บทที่ 10
มีเสียงเคาะเบา ๆ ตรงหน้าประตู และล็อชก็เดินเข้ามา
“เย็นนี้คุณสุภาพสตรีสองคนอยากกินอะไรกันบ้างล่ะ ผมว่าจะออกไปซื้ออาหารจีนนะ ถ้าไม่ขัดข้อง”
อรินไม่อยากเชื่อการกระทําราวไร้ความรู้สึกของเขาเลย เขาทําราวกับว่าเหตุการณ์ที่เกิดอยู่ในตอนนั้นมันเป็นเรื่องสนุก ราวกับทุกคนอยู่ในระหว่างการปิกนิก
“อาหารจีนก็ดีค่ะ ฉันชอบ” เมลานี่ตอบด้วยน้ำเสียงร่าเริง “คุณชอบไหมคะอริน ถ้าไม่ชอบเราเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นก็ได้นะ”
“ฉันคิดว่าคนที่เป็นนักโทษน่าจะถูกจํากัดให้กินแต่ขนมปังกับน้ำเปล่าเสียอีก” เธอประสานสายตาอยู่กับมิสเตอร์บาร์เรทท์
เขามองด้วยดวงตาสีฟ้าคมปลาบคู่นั้นเป็นครู่ ก่อนจะคํารามออกมาว่า
“เฉพาะแต่คนที่ทําตัวฉลาดมากเกินไปเท่านั้นละ” พูดจบเขาก็กระแทกประตูปิดตามหลังลงปังใหญ่
“หยาบคายที่สุด” อรินร้องเมื่อเขาเดินออกจากห้องไปแล้ว
“มิสเตอร์บาร์เรทท์น่ะหรือคะ” เมลานี่ถามด้วยน้ำเสียงที่บอกความแปลกใจเต็มที่ “ทําไมล่ะ ฉันเห็นเขาเป็นคนดีออก ดีกว่าผู้ชายคนไหน ๆ ที่ฉันเคยพบมาเสียด้วยซ้ำนะคะ...เอ้อ...ยกเว้นเคนคนเดียว”
อรินหันมามองหน้าพี่สะใภ้อย่างงงงัน
“คุณพูดจริงหรือคะ...ทั้ง ๆ ที่เขาเข้ามาวางอํานาจเหนือชีวิตคุณยังงี้น่ะหรือ...เขาออกคําสั่งแล้วก็บังคับให้ทุกคนทําตามคําสั่งของเขา นี่คุณรู้หรือเปล่าว่าเขาเข้ามารุกรานความเป็นส่วนตัวของคุณอย่างที่สุดเลยนะ”
“เขาก็เพียงแต่ทําตามหน้าที่เท่านั้นละค่ะ อริน” เมลานี่ตอบด้วยน้ำเสียงสงบ “คุณก็รู้ว่าเวลานี้เคนกำลังลำบากมาก ตอนที่มิสเตอร์บาร์เรทท์มาถึงที่นี่ เขาขอโทษฉันเสียด้วยซ้ำที่ต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตลอดเวลาที่เขาสอบปากคําฉันติดต่อกันเป็นเวลาหลายชั่วโมง เขาแสดงออกถึงความเป็นสุภาพบุรุษเต็มตัวเลยนะคะ พยายามปลอบโยนให้ฉันคลายความทุกข์ ความตื่นกลัว ฉันเป็นห่วงเคนแทบจะขาดใจตายอยู่แล้ว... ทุกวันนี้ฉันก็ยังไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาทําลงไปเลย...”
“มิสเตอร์บาร์เรทท์ดีกับฉันมาก เขาปลอบโยนจนฉันสามารถนึกถึงอะไรบางอย่างได้ ซึ่งถ้าไม่ใช่เพราะคําพูดของเขาแล้ว ฉันคงนึกอะไรไม่ออกเลย ทุกอย่างที่ฉันบอกเขาไป เพียงเพื่อจะให้เขาตามหาตัวเคนให้พบเท่านั้น ฉันพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับเขาทุกอย่าง อยากจะให้เขาตามหาเคนให้พบแล้วก็พากลับมาบ้าน ฉันเป็นห่วงความปลอดภัยของเขาเหลือเกิน”
อรินเห็นใจหญิงสาวผู้ถึงแม้จะได้ชื่อว่าเป็นพี่สะใภ้ แต่ก็อ่อนวัยกว่าเธอมาก ขณะเดียวกันเธอก็ได้แสดงความหวังอยากจะให้ตํารวจหาตัวเคนพบอยู่เหมือนกัน แต่กระนั้น เธอก็ยังงุนงงกับการที่เมลานี่ใช้คําพูดทํานองสรรเสริญชายหนุ่มผู้นั้นเสียเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นคําว่า “สุภาพบุรุษ” “ขอโทษ” และ “ปลอบโยน” ซึ่งมันดูไม่เข้ากับสิ่งที่ผู้ชายคนนั้นทําต่อเธอเอาเสียเลย...
ทําไมอรินจึงต้องถูกกล่าวหาในทํานองว่ามีส่วนสมรู้ร่วมคิดกับอาชญากรรมที่พี่ชายก่อขึ้นครั้งนี้ ทั้งที่ผู้น่าสงสัยควรจะเป็นภรรยาของเอรีสเองมากกว่า...
เขาแสดงความดูหมิ่นเธอทั้งการกระทําและคําพูด นับแต่นาทีแรกที่เธอเดินทางมาถึงบ้านหลังนี้ เธอทำอะไรที่เป็นความผิดคิดร้ายเช่นนั้นหรือ จึงต้องได้รับการปฏิบัติจากเขาแบบนั้น...
เมลานี่ยืนยันว่า ไม่ว่าขณะนี้สถานการณ์จะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่การปรากฏตัวของอรินเป็นโอกาสอันสมควรแก่การฉลอง เธอพยายามเกลี้ยกล่อมไมค์ จนกระทั่งเขายอมให้อรินออกจากห้องนั้น เพื่อมาช่วยเธอตั้งโต๊ะอาหารค่ำ
ในโอกาสพิเศษนี้ เมลานี่เลือกผ้าปูโต๊ะผืนสวยและดีที่สุด ทั้งชุดจานชามและแก้วน้ำเจียระไนลงมือจัดโต๊ะอย่างพิถีพิถันราวกับมันเป็นงานปาร์ตี้เลี้ยงอาหารค่ำแก่แขกคนสําคัญทีเดียว
ความพยายามของเมลานี่สร้างความประทับใจ และเป็นที่เวทนาแก่อรินไม่น้อย มีความรู้สึกว่าเธออ่อนเยาว์กว่าวัยยี่สิบสี่มาก แม้เธอจะพูดถึงเรื่องการยักยอกของเอรีสด้วยสุ้มเสียงจริงจัง อรินก็ยังสงสัยว่าเมลานี่จะยอมรับความจริงในเรื่องนี้ได้หรือไม่... ความรักความศรัทธาที่เมลานี่มีต่อเอรีสนั้น ทำให้เธอมองไม่เห็นความจริงในสิ่งใดทั้งสิ้น รู้แต่เพียงว่า เขาคือสามีทีดีที่สุดของเธอเท่านั้น
ทั้งสามคนกําลังหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน เมื่อผ้าเช็ดปากที่เมลานี่พยายามพับให้เป็นรูปไม่ยอมตั้งอยู่บนโต๊ะ คอยแต่จะล้มลงตลอดเวลา ตอนที่ล็อชโผล่เข้ามาในห้องนั้น...
สีหน้าของเขาบอกความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดเมื่อมองหน้าอรินเขม็ง ทุกคนต่างรู้ว่าความไม่พอใจของเขาเกิดจากการที่เธอไม่อยู่ในห้องตามคําสั่ง เขาหันไปมองหน้าไมค์ด้วยสายตาแข็งกร้าว
“เอ้อ...ผม...คือ...เธอ...คือมิสซิสไลแมนคิดว่า...” ไมค์อึกอัก ไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรมากล่าวอ้างกับหัวหน้าของตนได้ แต่แล้วล็อชก็ตัดบทขึ้นว่า
“กินกันก่อนเถอะ เดี๋ยวจะเย็นหมด”
ไมค์ลอบระบายลมหายใจอย่างโล่งอก ปรายตามองไปทางอรินราวจะกล่าวโทษว่า เธอเป็นต้นเหตุที่ทําให้เขาต้องถูกตําหนิเช่นนี้ เขารีบกุลีกุจอเข้าไปช่วยล็อชเปิดกล่องอาหารจีนที่ซื้อมา
อรินแทบไม่อยากเชื่อสายตาตนเองเลย เมื่อเห็นล็อชพยุงร่างเมลานี่ให้นั่งลงในเก้าอี้ ด้วยท่าทางอ่อนโยน เป็นการแสดงมรรยาทสุภาพบุรุษอย่างแท้จริง อรินหันไปกล่าวคําขอบคุณพร้อมกับยิ้มให้ไมค์ที่ช่วยเลื่อนเก้าอี้ให้เธอนั่ง
“ขอบคุณมากค่ะ” เธอพูดเสียงหวาน ไม่สนใจกับสายตาแข็งกร้าวของล็อชที่มองผู้ช่วยอยู่ในขณะนี้
เมลานี่อธิบายถึงเหตุผลที่เธอจัดโต๊ะอาหารเป็นพิเศษในค่ำวันนี้
“คนเราใช่ว่าจะมีโอกาสพบน้องสาวสามีที่สวยแล้วก็น่ารักอย่างอรินได้ทุกวันนี่คะ ถ้าวันนี้เคนอยู่...” หางเสียงของเธอสะท้านเล็กน้อย “ฉันคิดว่าเขาจะต้องเลี้ยงฉลองเป็นการใหญ่เลยละค่ะ”
“แล้วสามีคุณเคยเล่าให้ฟังบ้างหรือเปล่า ว่าเขายังมีน้องสาวอีกคนหนึ่งที่ถูกพรากจากกันไปตั้งแต่ยังเล็ก” ล็อชถามด้วยสุ้มเสียงอ่อนโยน เป็นน้ำเสียงที่เขาใช้กับเมลานี่เพียงคนเดียว เมื่อเขาเหลือบตาขึ้นมอง อรินก็อดที่จะใจสั่นกับแววตานั้นไม่ได้
“ไม่เคยหรอกค่ะ ถ้าเขารู้เรื่องเกี่ยวกับอรินเขาก็คงจะเก็บไว้คนเดียวมากกว่าจะเล่าให้ฉันฟัง แต่ฉันรู้ค่ะว่า เขาต้องดีใจมากที่ได้เห็นเธออย่างนี้”
“มิส โอ’เชีย...” อรินถึงกับสะดุ้งเมื่อเขาเรียกชื่อเธอขึ้น “ในเรื่องที่เกี่ยวกับครอบครัวนี่ คุณได้ข่าวคราวเกี่ยวกับพ่อแม่ที่แท้จริงบ้างหรือเปล่า”
ถ้าเป็นคำถามที่มาจากผู้อื่น เธอย่อมคิดว่ามันเป็นคําถามที่มีเหตุผลอยู่มาก แต่สําหรับล็อชเธอรู้ว่าเขาพยายามหลอกล่อที่จะให้เธอรับเบ็ดที่เขายื่นมาตรงหน้า
“ออกจะโชคร้ายค่ะ เพราะไม่มีทางเลย แม่ชีคนที่เล่าเรื่องเคนให้ฉันฟังจําได้เพียงแค่ว่า แม่พาเราสองคนไปที่นั่นพร้อมกัน เธอนึกไม่ออกว่าแม่รูปร่างหน้าตาเป็นยังไง หรือ...แม่...เอ้อ...มีเหตุผลอะไรที่...” เช่นเดียวกับทุกครั้งที่พูดถึงเรื่องนี้ อรินจะรู้สึกตีบตันขึ้นมาในลําคออย่างช่วยไม่ได้ “ที่แม่...ต้องทิ้งเรา...” เธอเค้นคําพูดประโยคสุดท้ายนั้นออกมา
ความเงียบอันน่าอึดอัดตกลงปกคลุมสถานที่แห่งนั้นไว้ ไม่มีแม้แต่เสียงช้อนส้อมกระทบกัน ไม่มีเสียงก้อนน้ำแข็งที่กระทบอยู่กับข้างแก้ว ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาอีกแม้แต่คําเดียว ทุกสิ่งดูจะหยุดนิ่งลงพร้อมกัน
ในที่สุด ท่ามกลางบรรยากาศอันน่าอึดอัดนั้น เมลานี่ก็เป็นฝ่ายเอ่ยทำลายความเงียบขึ้น น้ำเสียงอ่อนหวานของเธอราวกําลังพูดปลอบใจเพื่อนรักผู้ได้รับบาดเจ็บ
“แม่คุณคงมีเหตุผลที่ดีพอนั่นแหละค่ะอริน”
อรินพยายามรักษาสีหน้าไว้ เงยขึ้นยิ้มให้พี่สะใภ้
“ค่ะ ก็คงจะเป็นเช่นนั้น”
หลังจากนั้นการสนทนาในโต๊ะอาหารก็เป็นเรื่องสิ่งละอันพันละน้อย มีอยู่เพียงครั้งเดียวที่ล็อชสามารถทําให้เมลานี่หัวเราะออกมาได้ กับเรื่องเล่าถึงการผจญภัยแต่หนหลังที่เขาสาบานว่าเป็นเรื่องจริง แต่อรินพิจารณาดูแล้วมองไม่เห็นในความเป็นไปได้ เขาเพียงแต่ประสมประสานเรื่องราวที่ผ่านพบมาเข้าด้วยกันแล้วก็นํามาเล่าให้เห็นเป็นเรื่องขบขันเท่านั้น
แต่อย่างน้อยอรินก็ยังอดขอบใจเขาไม่ได้ ที่ล็อชพยายามทําให้เมลานี่คลายความกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่กําลังเกิดอยู่กับตนเอง ทําให้โลกทั้งโลกต้องสลายลงต่อหน้าต่อตา และก็ยังต้องขอบใจกับความเอาใจใส่ดูแลในเรื่องอาหารการกินอีกด้วย เพราะเมลานี่สามารถรับประทานได้มากทีเดียว
“ไมค์ ถ้าคุณอิ่มแล้ว ผมว่าคุณน่าจะออกไปเปลี่ยนเวรแทนพวกฝั่งโน้นสักคนนะ เขาจะได้ไปซื้อหาอะไรมากินกัน เมื่อเขากินกันเรียบร้อยคุณค่อยกลับมาช่วยผมทางนี้”
“ได้สิล็อช...ขอตัวก่อนนะครับคุณผู้หญิง” ไมค์พูดอย่างสุภาพก่อนจะเดินออกจากห้องนั้นไป
“ฟากตรงข้ามมีอะไรหรือคะ” ความสงสัยทําให้อรินเอ่ยถามออกไป อย่างน้อยมันก็ไม่ใช่คําถามที่จะสร้างความเดือดร้อนให้กับใครหรือเป็นอันตรายแต่อย่างใดทั้งสิ้น
“อ๋อ... ทีมงานของมิสเตอร์บาร์เรทท์เขาตั้งกองบัญชาการกันอยู่ฟากโน้นค่ะ” เมลานี่ตอบแทน “เขาจะต้องคอยเฝ้าบ้านหลังนี้ไว้ แล้วก็คอยดักฟังโทรศัพท์อะไรทํานองนั้นแหละ เวลานี้ถ้ามีโทรศัพท์เรียกเข้ามาเราจะรับเองไม่ได้นะคะ และถ้ารับเขาก็จะบันทึกเทปไว้ทั้งหมด ออกจะโชคดีอยู่มากเลยที่บ้านหลังตรงข้ามกับเรานี่เพิ่งจะว่างลง ทางตํารวจก็เลยเช่าไว้ใช้เป็นกรณีพิเศษ”
