CHAPTER 2
ส่วนฉันคืออารยา วรกุล หรือข้าวหอม อายุ 27 ปี เรียนจบปริญญาตรี ด้านบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยชั้นนำด้วยเกียรตินิยมเหรียญทอง และจบ Certificate English ที่ออสเตรเลีย กลับมาก็ได้เข้ามาทำงานเป็นเลขาของท่านประธานอัครเดช ซึ่งฉันทำงานมาปีนี้เข้าปีที่ 3 แล้ว การทำงานเป็นไปด้วยดี เพราะถึงแม้ว่าท่านจะเป็นคนเด็ดขาด แต่สำหรับเลขามากประสิทธิภาพอย่างเธอ ก็ไม่เคยที่จะโดนตำหนิแม้แต่ครั้งเดียว
ข้าวหอมรีบออกมาชงกาแฟให้ท่านประธาน เพื่อจะได้กลับไปเคลียร์ตารางงานที่ค้างอยู่เมื่อวานให้เสร็จ แม้ว่าไม่เคยโดนตำหนิ แต่เธอก็ต้องรีบทำงานไม่ให้บกพร่อง
เจ้าสัวอัครเดช มองตามเลขาของเขาไปด้วยแววตานิ่งๆ
ระหว่างที่ข้าวหอมเดินถือถ้วยกาแฟกลับไปยังห้องท่านประธาน ก็เจอพี่อรอนงค์ ผู้จัดการฝ่ายการเงินเดินสวนทางมาพอดี
“น้องข้าวหอม สวัสดีจ้ะ” อรอนงค์เข้ามาทักทายข้าวหอมด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เธอเอ็นดูเด็กคนนี้ ที่ทั้งสวยและเก่ง
“อ้าว สวัสดีค่ะพี่อร นำเอกสารงบการเงินประจำเดือนมาส่งให้ท่านถึงมือเองเลยเหรอคะ วันหลังเรียกข้าวหอมไปรับได้ก็ได้ค่ะ พี่อรงานเยอะ หาเวลาพักผ่อนบ้างนะคะ” ข้าวหอมเอ่ยบอกอรอนงค์ด้วยใบหน้ายิ้มๆ
อรอนงค์เป็นหญิงวัยเกือบ 40 ปีที่สวยมากแถมยังใจดีอีกต่างหาก ใครบอกว่าคนทำงานด้านการเงินมีแต่คนจืดๆ เชยๆ เธอของเถียงเลย เพราะพี่อรทั้งสวย ทั้งเก่ง แถมแต่งตัวทันสมัย และยังช่างเมาท์ด้วย อย่างตอนนี้..
“ใช่แล้วจ้ะ น้องข้าวหอมคนสวย พี่เอางบการเงินมาให้ท่านประธานพิจารณา แต่ที่เดินมาถึงนี่เพราะพี่อรมีเรื่องจะเมาท์”
เธอพูดจบก็หันซ้ายหันขวา เหมือนเรื่องที่เมาท์เป็นความลับอย่างไงอย่างนั้น จนข้าวหอมอดที่จะยิ้มกับท่าทางนั้นไม่ได้
“มีเรื่องอะไรเหรอคะพี่อร” ข้าวหอมทำหน้าตาสนใจขึ้นมาทันที
ข้าวหอมกับอรอนงค์ค่อนข้างจะสนิทกันในระดับหนึ่ง เธอเป็นคนที่คอยช่วยเหลือและสอนงานข้าวหอมมาตลอดตั้งแต่เข้ามาเริ่มทำงานที่นี่แรกๆ
“พี่ได้ข่าวมาว่าท่านประธาน จะให้ลูกชายคนเดียวของท่านมารับตำแหน่งประธานคนใหม่แทนท่านเร็วๆ นี้น่ะสิ”
ข้าวหอมได้ยินก็ยิ้มๆ เพราะท่านเจ้าสัวเคยพูดเปรยๆ กับเธอไว้บ้าง ว่าอยากอยู่บ้านเงียบๆ กับคุณน้ำผึ้ง ก็นะ ตอนนี้ท่านเจ้าสัวก็อายุเกือบจะ 70 ปีแล้ว ส่วนภรรยาท่านอายุน้อยกว่าท่านหลายปี ท่านมีลูกชายคนเดียวที่ตอนนี้เรียนจบจากอเมริกาแล้วก็ไปทำงานอยู่ที่ฮ่องกง โดยคุมทั้งโรงแรมและกาสิโนอยู่ที่นั่น แต่เธอไม่เคยพบเจอเขาเลย เห็นว่าอายุ 27 ปี เท่าเธอ
“ท่านอายุมากแล้ว คงอยากวางมือจากธุรกิจไปพักผ่อนอยู่บ้านชิลๆ กับภรรยาเนอะ เงินทองก็มากมาย ก็คงไม่น่าแปลกอะไรนะคะ”
ข้าวหอมเอ่ยขึ้นมาอย่างเป็นกลางๆ
“ก็ไม่แปลกหรอกนะ แต่พี่เป็นห่วงข้าวหอมมากกว่า ได้ข่าวมาว่า ลูกชายท่านประธานมีนิสัยเข้มงวด เนี้ยบและออกแนวจอมโหด เพราะเขาเป็นมาเฟียน่ะสิ แต่ได้ข่าวว่าหน้าตานั้นหล่อ สูง ขาว เท่ เป็นขวัญใจสาวๆ และข่าวว่าเป็นคาสโนว่าตัวพ่อด้วย ข้าวหอมระวังไว้หน่อยก็ดีนะจ๊ะ”
..นี่สินะเรื่องเมาท์ของจริง..
“ถ้าข้าวหอมไม่ได้ทำอะไรผิด หรือไปขัดใจเขา เขาคงไม่ทำอะไร ข้าวหอมหรอกค่ะพี่อร อีกทั้งไม่แน่ว่าเขาจะให้ข้าวหอมเป็นเลขาเขาไหม เขาอาจจะมีเลขาติดตามมาก็ได้ แต่ก็ขอบคุณพี่อรมากๆ ค่ะที่เป็นห่วง”
ข้าวหอมยิ้มรับคำเตือนของพี่อร เธอไม่กลัวเลยเพราะเธอถือว่าตัวเองก็เป็นเลขาที่ทรงประสิทธิภาพคนหนึ่งเหมือนกัน
“นั่นสิ เขาคงเป็นคนมีเหตุผลละมั้งเนอะ ตายแล้วๆ เมาท์เพลินไปหน่อย จะ 11.00 แล้วเหรอเนี่ย พี่ไปก่อนนะ ยังเตรียมเอกสารที่จะเข้าประชุมไม่เสร็จเลย” อรอนงค์ก้มมองนาฬิกาของตัวเอง แล้วร้องขึ้นมาด้วยความตกใจ
“ได้ค่ะ รีบๆ เลยค่ะ”
หลังจากนั้นทั้งสองคนต่างเดินกลับไปทำหน้าที่ของตัวเอง
