บทที่ 20 คู่แข่งมาอีกแล้ว
“สะ สวัสดีค่ะ” พิมลภัสว์นั่งลงใกล้ ๆ ยื่นมือไปสัมผัสมือคุณหญิงตามธรรมเนียมสากล ใจของเธอสั่นหวิวและน้ำตาแทบจะหยดออกมาจริง ๆ โดยไม่ต้องป้ายยาหม่องเหมือนตอนที่แกล้งร้องไห้นั้นอีก
“สวัสดีจ้ะลิซ่า” คุณหญิงยิ้มบาง ๆ ปกปิดความสงสัยไว้ในอก แล้วหันไปแนะนำสตรีอ่อนวัยที่ก้าวเข้ามานั่งอยู่ข้าง ๆ
“นี่หนูอร อรพิม ลูกสาวของเพื่อนแม่ เธอมาเยี่ยมพี่ชายและถือโอกาสพาแม่เที่ยวด้วย”
ปาณวัตรและพิมลภัสว์รับไหว้หญิงสาวสวยท่าทางเรียบร้อยพร้อม ๆ กัน เมื่อได้ยินคุณหญิงแนะนำเช่นนั้น พิมลภัสว์ก็ร้องอ๋อในใจ ข่าวที่คุณอุ่นเรือนมารดาของเธอรายงานมาเป็นระยะว่าคุณหญิงตระเวนหาลูกสะใภ้ในงานต่าง ๆ นั้น บัดนี้หวยน่าจะมาออกที่หนูอรคนงาม เจอแบบนี้เหมือนนักมวยถูกน็อกกลางอากาศ เธอกลายเป็นส่วนเกินสำหรับพวกเขาโดยไม่ตั้งใจ
“เอ่อ...ฉันขอตัวก่อนนะคะ ได้เวลากลับบ้านแล้วเดี๋ยวรถจะหมดเสียก่อน”
หญิงสาวรีบลาทุก ๆ คนเมื่อบรรยากาศเริ่มไม่สู้ดีนัก อีกอย่างเธอไม่อยากทำให้คุณหญิงต้องลำบากใจ สิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือกลับไปตั้งหลักใหม่
“เดี๋ยวฉันเดินไปส่งก็แล้วกันจ้ะ ผู้หญิงคนเดียวอันตราย คุณหมอคุยกับหนูอรรอแม่ก่อนนะ”
คุณหญิงปานทิพย์รีบฉวยโอกาสเดินตามพิมลภัสว์ออกไป ทิ้งว่าที่ลูกสะใภ้ให้อยู่กับปาณวัตรเพียงสองคน
“หนูพิม...นี่หนูพิมจริง ๆ ใช่ไหม?”
“สวัสดีอีกครั้งค่ะคุณหญิงป้า” พิมลภัสว์ยกมือไหว้คุณหญิงอย่างอ่อนช้อยอีกครั้ง ก่อนจะเซไปข้างหลังเมื่อหญิงสูงวัยโถมตัวเข้ามกอดหล่อนด้วยความคิดถึง
“ต๊ายๆๆๆๆ ป้าคิดแล้วว่าต้องเป็นหนูพิม...ดูซิเนี่ยไม่ได้เจอกันหลายเดือน ว่าแต่ทำไมหน้าตาหนูแปลก ๆ ล่ะจ๊ะเนี่ย?” คุณหญิงถามเมื่อมองหน้าหญิงสาวที่ดูจะสวยน้อยลงกว่าเดิม
พิมลภัสว์หันหลังให้คุณหญิง ถอดฟันปลอมออกมาวางบนฝ่ามือให้อีกฝ่ายได้เห็นหน้าชัด ๆ
“พิมมีเรื่องจะกราบเรียนคุณหญิงป้าค่ะ”
“นั่นสิ...ป้าเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เอาอย่างนี้ พรุ่งนี้เราเจอไปกันที่พระราชวังบักกิ้งแฮม หนูอรเธอพักอยู่แถว ๆ นั้น ป้าจะออกมาเจอพิมตอนบ่ายโมง” คุณหญิงนัดแนะ ความจริงอยากจะสืบสาวราวเรื่องจากพิมลภัสว์เสียตั้งแต่ตอนนี้ แต่เวลาและโอกาสไม่อำนวย เมื่อพิมลภัสว์ตกลงเธอก็ยืนส่งหญิงสาวขึ้นรถประจำทาง
เออหนอ...ไม่นึกไม่ฝันว่าจะมาเห็นปาณวัตรกับพิมลภัสว์จุมพิตกันดูดดื่ม ก็ไหนลูกชายตัวดีปฏิเสธเสียงแข็งค้านหัวชนฝา ท่านก็อุตส่าห์เฟ้นหาหญิงงามที่มีคุณสมบัติไม่ด้อยไปกว่ากันมาให้ดูตัวไปพลาง ๆ สวรรค์เล่นตลกอะไรอีกแล้ว
“ว่าไงจ๊ะหนุ่มสาว คุยอะไรกันอยู่เอ่ย?” คุณหญิงโผล่หน้าเข้าไปในบ้าน พยายามทำเสียงร่าเริงเข้าไว้ ภาพที่เห็นคือปาณวัตรไม่ได้คุยอะไรกับอรพิมสักนิด เขายังคงยืนอยู่ที่เดิมและมองหน้าท่านด้วยตัดพ้อต่อว่ากลาย ๆ
“อรคุยไม่ค่อยเก่งค่ะคุณแม่ พี่หมอก็คุยไม่เก่งเหมือนกัน”
อรพิมบอกเขิน ๆ ความจริงแล้วหล่อนชวนเขาคุยด้วยการถามนั่นถามนี่อยู่หลายประโยค หากคำตอบที่ได้รับกลับมาคือคำสั้น ๆ ห้วน ๆ ราวกับคนไม่มีมารยาทในการต้อนรับแขก ไม่เห็นเหมือนหน้าตาที่ออกจะหล่อเหลาเกาหลีสุภาพนุ่มนวลเลยสักนิด
“อย่างนั้นหรือจ๊ะ?” คุณหญิงส่งสายตาขอโทษบุตรชายและอรพิมไปพร้อม ๆ กัน ทั่วทั้งปฐพีนี้อย่ามีผู้หญิงคนไหนบังอาจเรียกเขาว่า “พี่หมอ” เชียว นอกจากภาวนาและเพื่อนสนิทของเธอ ไม่อย่างนั้นปาณวัตรจะกลายร่างจากเจ้าชายเป็นมนุษย์น้ำแข็งทันที
“คุณแม่จะกลับเลยไหมครับ...นี่ก็ดึกแล้ว เอารถมาหรือเปล่า ถ้าไม่ได้เอามาเดี๋ยวผมเรียกแท็กซี่ให้”
ชายหนุ่มไล่ทางอ้อม ความจริงก็ยังอยากจะคุยกับมารดาอีกสักนิด หากแต่ไม่สะดวกหากจะมีบุคคลที่สามอยู่ด้วย อีกอย่างความสัมพันธ์ของเขากับคุณหญิงก็มิใช่ว่าจะราบรื่นเฉกเช่นแม่ลูกคนอื่น ๆ เพราะเขาติดพ่อตั้งแต่เด็ก ๆ นั่นเอง
“เราไม่ค้างที่นี่กันเหรอคะ ไหนคุณป้าว่า.” อรพิมหันไปถามคุณหญิง ซึ่งตอนนี้ท่าทีผิดกับเมื่อตอนลากหล่อนมาจากเมืองไทยเป็นคนละคน
“มะ..ไม่ค้างดีกว่าจ้ะ เอาไว้วันหลังเราค่อยมาก็ได้”
“ที่นี่ไม่สะดวกครับ ผมอยู่กับรูมเมท ไม่ได้เช่าอยู่คนเดียว หวังว่าคุณอรพิมคงจะเข้าใจ”
ชายหนุ่มหันไปทำตาวาวให้กับอรพิม และจงใจเรียกชื่อจริงของหล่อนมากกว่าที่มารดาแนะนำว่านี่คือ “หนูอร” ซึ่งครั้งหนึ่งก็เคยเร่งรัดเขาให้เรียกพิมลภัสว์ว่า “หนูพิม” เหมือนกัน ที่เขาไม่ค่อยถูกชะตากับหล่อนสาเหตุหนึ่งอาจจะเป็นเพราะชื่อของหล่อนมีคำว่าพิมอยู่ด้วยกระมัง
“ไหนคะรูมเมทของคุณ อรอยากรู้จักจังเลยค่ะ” อรพิมยังดื้อ
“เจมส์ แพ็คทิส ย้ายออกไปแล้วครับแม่ เมื่อกี้ดร.ลิซ่า อดีตแฟนของเขามาที่นี่ พรุ่งนี้เธอจะย้ายมาอยู่กับผม” ปาณวัตรกล่าวอ้าง ตกใจตัวเองที่คิดอะไรได้เป็นฉาก ๆ ไหลลื่นราวกับสิ่งนั้นอยู่ในหัวสมองของเขามาก่อน
“แฟนของเจมส์!” คุณหญิงอ้าปากค้าง เมื่อปาณวัตรบอกว่าพิมลภัสว์เป็นแฟนของเจมส์ แพ็คทีส แล้วไฉนจึงมาจูบกับลูกชายของท่านได้น่าตาเฉย
“เอาล่ะหนูอร เรากลับกันก่อนดีกว่านะ วันมะรืนแม่จะมาหาใหม่ คุณหมอไม่ได้ไปไหนใช่ไหมลูก?”
“ครับ...ผมเองก็อยากคุยกับคุณแม่เหมือนกัน” ชายหนุ่มเดินมาจูบแก้มมารดาเบา ๆ “ราตรีสวัสดิ์ครับ”
คืนนั้นพิมลภัสว์เหม่อมองเพดานด้วยแววตาเลื่อนลอย หัวใจของเธอราวกับผีเสื้อที่โบยบินไปแล้วหาทางกลับไม่เจอเมื่อนึกถึงตอนที่อยู่ในวงแขนอบอุ่นของปาณวัตร หญิงสาวยกมือแตะริมฝีปากเบา ๆ จนมือนั้นอุ่นซ่าน วินาทีที่เขาจุมพิตเธอช่างยาวนานราวกับโลกหยุดหมุนไปชั่วขณะ ไม่อยากเชื่อเลยด้วยซ้ำว่าชาตินี้จะได้สัมผัสผิวเนื้อของเขา ริมฝีปากของเขา และ.............
อ๊าย!! เธอไม่อยากจะนึกต่อ หากไม่มีใครเข้ามาขวางแล้วล่ะก็ เธอกับเขาอาจจะ.....กรี๊ดๆๆๆ
หญิงสาวหลับตาพริ้มกลิ้งตัวไปมาบนเตียง จนคนที่นอนอยู่ข้าง ๆ ถึงกับหมั่นไส้
“ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไรจ๊ะหล่อน!? ไม่เห็นเล่าให้ฉันฟังบ้างเลย ไปเจออะไรดี ๆมาล่ะสิ บอกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ” เจนนิเฟอร์เขย่าร่างเพื่อนสาวแรง ๆ เธอทนดูพฤติกรรมประหลาดนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว ถ้าจะให้เดาคือแผนการเรียกคะแนนสงสารจากคุณหมอหนุ่มคงจะสำเร็จไปได้ด้วยดี
“โอ๊ย! เบา ๆ สิยะ...คอจะหักตายอยู่แล้ว ก็กำลังจะเล่าให้ฟังอยู่นี่ไงเล่า” พิมลภัสว์ประท้วงเพื่อนแบบไม่จริงจังนัก
“ก็เร็ว ๆ ซี่...ฉันทนรอไม่ไหวแล้วนะ แหม...ทำเป็นลีลาไปได้” กระเทยสาวกระเง้ากระงอดน่ารัก
“เขาจูบฉัน” พิมลภัสว์บอกเสียงเบาด้วยความเขินอาย ลุกขึ้นนั่งบิดตัวไปมาราวกับสาววัยแรกแย้ม
“ปัดโธ่เอ๊ย จูบหรอกเหรอ...นึกว่าเขาจะเปลี่ยนใจหันมายิงประตูหลังเสียอีก....หา!...อะไรนะ จูบเหรอ นี่เจ้าชายเย็นชานั่นเขาจูบเธอเหรอ....ไม่ได้พูดเข้าข้างตัวเองนะ” กระเทยสาวพูดอย่างตื่นเต้น ถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ไม่คิดไม่ฝันว่าภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง แผนการของเธอจะคืบหน้าเร็วขนาดนี้
“โธ่...เห็นฉันไม่มีเสน่ห์ขนาดนั้นหรือไง?” พิมลภัสว์ค้อน
“จูบแบบไหน แตะปากกันเฉย ๆ หรือว่าแลกลิ้นด้วย”
“โธ่! ก็เหมือนกันนั่นแหละ แมทเขาจูบเธอแบบไหน เขาก็จูบฉันแบบนั้นแหละ”
“เหมือนกันที่ไหน พวกฉันน่ะจูบกันจนเสียวถึงรูทวาร ของหล่อนน่ะมันแค่เด็ก ๆ” เจนนิเฟอร์สวนทันควัน แต่ก็อดดีใจกับเพื่อนไม่ได้
“บ้า! ลิ้นแม่นาคหรือไงยะ....ไม่เอาแล้วทะลึ่ง นอนดีกว่าพรุ่งนี้นัดเจอกับคุณหญิงป้าอีก คนยิ่งมีเรื่องกลุ้มใจอยู่ด้วย”
“เฮ้อ...อีกไม่นานคงได้บอกลาพรหมจรรย์ของเธอ...แล้วพรหมจรรย์ของฉันล่ะ?” เจนนิเฟอร์รำพันถึงพรหมจรรย์ของตัวเองที่เสียไปตั้งแต่ย่างเข้าวัยรุ่นอย่างกลัดกลุ้ม
