บทที่ 6
การีมรู้สึกตัวตื่นในตอนรุ่งเช้า เขาหันกลับไปมองหญิงสาวข้างตัวเธอยังคงหลับสนิท ชายหนุ่มนอนตะแคงไปด้านที่เธอนอนอยู่ พร้อมกับยกข้อศอกขึ้นมาและใช้ฝ่ามือลองรับศีรษะของเขาเพื่อมองดูเธอ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้มีโอกาสสังเกตเธอใกล้ๆ สิ่งแรกที่ชายหนุ่มมองเห็นก็คือใบหน้าอันใสสะอาดของเธอถูกเส้นผมยาวสลวยบดบังอยู่
ในตอนนี้เขาไม่ได้สนใจอะไรนอกจากการได้มองมุกปรินทร์ชัดๆ จึงใช้นิ้วมือปัดเส้นผมที่ปรกหน้าของเธอออก และใช้มือข้างเดิมไล้แก้มเนียนนุ่มนั้นก่อนจะก้มลงจูบที่หน้าผากเธออย่างเผลอไผล หญิงสาวขยับกายทั้งที่ยังคงหลับตา ทำให้การีมรู้สึกตัวว่ากำลังปล่อยตัวไปตามอารมณ์ของตนเองมากเกินไป
เขาจึงลุกขึ้นไปล้างหน้าก่อนจะกลับมาปลุกเธอ แต่อีกฝ่ายยังไม่มีทีท่าว่าจะรู้สึกตัว จึงเอื้อมมือมาบีบจมูกเธอเบาๆ มุกปรินทร์ปัดมือเขา
“ตื่นได้แล้วมุก ผมต้องไปแล้วนะ”
การีมกระซิบที่ข้างหูเธอ และมันมีผลทำให้มุกปรินทร์ดีดตัวลุกขึ้นนั่งด้วยความลุกลี้ลุกลน
“คุณจะไปไหนคะ”
“โยเซฟให้ผมออกเดินทางไปขายของที่ตลาดพื้นเมืองพร้อมกับเขา ส่วนคุณก็ช่วยเหลืองานอยู่ที่นี่”
มุกปรินทร์เอื้อมไปจับมือเขาไว้ ดวงตากลมโตวูบไหว เธอมองเขาด้วยความหวาดหวั่น
“คุณจะกลับมาหาฉันใช่ไหมคะ อย่าทิ้งฉันนะคะ”
“ผมจะไม่ทิ้งคุณผมสัญญา คุณเชื่อใจผมนะ”
“ค่ะ ฉันเชื่อคำพูดของคุณ”
“ผมยกอาหารเช้าเข้ามาให้คุณแล้ว กินซะแล้วรอผมอยู่ที่นี่ คุณอาจจะต้องออกไปช่วยพวกผู้หญิงทำงาน”
“ไม่มีปัญหาค่ะฉันทำได้”
“ผมจะหาทางส่งข่าวให้คนของผม ถ้าโชคดีเราอาจจะได้กลับเข้าเมืองไวกว่าที่คิด แต่ถ้าโชคร้ายเราอาจต้องพักอยู่ที่นี่จนกว่าผมจะติดต่อคนของผมได้ คุณอยู่คนเดียวต้องระวังตัวให้มากๆ นะมุก”
“คุณเองก็ต้องระวังตัวเหมือนกันนะคะ ขอให้คุณกลับมาหาฉันอย่างปลอดภัย”
สองหนุ่มสาวต่างก็มอบรอยยิ้มที่อบอุ่นให้กันและกัน
โดยปกติแล้ว อาลีจะต้องไปกับโยเซฟผู้เป็นพ่อด้วยทุกครั้ง แต่เช้านี้เขาแสร้งทำเป็นป่วยเมื่อรู้ว่ามุกปรินทร์จะไม่เดินทางไปกับพวกเขา แต่เธอถูกวางตัวให้ช่วยงานอยู่ที่นี่แทน มีเพียงการีมเท่านั้นที่จะเดินทางไปด้วย ดังนั้นเขาจึงหาทางอยู่ที่นี่เพื่อจะหาโอกาสใกล้ชิดกับหญิงสาวในช่วงที่การีมไม่อยู่
“วันนี้ข้ารู้สึกไม่ค่อยสบาย ขอข้าพักสักวันนะท่านพ่อ”
“เจ้าเป็นอะไรมากหรือเปล่า”
“ท่านพ่อไม่ต้องเป็นห่วง ให้ข้านอนพักสักวันก็คงจะหายดี”
“ถ้าอย่างนั้นวันนี้เจ้าก็ไม่ต้องตามข้าไป นอนพักอยู่ที่นี่แหละ”
เมื่อกองคาราวานออกเดินทางไปค้าขาย อาลีก็สั่งติเยาะห์ให้ไปตามมุกปรินทร์ยกอาหารเช้าไปให้เขา จากนั้นก็เดินไปรอหญิงสาวในกระโจมที่พักของตนเอง รอยยิ้มและแววตาที่แฝงความเจ้าเล่ห์ฉายชัดบนใบหน้าของอาลี
“เจ้ามาก็ดีละ ช่วยยกสำรับอาหารนี้ไปที่กระโจมของอาลีแทนข้าทีสิ” ติเยาะห์เอ่ย
“เขาไม่ได้เดินทางไปกับกองคาราวานเหรอคะ”
“ทุกทีก็ใช่ แต่วันนี้อาลีไม่สบายก็เลยหยุดพัก รีบยกไปสิ ขืนชักช้าเขาโมโหขึ้นมาก็จะเดือดร้อนกันทุกคน”
มุกปรินทร์จำใจยกถาดอาหารนั้นเดินตรงไปที่กระโจมของอาลีด้วยความไม่สบายใจ
“อาหารเช้ามาแล้วค่ะ”
“เข้ามาสิ”
หญิงสาวเดินเข้าไปในกระโจมพร้อมกับถาดอาหารในมือ เธอเดินไปวางอาหารเหล่านั้นตรงหน้าเขา
“ขอตัวก่อนนะคะ”
อาลีเดินไปยืนดักหน้าหญิงสาวเอาไว้ “จะรีบไปไหน อยู่เป็นเพื่อนข้าก่อนสิ”
“คงไม่ได้เพราะฉันยังมีงานที่จะต้องไปทำอีกมาก”
“งานพวกนั้นก็ให้คนอื่นทำไป ส่วนเจ้ามาคอยดูแลและปรนนิบัติข้าดีกว่า” อาลีพูดพร้อมกับฉุดมือหญิงสาวให้เดินตามไปยังที่นอน หญิงสาวพยายามขัดขืน
“ปล่อยฉันนะ ฉันบอกให้ปล่อย”
มุกปรินทร์สะบัดข้อมืออย่างรุนแรงอยู่หลายครั้งกว่าจะหลุดพ้นเงื้อมือของอาลี เธอตำหนิเขาด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความไม่พอใจที่เขาหยามเกียรติเธอเช่นนี้
“คุณไม่ควรทำเช่นนี้กับภรรยาของคนอื่น หรือลืมไปว่าฉันมีสามีแล้ว”
“ไอ้การีมมันดีกว่าข้าตรงไหน”
“เขาไม่เคยบังคับจิตใจฉัน ให้เกียรติและปฏิบัติต่อฉันอย่างสุภาพอ่อนโยนเสมอ”
“เชื่อข้าสิข้าไม่ด้อยไปกว่ามันหรอกโดยเฉพาะเรื่องบนเตียง ถ้าเจ้าได้ลองลิ้มรสดูสักครั้ง รับรองจะต้องติดใจจนลืมไอ้การีมไปเลย”
อาลีพูดพร้อมกับเอามือมาลูบไล้ใบหน้าของมุกปรินทร์ ดวงตาที่มองมาที่เธอนั้นฉายแววหื่นกระหาย มุกปรินทร์รีบปัดมือเขาออกไปทันที เธอรู้สึกขยะแขยงกับสัมผัสของเขา
“ไม่มีวันที่ฉันจะนอกใจสามีของฉัน” หญิงสาวเน้นย้ำ
“ใช่ผัวเจ้าจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ บางทีพวกเจ้าอาจจะอ้างส่งๆ ไป”
“เราจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร” หญิงสาวย้อนถาม
แม้ใจจะหวาดหวั่นแต่ก็พยายามที่จะไม่แสดงพิรุธใดใดให้อีกฝ่ายจับได้
“ก็เพื่อตบตาคนอื่นๆ ความรู้สึกของข้ามันบอกว่าเจ้ากับไอ้การีมไม่ได้เป็นผัวเมียกันจริงๆ อย่างที่บอกกับใครต่อใคร”
“เหตุใดจึงคิดเช่นนั้น”
“มีผัวเมียคู่ไหนบ้างที่ปฏิบัติต่อกันอย่างห่างเหินเช่นที่พวกเจ้าทำ”
“เราไม่จำเป็นต้องแสดงความรักกันต่อหน้าคนอื่นๆ เพื่อยืนยันถึงความสัมพันธ์ของเรา แค่รู้ว่าเราเป็นของกันและกันก็พอ ส่วนคุณจะเชื่อหรือไม่เราคงไม่สามารถไปบังคับความคิดของคุณได้ และคุณก็ไม่มีสิทธิที่จะมาแตะเนื้อต้องตัวภรรยาของคนอื่น สิ่งที่คุณทำมันไม่ถูกต้อง หากคุณยังพยายามที่จะเอาเปรียบฉันเช่นนี้ ฉันจะนำเรื่องนี้ไปบอกให้พ่อของคุณรู้“
“เจ้ามีสิทธิอะไรมาขู่ข้า เชื่อจริงๆ เหรอว่าพ่อของข้าจะเชื่อคำพูดของเจ้า อย่าลืมสิว่าข้าเป็นลูกของเขาส่วนเจ้าเป็นเพียงผู้อาศัย”
“ถึงจะเป็นผู้อาศัยแต่ไม่ได้หมายความว่าใครจะมาลวนลามตามอำเภอใจได้ง่ายๆ”
“ปากดีนักนักนะ”
มุกปรินทร์รีบวิ่งออกไปจากกระโจม เมื่อเห็นอีกฝ่ายเดินย่างสามขุมตรงเข้ามาหาเธอด้วยความโกรธ
“เกิดอะไรขึ้น วิ่งหนีอะไรมาหรือว่ามีใครทำอะไรเจ้า” ติเยาะห์เอ่ยถามเพราะรู้นิสัยของอาลีเป็นอย่างดี
เพราะตนเองก็เคยตกเป็นเหยื่อกามารมณ์ของเขามาก่อนเช่นกัน
“เปล่าหรอก จะให้ฉันช่วยทำอะไรอีกไหม”
“เจ้าตามมาช่วยข้าทำความสะอาดกระโจมของท่านหัวหน้าละกัน”
มุกปรินทร์ทำงานทุกอย่างตามที่ติเยาะห์บอก ระหว่างทำงานเธอจะระวังตัวเสมอเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับอาลี และพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการอยู่กับเขาตามลำพัง แม้ว่าจะคอยระวังตัวแต่เธอก็ยังโดนอาลีเอารัดเอาเปรียบด้วยการแตะเนื้อต้องตัวเธอต่อหน้าคืนอื่นๆ อยู่บ่อยครั้ง โดยแสร้งทำให้ดูเหมือนเป็นอุบัติเหตุแต่เธอรู้ว่าเขาจงใจ ครั้งหลังสุดถึงขั้นลูบบั้นท้ายเธอพร้อมกับยักคิ้วให้อย่างไม่ละอายที่กระทำการหยามเกียรติเธอเช่นนั้น
หญิงสาวทั้งรังเกียจและขยะแขยงสายตาและการกระทำของอาลี แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากเร่งทำงานที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จ จากนั้นก็อยู่แต่ในที่พักของตนเองเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า ทำให้อาลีไม่สามารถเข้าถึงตัวเธอได้ เขาจึงแสดงความหงุดหงิดด้วยการอาละวาดขว้างปาข้าวของ ไม่ว่าใครก็เข้าหน้าเขาไม่ติด
