม่นแสงลงทันทีที่ได้ยินแบบนั้น

“พี่ไม่ได้อยากให้แกมาเป็นเหมือนพี่หรอกนะที่รัก แต่อาชีพที่พี่ทำอยู่มันก็ทำให้พี่มีกินมีใช้เลี้ยงตัวเองให้อยู่รอดในสังคมนี้ได้ เพราะถ้าจะให้พี่พาแกไปกู้นอกระบบพี่ว่าแกคงจ่ายไม่ไหว หรือจะให้เอาบ้านไปจำนองอีกก็ติดจำนองกับเจ้เล้งอยู่ตั้งสองแสนตั้งแต่ตอนที่พ่อแกอยู่ มันมีแค่ทางนี้ทางเดียวที่จะหาเงินได้ไวได้เยอะอาจจะไม่ได้ถึงสามแสน แต่มันก็เยอะอยู่นะ ที่รักแกตัดสินใจเอาเองแล้วกัน พี่แค่เสนอทางเลือกที่แกจะหาเงินได้เร็วแค่นั้นเอง”

อ้อยมองที่รักที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิดอย่างสงสารจับใจ เธอก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไรลำพังเธอที่มีเงินเก็บอยู่แค่สามหมื่นนิด ๆ ต่อให้เอาออกมาให้ที่รักยืม อย่างไรก็ไม่พอค่าผ่าตัดอยู่ดี

“เฮ้อ ช่างมันเถอะที่รัก คิดซะว่าพี่ไม่เคยพูดละกันนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เราค่อยไปหายืมเงินญาติ ๆ แกกับพวกที่ตลาดดูก็ได้เผื่อจะมีใครใจดีให้แกยืมแล้วคิดดอกน้อย ๆ”

อ้อยพูดตัดบทเพราะมาคิดอีกทีที่รักก็ยังเด็กอายุแค่ 18 ปีจะให้มาทำงานแบบนี้มันก็ไม่ใช่ เธอยังอยากเห็นที่รักมีอนาคตที่ดีและสดใสในภายภาคหน้าอยู่ แต่แล้วเสียงที่รักก็ดังแทรกขึ้นมาในความเงียบทันที

“ที่รักจะทำจ้ะพี่อ้อย ต่อให้ที่รักต้องแลกกับศักดิ์ศรีทั้งหมดที่มีที่รักก็ยอม เพราะในชีวิตที่รักเหลือแม่แค่คนเดียวแล้ว ที่รักจะเสียแม่ไปอีกคนไม่ได้เด็ดขาด ศักดิ์ศรีมันกินไม่ได้หรอกจ้ะพี่อ้อย ที่รักยอมทิ้งมันถ้ามันจะทำให้แม่อยู่กับที่รักไปอีกนานแสนนาน”

ที่รักเงยหน้าขึ้นบอกอ้อยด้วยดวงตาที่เด็ดเดี่ยวหน้าสวยหวานหยุดร้องไห้ฟูมฟายก่อนที่จะสบตาอ้อยที่มองมาด้วยสายตาที่จริงจังและแน่วแน่

“แกแน่ใจนะที่รักว่าจะไม่เสียใจที่ทำแบบนี้”

อ้อยถามย้ำที่รักอีกครั้งด้วยความสงสารจับใจ

“ที่รักไม่เสียใจหรอกจ้ะพี่อ้อย ที่รักยอมเสียสละทุกอย่างเพื่อแม่”

ตอกย้ำกับอ้อยอีกครั้งว่าเธอตกลงรับงานที่อ้อยพูดมา อ้อยได้แต่ถอนหายใจอย่างอดไม่ได้ทั้งสงสาร เห็นใจ แต่ในเมื่อมันไม่มีทางเลือกอื่นแล้วพวกเธอก็จำต้องยอม

“แต่ต้องไปวันนี้เลยนะที่รัก คุณเขาอยากให้ไปวันนี้”

อ้อยบอกที่รักกับเงื่อนไขที่กฤษฎิ์เสนอมาว่าเขาต้องการคนดูแลภายในวันนี้

“ขอวันพรุ่งนี้ไม่ได้เหรอจ๊ะพี่อ้อย ที่รักบอกแม่ว่าจะกลับมาเอาเสื้อผ้าแล้วจะกลับไปเฝ้าแม่”

ที่รักสบตาอ้อยอย่างขอร้องก่อนที่อ้อยจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเจ้ผิง ก่อนที่จะวางสายแล้วมองหน้าที่รักที่มองอ้อยอยู่แล้วอย่างรอคอยคำตอบ

“คุณเขาให้ไปวันนี้อะที่รัก ถ้าไม่สะดวกเขาก็จะไปหาทางอื่น”

อ้อยบอกที่รักด้วยสายตาเห็นใจรู้สึกว่าคุณคนนี้จะคุยยากใช่เล่นเอาแต่ใจจริงจริ๊งหล่อมากมั้ง เหอะ

“ตกลงจ้ะพี่อ้อยวันนี้ก็วันนี้ งั้นที่รักฝากพี่อ้อยดูแลแม่ให้หน่อยได้ไหมจ๊ะ ช่วงที่คุณเขาทำงาน ที่รักจะขอเขาออกมาหาแม่ แล้วพอเขาเลิกงานที่รักจะกลับไปหาเขา”

ที่รักบอกอ้อยอย่างจำยอมเธอไม่มีทางเลือกแล้วถ้าไม่ทำแบบนี้แม่เธอก็จะไม่รอด ฉะนั้นเธอยอมที่จะทำตามความต้องการของคุณเขาที่ต้องการให้เธอไปดูแลวันนี้ดีกว่า

“โอเคงั้นกินข้าวกันก่อนแล้วค่อยแต่งตัวเก็บเสื้อผ้าสำหรับไปอยู่ที่นั่นเดี๋ยวพี่ไปส่งแกที่โรงแรมที่คุณเขาอยู่ ส่วนป้าผกาเดี๋ยวพี่ดูแลแทนแกเอง”

เมื่อตกลงกันเรียบร้อยแล้วทั้งคู่ก็เปิดข้าวมันไก่ทานกันเงียบ ๆ ก่อนที่ที่รักจะไปอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดเดรสสายเดี่ยวสีแดงสุดเซ็กซี่ของอ้อยที่ให้เธอยืม แล้วอ้อยก็ยังช่วยแต่งหน้าบาง ๆ ให้ที่รักก่อนที่ทั้งคู่จะพากันขึ้นรถยนต์ของอ้อยเพื่อเดินทางไปยังโรงแรมที่คุณเขาพักอยู่