บทที่9. “ช่วย...ช่วยรูดซิปให้หน่อยค่ะ”
หญิงสาวถอนหายใจยาว สงบสติอารมณ์ แค่ปลดกระดุมเสื้อเห็นแผงอกของเขาเธอก็มือไม้สั่นแต่หวังว่าเขาจะไม่รู้ หลังจากที่ตกลงเรื่องการแต่งงานเขาก็ขอตัวกลับไปสะสางงานที่ต่างจังหวัดและหายไปเกือบสัปดาห์จนเธอคิดว่าตัวเองคงได้เตรียมงานวิวาห์เก้อ เขาคงไม่รู้ว่าเธอวิ่งวุ่นขนาดไหนแม้กระทั่งขนาดเสื้อผ้าของเขาที่เธอต้องเตรียมให้
‘เจ้าบ่าวไม่มาหรือคะ’
ดารัณยังจำน้ำเสียงพนักงานถามไม่ได้ ทั้งเสื้อสูท งานเลี้ยง ของชำร่วย ทุกอย่างเธอจัดการให้หมดและปวดใจที่เจ้าบ่าวไม่ได้มีส่วนร่วมกับงานนี้เลยสักนิด เอาเถอะ! ทุกอย่างทำไปเพราะอะไรเธอรู้ดีและเธอยินดีแบกรับความเจ็บปวดนี้ไว้เอง หญิงสาวยิ้มเศร้าแล้วเก็บกลีบกุหลาบออกจากที่นอน เธอนึกเสียดายกลีบดอกไม้ที่ยังสวยและหอม เธอมองหากล่องสักใบที่จะเก็บกลีบดอกไม้ ก็พบกล่องของขวัญที่ได้รับมา เธอเอาของด้านในออกแล้วรีบเก็บกลีบกุหลาบใส่กล่อง เมื่อเสร็จแล้วก็ปัดที่นอนไว้รอสามีของเธอ เสียประตูห้องน้ำเปิดออก เจ้าสาวสะดุ้งแล้วหันไปมอง เขาอยู่ในชุดเสื้อคลุมเรียบร้อยพร้อมนอนเต็มที่ แต่ผมที่เปียกชื้นของเขาทำให้เธอหน้าแดงอย่างไร้เหตุผล
“หิวไหมคะ มิ้นต์แอบเอาของกินมาเผื่อไว้”
ดารัณชี้ไปที่โต๊ะเล็กๆ มุมห้อง เมื่อเขาเดินไปดูก็มีปิ่นโตใบน้อยเมื่อเปิดออกก็มีข้าวผัดกับอาหารอีกสองอย่างอยู่ในนั้น เพราะเขาหันหลังให้ดารัณจึงไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ เธอรู้แค่ว่าตามธรรมเนียมบ่าวสาวจะไม่ออกจากห้องจนถึงรุ่งเช้า และเราก็เหนื่อยกันทั้งวันแทบไม่มีอะไรตกถึงท้อง เธอเลยสั่งให้แม่ครัวทำอาหารใส่ปิ่นโตแล้วแอบเอามาวางไว้ให้
“คุณนี่เตรียมพร้อมไปทุกอย่างจริงๆ “ธันวาหัวเราะในลำคอแล้วหันมามองเจ้าสาว “ขอบคุณมากที่ทำอย่างเพื่อแม่ของผม งานวันนี้สมบูรณ์แบบจริงๆ”
“ดีใจที่ชอบค่ะ กลัวพี่ธันจะไม่พอใจ ตอนแรกว่าจะไม่จัดงานอะไรเลยก็ไม่ได้ทั้งพ่อของมิ้นต์และคุณหญิงแม่ก็ค้านด้วยกันทั้งสองฝ่าย มิ้นต์ก็เลยจัดเป็นงานเลี้ยงเล็กๆ ในบ้านของเราเอง"
“คุณทำดีแล้วล่ะ”
ริมฝีปากสวยเผยอขึ้นเหมือนจะเอ่ยอะไรแล้วก็ส่ายหน้าไปมา พูดจาห่างเหินแบบนี้อย่าได้หวังว่าเขาจะทำดีอะไรกับเธอมากนักเลย
“พี่ธันทานได้เลยนะคะ หรือพักผ่อนก็ได้เลยค่ะ มิ้นต์จัดที่นอนให้แล้ว”
“คุณก็เหมือนกัน”
“คะ” ดารัณจ้องมองใบหน้าเขาอย่างไม่แน่ใจในสิ่งที่ได้ยิน
ธันวาขยับแว่นตา “ผมหมายถึงคุณก็ควรพักผ่อนได้แล้ว ยุ่งมาทั้งวัน”
“ค่ะ ทราบแล้ว”
ดารัณยิ้มน้อยๆ เธอรวบชายกระโปรงยาวแล้วเดินเข้าไปห้องน้ำบ้าง หญิงสาวถอนหายใจหนักๆ ทั้งที่เตรียมใจไว้แล้วแต่ก็ยังปวดใจอยู่ลึกๆ มือเรียวพยายามรูดซิปชุดแต่งงานซึ่งอยู่ด้านหลังแต่ทำไม่สำเร็จ เธอพลาดเสียแล้วดารัณ ทำไมไม่หาชุดที่มันถอดเองได้ง่ายๆ นะ
“โธ่!” ดารัณก่นว่าตัวเอง จะเดินออกไปเรียกผู้ชายคนนั้นให้ช่วยรูดซิปเหรอ เขาจะได้มองว่าเธอวางแผนให้ท่าเขาอยู่นะซิ เหนียวตัวแถมเหนอะหนะอยากอาบน้ำจะแย่อยู่แล้ว ยังต้องลำบากกับชุดสวยที่หาทางถอดเองไม่ได้อีก ดารัณเอ๊ย! ตั้งสติหน่อย หมุนข้อมือดีๆ ก็รูดซิปได้แล้ว โอ๊ย! ใครจะไปหมุนข้อมือได้ 360 องศากันเล่า
ก๊อกๆ
“คะ” ดารัณสะดุ้งกับเสียงเคาะประตูห้องน้ำ โอ๊ย! เธอคงเข้าห้องน้ำนานไปแน่ๆ
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”
“ปะ...เปล่าค่ะ”
“เห็นหายไปนาน เป็นลมหรือเปล่า”
“เปล่าค่ะ”
“ให้ผมช่วยอะไรไหม?”
คำถามของเขาช่วยชีวิตเธอ แม้จะเขินอายแต่ดารัณจำใจแง้มประตูออกแล้วค่อยโผล่หน้าออกมา
“ช่วย...ช่วยรูดซิปให้หน่อยค่ะ”
ธันวาทำหน้านิ่งไปครู่หนึ่งก่อนพยักหน้ารับ ประตูห้องน้ำเปิดกว้างมากขึ้นแล้วเจ้าสาวของเขาก็หันหลังให้ มือหยาบกร้านของเขาเลื่อนมาช่วยรูดซิปให้ ปลายนิ้วลากผ่านแผ่นหลังสร้างความปั่นป่วนให้หญิงสาวโดยที่เขาก็ไม่ได้ตั้งใจ เพียงชุดสวยแหวกออก เขาก็เห็นแผ่นหลังเนียนของเธอ ชายหนุ่มรู้สึกหายใจติดขัดแต่บังคับตัวเองให้ผละมือจากผิวเนียนละเอียดและถอยหลังออกมา
“เสร็จแล้ว”
“ขอบคุณค่ะ”
ดารัณไม่กล้ามองเขาเต็มตา เธอรีบปิดประตูห้องน้ำแล้วยกมือทาบอก พยายามสงบจิตใจที่สั่นรัวของตัวเอง เธอเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย หากเขาปรารถนาจะทำมากกว่ารูดซิปก็ย่อมได้ และ...ใช่ ...มันน่าอายที่ดารัณจะยอมรับว่าเธอฝันถึงเขา เขาเพียงผู้เดียวที่เธอจะมอบกายให้เขา หญิงสาวเขินอายกับความคิดตัวเองแล้วรีบจัดการอาบน้ำสระผมที่แข็งเป็นทรงเพราะสเปรย์แต่งผม ชุดนอนเป็นชุดกระโปรงยาวสีชมพูหวานคงพอเรียกสายตาสามีของเธอได้ไม่มากก็น้อย หญิงสาวสำรวจตัวเองในกระจกเพื่อความมั่นใจหลายนาทีก่อนจะเปิดประตูห้องน้ำออกมา
