บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 ที่ไหนกัน

ดวงตาคู่สวยสีน้ำตาลอ่อนเหมือนลูกกวางทรายค่อยๆ ปรือขึ้นมา สายตาคู่นั้นค่อยๆ กวาดไปในสภาพแวดล้อมโดยรอบที่ควรซึ่งจะเป็นโรงพยาบาลหรือในรถของเธอเอง แต่ในใจลึกๆเธอยังภาวนาให้เธอเห็นว่านี่คือห้องนอนของเธอและทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความฝันฉากนึงเท่านั้น

แต่ที่เธอคาดหวังและคิดไว้ก็ไม่ใช่สักอย่างแต่ภาพที่เธอเห็นคือห้องเก่าๆ ฝุ่นเขลอะหยากไย่เกาะทั่วมุมหลังคาสังกะสีที่เก่าเหมือนร้อยปีที่แล้ว

ดวงตาสีใสเริ่มค่อยๆมองไปทางทิศที่แสงแยงเข้ามาในดวงตาของเธอ พบบานหน้าต่างเก่าๆที่ปิดเข้ามาไม่สนิท'แต่หากก็คงจะพอบังฝนได้แต่หากลมพัดมาแรงๆคงไม่วายหลุดกระเด็น'

จางหมิ่นที่คิดคำนึงภายในใจก็แต่คิดใคร่หัวเราะออกมาพร้อมๆ กับการพยุงตัวขึ้นและอวดครวญจากการเมื่อยตัวเพราะนอนอยู่บนพื้นแข็งๆ ที่มีเพียงฟางปูนอนเท่านั้น

สายตาคู่สวยมองไปยังฝุ่นที่เขลอะฉาบหนาหลายชั้นบนพื้นที่มีฟางวางระนาบยาวไปทั่วห้องก่อนจะลองใช้นิ้วแตะๆ จิ้มๆ จึงพบว่าที่เธอเห็นใต้ฟางหาได้ใช่ฝุ่นไม่แต่มันคือดินแห้งๆ อย่างกับสภาพอากาศร้อนจนดินแตกกร้าน

"ก็ท่านพี่เจี้ยนหยีไม่รู้จะแต่งนางเข้ามาทำไมขี้เกียจตัวเป็นขน!"

เสียงผู้หญิงที่มีวัยประมาณ 12-13 ปีเล็ดผ่านบานประตูไม้ไผ่เข้ามาพอให้ได้ยิน ร่างอรชรของสาวน้อยที่มีจางหมิ่นเข้ามาอยู่ลุกขึ้นและเอาหูไปแนบบานประตูเพื่อแอบฟัง

"ข้างนอกเขาทะเลาะอะไรกันนะทำไมสำเนียงถึงแปลกจัง.."

จางหมิ่นได้แต่คิดใคร่ครวญพลางหูที่แนบชิดประตูเพื่อฟังสิ่งที่คนภายนอกกำลังเถียงกันอยู่ อีกทั้งสำเนียงและวาจาที่เปล่งออกมานั้นแปลกราวกับคนโบราณ

"น้องเล็กเจ้าจะพูดให้ได้อะไรขึ้นมาเล่าคนที่อยากจะแต่งไม่ใช่ท่านพี่เจี้ยนหยี แต่เป็นท่านพ่อที่สั่งให้ท่านพี่แต่ง"

คราวนี้เป็นเสียงเด็กหนุ่มที่ฟังดูโตกว่าเด็กสาวเมื่อครู่สักหน่อยเพราะเสียงที่แตกทุ้มทำให้รู้ว่าเป็นวัยแตกเนื้อหนุ่มแล้ว

"เจี้ยนหยี.. แต่เมื่อกี้คนข้างนอกพูดว่า'เจี้ยนหยี'หรอ?"

จางหมิ่นพูดย้ำกับตัวเองเบาๆพลางคิดว่าตนคงอ่านหนังสือนิยายโบราณเล่มนั้นมากเกินไปจนเก็บมาฝันว่าตนได้เข้ามาอยู่เป็นแน่ มือขาวเรียวค่อยๆไล้มาที่เเขนอีกข้างก่อนจะออกแรงหยิก

"โอ๊ย! เจ็บจัง.. ถ้าเจ็บขนาดนี้คงไม่ใช่ความฝันแล้วละมั้ง"

ถือลูบเเขนที่ถูกตัวเองหยิกป้อยๆ ก่อนจะทันได้สังเกตว่าตัวเธอนั้นผอมเกร็งราวกับขาดสารอาหาร หรือคงกินอาหารที่คุณค่าทางโภชนาการต่ำ

เนื้อตัวขาวซีดจนค่อนไปทางเหลืองเหมือนคนถูกดูดเลือดออกไปจนหมดร่างกาย หรือไม่ก็คงจะเสียเลือดมากแล้วไม่ได้รับการถ่ายโอนเลือดอย่างเหมาะสม

ร่างบางหาที่ยึดเกาะมือเพื่อดึงร่างกายที่แสนจะปวดล้าขึ้นยืนและออกแรงผลักประตูบานไม้ไผ่เก่าๆ ออกไปพบกับสภาพที่ดินแห้งแตก มีโอ่งน้ำเล็กๆตั้งอยู่โดยที่ชิดทางเดินกับหินสีขาวแผ่นใหญ่หยาบๆ วางเรียงเป็นทางเชื่อมกับอีก 2 ที่ ที่ดีเหมือนที่หนึ่งจะเป็นห้องเก็บฟืนส่วนอีกที่จะเป็นบ้านพักของใครสักคน

แต่ถ้าเธอหลุดเข้ามาในนิยายจริงๆ ล่ะ? งั้นซุ้มเก่าๆตรงนั้นก็เป็นที่พักของหานหลงเหยาและหานเจียเจิงพ่อของพระเอกอย่างเจี้ยนหยีน่ะสิ...

"แต่นี่คงไม่ใช่ว่าฉันมาอยู่ในร่างของซูหรานหรอกจริงมั้ย.."

จางหมิ่นรีบเร่งเดินโอ่งไปที่โอ่งน้ำใบนั้นก่อนจะชะโงกตัวลงมองเงาในน้ำมีใบหน้าผู้หญิงโทรมๆ คนหนึ่งมองกลับมา ซึ่งควรจะเป็นใบหน้าของจางหมิ่นแต่กลับไม่ใช่ถ้าดูจากโหงเฮ้งเเล้วคงก็ไม่ใช่ซูหรานเหมือนกันแต่หากจะเป็นหลินเฟิงก็พอจะได้อยู่

"พี่สะใภ้ฟื้นแล้วรึ?"

เสียงทุ้มของเด็กหนุ่มที่เธอได้ยินก่อนหน้านี้ดังขึ้นข้างหลังเธอจึงรีบหันไปมองอย่างรวดเร็วก็พบเจ้าของเสียงอยู่ในชุดที่ถูกซักขยี้จนเก่าอีกทั้งยังมีรอยขาดหลุดลุ่ยยอยู่ทั่วผืนผ้า

"มิใช่ว่าพี่ใหญ่บอกว่าท่านป่วยหนักอีกหลายวันถึงจะฟื้นหรือ แล้วเหตุใดพี่ใหญ่ข้าก้าวพ้นประตูบ้านไปยังไม่ถึงชั่วยามท่านจึงฟื้นแล้ว"

เด็กหนุ่มพูดด้วยสีหน้าเย็นชาแววตาส่อความผิดหวังที่เด่นชัด เค้าโครงใบหน้าซูบผอมแต่ก็ยังพอมีเคล้าโคลงความสง่าพอให้เห็นอยู่เลือนรางนัก

'คิ้วของเด็กหนุ่มคนนั้นงดงามได้รูปดวงตาเฉียบคมราวกับเหยี่ยวนี่คงจะเป็นหลงเหยาน้องชายคนเล็กของพระเอกสินะ' จางหมิ่นที่ครุ่นคิดในใจวิเคราะห์เด็กหนุ่มตรงหน้าและพยายามที่จะหาคำตอบที่ดีที่สุดเพื่อที่จะตอบให้เขาไร้ซึ่งความแคลงใจ

"ข้านอนจนลืมว่าจะเดินยังไงแล้ว ก็เลยฟื้น" เธอพูดออกไปดังนั้น แม้นจะแทนตัวเองว่า 'ข้า' แต่เด็กหนุ่มก็ไม่ได้โง่เขลาเกินกว่าจะคิดว่านี่คือพี่สะใภ้ตัวจริงของเขา

"เจ้าเป็นใครเจ้าไม่ใช่พี่สะใภ้ใหญ่" เด็กหนุ่มขมวดคิ้วใช้ตาจ้องจับผิดจางหมิ่นในร่างพี่สะใภ้ใหญ่หลินเฟิงอย่างเอาเป็นเอาตาย

"พี่รอง!! ท่านพ่อเรียกท่านไปช่วยผ่าฝืน"

เสียงเด็กสาวอีกคนที่ได้ยินก่อนหน้านี้ก็ดังออกมาแต่ไกลๆเหมือนจะดังมาทางรั้วเก่าๆนั่นเด็กหนุ่มคนนั้นจึงได้ยอมหันหลังกลับออกไป

"ชู่วว~ โล่งอกไปทีเเต่โดนสงสัยเสียแล้ว"

จางหมิ่นพึมพำได้แต่คิดว่าทำไมเถอะถึงเข้ามาอยู่ในนิยายได้หรือเป็นเพราะจิตใจก่อนหน้านี้ของเธอไปจดจ่อที่นิยายเล่มนั้นกันนะ

"แต่เดี๋ยวก่อนทำไมเรียกฉันว่าพี่สะใภ้ใหญ่ล่ะ? หรือว่าคนที่ได้เข้าหอกับเจี้ยนหยีจะเป็นฉัน? เอ้ย.. ไม่ใช่ต้องเป็นหลินเฟิงเจ้าของร่างนี้ต่างหาก"

และมีคำถามอีกค่อนข้างมากที่จางหมิ่นสงสัยเพราะถ้าเป็นเธอเข้ามาอยู่ในร่างนี้แล้วตัวของหลินเฟิงล่ะเธอไปอยู่ไหน?

มือเรียวเริ่มหอบหุ้มน้ำในโอ่งขึ้นมาชโลมล้างใบหน้าของเธอเพื่อให้ดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาหน่อยพร้อมทั้งทำผมเผ้าดีๆโดยการมัดผมยาวสลวยรวบหางม้าและใช้ริบบิ้นสีซีดมามัดเพียงเท่านั้น

หากไม่มองจากการแต่งตัวด้วยชุดเก่าๆฉีกขาดที่ถูกปะชุนจนแทบมองไม่เห็นเนื้อผ้าเดิมของหลินเฟิงเจ้าของร่างนี้

ไม่ใช่นั้นคงคิดว่าเธอคือจอมยุทธหญิงเป็นแน่ หญิงสาวกวาดสายตาไปทั่วบริเวณบ้าน ซึ่งเธอก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะสามารถเรียกว่าบ้านได้มั้ย

เพราะที่แห่งนี้เก่าเกินที่จะมีคนมาอาศัยอยู่ หากตามเนื้อเรื่องพระเอกเคยเป็นคุณชายหานผู้สูงศักดิ์เป็นลูกชายใหญ่ตระกูลหานผู้แสนจะร่ำรวย แต่ทำไมถึงได้ดูยากจนแร้นแคว้นขนาดนี้? เธอมองไปรอบๆ บริเวณที่เธอยืนอยู่ก่อนจะออกเดินไปคิดไปเรื่อยๆ

ในที่ไกลๆเธอมองเห็นป่าต้นไม้ยืนตายแต่ข้างในป่าลึกก็พอจะมีสีเขียวรางๆของยอดไม้ได้พอเห็นบ้างหญิงสาวไม่รู้จะไปที่ไหนหรือทำอะไรดีเเต่เท่าที่เธอจำได้

ข้างหลังบ้านเจี้ยนหยีพระเอกของเรื่องนี้มีสระบัวสระใหญ่อยู่เธอจึงเดินไปที่นั่นพบสระบัวที่มีดอกบานสะพรั่งสีชมพูสีขาวสีม่วงคละๆกันไปก่อนจะนั่งลงข้างๆสระบัวเด็ดฝักบัวขึ้นมาแกะกินอย่างสบายใจ

ในเมื่อบ้านของเจี้ยนหยีมีสระบัวและดอกบัวใหญ่ขนาดนี้เหตุใดไม่เก็บเม็ดบัวไปขาวกันนะ?

แต่ความสงสัยของเธอก็ได้รับคำตอบทันทีที่ฟันเรียวคมสีเงินสะอาดกัดเข้าที่เม็ดบัวเม็ดนั้นมันมีรสที่ฝาดกินไปเพียงเม็ดเดียวก็เฝื่อนคอ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel