บทที่ 7 สตูว์เนื้อวัวกับแส้เส้นนั้น
หญิงสาวถอดเสื้อผ้า หนวดปลอม กลายร่างมาเป็นพิมลภัสว์คนเดิม เห็นหน้าตัวเองในกระจกแล้วอยากจะร้องไห้ ดีนะที่เจนนิเฟอร์บอกช่างให้ตัดผมทรงเดียวกับจัสติน บีเบอร์ หน้าก็เลยดูเด็กลงหน่อย ขืนตัดทรงสกินเฮดเหมือนคีอานู รีฟ ในยุคนั้นและเติมหนวดลงไปด้วย หล่อนยอมไปผ่าตัดแปลงเพศเป็นผู้ชายจริง ๆ ซะเลยดีกว่า
หญิงสาวหยิบสมุดบันทึกขึ้นมา หยิบภาพแต่งงานของชุลภัสว์ขึ้นมาดู บรรจงจูบเบา ๆ ตรงที่ปาณวัตรยืนอยู่แล้วยิ้มกับตัวเอง ก่อนจะจรดปากกาลงในสมุดบันทึก
21 พฤษภาคม 25......
วันที่สองแล้วสินะ ที่ได้คุยกัน เขาเข้าใจผิดว่าฉันเป็นกระเทย อยากจะบอกความจริงจะแย่ ว่าฉันเป็นผู้หญิงจริง ๆ
ก๊อกๆ ๆ
พิมลภัสว์ปิดสมุดบันทึก ยัดไว้ในกระเป๋าสะพาย ตายแล้ว ๆ เขามาเคาะประตูทำไม โอย ไม่มีเวลาแปลงร่างแล้ว ทำไงดีนะ...
“คุณเจมส์ครับ...” ปาณวัตรส่งเสียงเรียก เขาทำสตูว์เนื้อวัวเป็นอาหารเย็นเผื่อเจ้าของบ้านและแฟนสาวอีกสองที่ และตั้งใจจะบอกเรื่องที่ต้องไปอียิปต์หลายวัน พรุ่งนี้ต้องออกจากที่นี่ตั้งแต่เช้ามืด หวังว่าคงไม่เป็นการรบกวนเวลาของเขากับแฟนหรอกนะ นี่มันเพิ่งจะสองทุ่มเท่านั้น และเจมส์ไม่ได้ล็อกกุญแจประตูทางขึ้นบันได
พิมลภัสว์วิ่งเป็นหนูติดจั่นอยู่ในห้อง เมื่อครู่นี้เธอวางหนวดปลอมไว้ตรงไหนกันนะ รู้อย่างนี้น่าจะซื้อมาเผื่อหลาย ๆ อันซะก็ดี
“คุณเจมส์ครับ!” เขาเรียกซ้ำเมื่อไม่มีเสียงตอบ เอาเถอะ เขาจะเขียนโน้ตทิ้งไว้ตรงกระดานไวท์บอร์ดหน้าห้องนี่ก็แล้วกัน
ชายหนุ่มลงมือเขียนโน้ตสั้น ๆ หากแต่ยังเขียนไม่เสร็จเสียงอะไรบางอย่างก็ดังออกมาจากในห้อง
อ๊า.. อ๊า..อ๊ะ....พลีส...พลีส...
เยส....อย่างนั้นที่รัก...ฟาดลงมาเลย...ดี...โอ๊ว...
ปาณวัตรหน้าแดง เมื่อได้ยินเสียงแห่งความหฤหรรษ์ของหญิงชาย ตามด้วยเสียงฟาดแส้กระทบผิวเนื้อ นึกถึงภาพคาวบอยกำลังใช้แส้หวดม้าขึ้นมาทันที
นี่เขามาขัดจังหวะของเจมส์ซะแล้ว....
แรง ๆ จ้ะที่รัก...โอ้ว...ซี้ด...
ปาณวัตรเร่งมือที่กำลังเขียนโน้ตอยู่ ไม่ลืมเติมอีกข้อความหนึ่งลงไปด้วย แล้วเผ่นลงไปที่ห้องรับแขก จัดการกินสตูว์ด้วยใจที่ไม่อยู่กับร่องกับรอยเพราะเสียงจากข้างบนนั้นยังดังลงมาถึงข้างล่าง หวังว่ามันคงจะไม่ตามไปหลอนเขาถึงห้องนอนหรอกนะ
คราวที่แล้วเสียงผัวเมียทะเลาะกัน เขาก็ภาวนาให้ทั้งคู่กับมารักกันเร็ว ๆ
ยังตามมาเจอคู่รักสุดซาดิสม์ที่นี่อีก...กรรมของคนไร้คู่จริง ๆ
พิมลภัสว์เงี่ยหูฟังแนบประตูห้อง เมื่อไม่ได้ยินเสียงกุกกักอยู่ที่ห้องรับแขกแล้ว เธอก็รีบวิ่งไปปิดเครื่องเล่นดีวีดี ซึ่งตอนนี้กำลังฉายหนังรักดุเดือดของหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่เจนนิเฟอร์เอามาทิ้งไว้ รอดตัวไปอีกเปลาะหนึ่งแล้ว มัวแต่ลนลานก็เลยลืมล็อกประตูตรงทางขึ้นบันได
หญิงสาวแง้มประตูออก เพื่อดูให้แน่ใจว่าเขากลับเข้าห้องไปแล้วจริง ๆ แล้วก็ยืนอ่านข้อความที่เขาเขียนไว้ตรงกระดานไวท์บอร์ดด้วยความรู้สึกที่ไม่รู้จะขำหรือสมเพชตัวเองดี
เจมส์..ผมทำสตูว์เนื้อเผื่อคุณกับแฟน พรุ่งนี้ผมขึ้นเครื่องไปอียิปต์แต่เช้า ไปหลายวัน
ปล. คุณคงเหนื่อย ผมทำไข่ลวกไว้ 4 ฟอง และวางอุปกรณ์ทำแผลไว้ที่โต๊ะอาหาร
ขอบคุณ ปาณวัตร
22 พฤษภาคม 25......เวลา 03.00 น.
ปาณวัตรลากกระเป๋าเดินไปตามถนน เขากดล็อคประตูบ้านไว้ ไม่ได้คล้องกุญแจ ไม่อยากไปปลุกเจมส์แต่เช้ามืดเพื่อให้มาปิดประตู และกลัวว่าจะได้ยินเสียงไม่พึงประสงค์นั้นอีก เมื่อไปถึงมหาวิทยาลัยก็พบว่านักศึกษาหลายคนรออยู่ก่อนแล้ว รวมทั้งแมทธิวด้วย
“อรุณสวัสดิ์มอร์ฟีน ทำไมไม่โทรบอก จะได้เอารถไปรับ” แมทธิวหันมาเรียกปาณวัตรด้วยชื่อเดิมที่เคยเรียกสมัยที่คุณหมอหนุ่มมาเรียนแพทย์เฉพาะทางที่นี่ และมาเป็นรูมเมทกับเขา แม้จะเป็นช่วงระยะเวลาเพียงแค่ปีเดียว แต่ก็สนิทกันมาก ส่วนชื่อมอร์ฟีนที่เขาเรียกนั้น มาจากคำว่า หมอ ซึ่งเป็นชื่อเล่นของชายหนุ่ม หากแต่ออกเสียงยาก เขาก็เลยเรียกว่ามอร์ฟีนเสียเลย
“ขอบใจแมท...แค่สองกิโล เดินมาเองก็ได้ไม่อยากรบกวน” ปาณวัตรยิ้ม และหันไปมองสาวสวยที่ยืนอยู่ข้างกายเพื่อนหนุ่ม
“เจนนิเฟอร์ค่า...เป็นเพื่อนแมท” เจนนิเฟอร์รีบตอบ พร้อมกับยื่นมือส่งให้ชายหนุ่มสัมผัส
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ชายหนุ่มยื่นมือไปสัมผัส แล้วหันไปหาแมทธิว “ตกลงนายไม่ไปอียิปต์ แต่จะไปตุรกีแทน?”
“ใช่...แต่ไม่ต้องห่วง ถึงไม่มีฉัน แต่ลิซ่าจะไปแทน เธอเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านโบราณคดี เอ่อ..พูดถึงก็มาพอดี...ลิซ่า..ทางนี้”
แมทธิวกวักมือเรียกหญิงสาวอีกคนที่ถือกระเป๋าเดินเข้ามา
ปาณวัตรหันขวับ มองตามมือเพื่อนหนุ่ม แล้วก็เห็นคนที่เพื่อนบอกว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านโบราณคดีเดินก้มหน้างุด ๆ เข้ามา
“สวัสดีแมท...เจน...” พิมลภัสว์ทักทายเพื่อนทั้งสอง แล้วหันไปมองปาณวัตร รอดูปฏิกิริยาของเขา
“สวัสดีครับ!” คุณหมอหนุ่มก้มศีรษะลง สุภาพสตรีท่านนี้หรือคือผู้เชี่ยวชาญด้านโบราณคดีที่เขาจะต้องเข้าคลาสเรียนในเทอมต่อไป พูดง่ายๆ คือหล่อนมีศักดิ์เป็นอาจารย์ของเขานั่นเอง
“สวัสดีค่ะ ฉันลิซ่า” พิมลภัสว์ยิ้มทักทาย หารู้ไม่ว่าปาณวัตรแอบสังเกตหล่อนตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
ดูสิ...ผมของหล่อนมวยขึ้นไว้เหมือนคุณครูไหวใจร้าย นางเอกหนังสมัยก่อนที่เขาเคยดูตอนเด็ก ๆ แม้รูปหน้าจะคมคาย แต่ไฝเม็ดเป้งที่ริมฝีปากก็บอกได้ว่าเธอค่อนข้างจะเป็นคนเจ้าระเบียบและอาจจะพูดมากอยู่สักหน่อย ตั้งแต่โตเป็นหนุ่มมาเขาไม่เคยเห็นใคร “เชย” และดู “เฉิ่ม” เท่านี้มาก่อนเลย
หล่อนคงเป็นนักอนุรักษ์ของเก่าตามวิชาชีพ ชุดลายดอกที่ไม่ค่อยจะมีใครกล้าใส่ ผู้หญิงที่ชื่อว่าลิซ่ากลับสวมมันอย่างมั่นใจ โชคดีที่หล่อนมีเรียวขาที่สวย และ.....
ชายหนุ่มตะลึง....เมื่อหล่อนกำลังจะก้าวเท้าเดินออกไป
“เดี๋ยวครับ! คุณลิซ่า!”
“อะไรคะ?” พิมลภัสว์ตกใจ จู่ ๆ เขาก็เรียกหล่อนเสียงดัง หรือว่า..........
ปาณวัตรมองหน้าหญิงสาวสลับกับรองเท้าไปมา เขาจำได้ดี รองเท้าคู่นั้น...เมื่อวานนี้มันถูกถอดทิ้งไว้หน้าบ้านเช่าของเขา และเจมส์ เป็นคนถือเข้าไปเก็บไว้ในบ้าน ที่จำได้เพราะยี่ห้อและราคาของมันยังติดอยู่ เขาไม่ได้ตาฝาดแน่
โอ...นี่หรือ...ผู้หญิงคนนั้น ไม่อยากจะเชื่อ! ผู้หญิงเฉิ่ม ๆ มีไฝเม็ดโตฟันเหยินคนนี้น่ะหรือ? ที่ร้องโหยหวนอยู่บนเตียงกับเจมส์เมื่อคืนนี้
ลิซ่า...กับเจมส์......
ให้ตายเถอะ...จอร์จ...คนเรานี่มันดูกันแค่ภายนอกไม่ได้จริง ๆ
ทันทีที่เหยียบย่างมาถึงนครไคโร พิมภัสว์ก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของอารยธรรมโบราณที่เปี่ยมไปด้วยมนต์ขลัง มหานครแห่งนี้แตกต่างจากเมืองหลวงของประเทศอื่นๆ ก็ตรงที่ผสมผสานเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ากับวัฒนธรรมและวิถีชีวิตดั้งเดิมของชาวไอยคุปต์ไว้ได้อย่างลงตัว
ใช่ว่าหล่อนจะไม่เคยมาที่นี่ เพียงแต่หลายปีแล้วที่ไม่ได้เหยียบย่างมายังแผ่นดินของฟาโรห์เลย เมื่อช่วงปีใหม่ก็อยู่ในลิเบียตลอดทั้งเดือน
หล่อนพกธนบัตรย่อยติดตัวไว้มากพอสมควร เพราะที่นี่แม้โรงแรมใหญ่ ๆ และร้านอาหารที่มีชื่อเสียงจะรับบัตรเครดิต แต่ก็จำเป็นต้องใช้เงินสดในการให้ทิปหรือจ่ายค่าแท็กซี่และชอปปิ้งซื้อของเล็ก ๆ น้อย ๆ แม้จะเป็นประเทศที่มีความปลอดภัยสูง แต่ก็ต้องระวังการถูกหลอกให้ซื้อของสิบปีที่แล้วที่มากับเจมส์ ในสมัยเป็นนักศึกษาชั้นปีที่สาม หญิงสาวต้องเสียค่าโง่จ่ายค่าบริการให้กับแท็กซี่ที่พาขับรถอ้อมเมือง ทั้ง ๆ ที่ถ้าขยันเดินก็ไม่ถึงห้าร้อยเมตรเลยด้วยซ้ำ
