ตอนที่ 1 ครั้งนี้จริงจัง
ความเป็นจริงเป็นจังของสองแม่ลูกฉายชัดให้รติภัทรได้เห็นมากขึ้นเมื่อเช้าวันต่อมาสองแม่ลูกก็หาข้อมูลโรงเรียนใหม่อย่างตั้งใจ
“พ่อครามคะ ยัยรุ้งกับหนูเล็กเอาใหญ่แล้วพ่อครามทำอะไรสักอย่างสิ” รติภัทรเอ่ยกับปลายสายโทรศัพท์ในขณะที่สายตายังคงมองไปยังสองแม่ลูกที่นั่งหาข้อมูลอยู่ด้วยสีหน้าหนักใจ
“ปล่อยไปก่อนน้องครีม อีกหน่อยก็คิดกันได้เองนั่นล่ะ” ปลายสายซึ่งก็คือพลเรือตรีสิรภัทร หรือพ่อสีครามของรติภัทรและรัมภาภัสร์เอ่ยกลับมา
“โธ่ พ่อครามขา ยัยเด็กดื้อสองคนนี้กำลังหาข้อมูลโรงเรียนกับที่ทำงานกันแล้วนะคะ ท่าทางคราวนี้อีกนานกว่าจะคิดได้ ทำตามใจตัวเองกันเหลือเกินทั้งแม่ทั้งลูก” ว่าก็ว่าเถอะ แม้รัมภาภัสร์จะเป็นน้องสาวแต่รติภัทรก็เข้าข้างฝั่งราชนาวีมากกว่า ด้วยว่าเพื่อนของเธอเป็นทหารเรือที่มักจะต้องไปราชการปุบปับอยู่เสมอ หรือบางครั้งก็มีภารกิจที่เร่งด่วน และชายหนุ่มมักจะทำอะไรด้วยเหตุผล ผิดกับน้องสาวของเธอที่มักจะทำอะไรตามใจตัวเองและลูกโดยไม่ฟังเหตุผลของอื่น
“พ่อไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน คงต้องปล่อยไปก่อน จนกว่ารักจะกลับมาจากคาบสมุทรอินเดียโน่นแหละ ให้เวลาพวกเขาได้เรียนรู้กันบ้าง น้องเราน่ะถึงจะเอาแต่ใจแต่ก็เก็บตัวอย่างกับอะไรดีไม่เคยไปไหนมาไหนไกล ๆ ยังไม่รู้ทันอะไรอีกหลายอย่างให้น้องกับหลานเราได้เรียนรู้เสียบ้างก็ดี พ่อครามเชื่อนะว่าสุดท้ายแล้วทั้งคู่จะคิดได้เป็นเสียงเดียวกันว่าไม่มีที่ไหนอยู่แล้วสุขกายสบายใจเท่าที่บ้านหรอกและการได้อยู่กันเป็นครอบครัวย่อมดีกว่าพ่อไปทางแม่ไปทาง”
“ครีมก็หวังว่ายัยหนูเล็กจะคิดแบบนั้นได้นะคะ” หญิงสาวบอกกับคนเป็นพ่อขณะที่หลุบตาลงด้วยความรู้สึกผิด ไม่มีที่ไหนสุขใจเท่าบ้านจริงแท้อย่างที่ผู้เป็นพ่อพูด แต่ตัวเธอก็ยังดึงดันขอเวลา10ปีออกมาตามความฝันก่อนจะกลับไปอยู่บ้านพร้อมหน้าพร้อมตา เธอช่างเป็นลูกที่อกตัญญูเสียจริง
“พ่อก็หวังว่าเมื่อวันนั้นมาถึงจะได้เห็นทั้งน้องรุ้งและน้องครีมกลับมาอยู่บ้านเรานะ”
“ค่ะพ่อคราม ครีมสัญญา ยัยรุ้งยอมกลับบ้านเมื่อไหร่ครีมจะกลับไปอยู่กับพ่อคราม กับแม่เพียงแล้วก็น้อง ๆ”
“ไม่สิ ต้องพาลูกเขยกลับมาด้วย อย่ามาคนเดียว” คนเป็นพ่อตอบกลับก่อนที่จะขอวางสายเมื่อมีเอกสารที่ต้องเซ็นต์ รติภัทรย่นคิ้ว ราชนาวีอยู่คาบสมุทรอินเดียแล้วเมื่อไหร่จะกลับมาเอายัยเด็กดื้อสองคนนี้กลับล่ะเนี่ย
‘3เดือนนะรัก ฉันให้เวลาแก3เดือน ถ้าแกไม่กลับมาฉันจะพายัยเด็กดื้อพวกนี้กลับบ้านเอง แล้วเป็นบ้านฉันด้วยไม่ใช่บ้านแก’ รติภัทรบ่นในใจก่อนที่จะเดินเข้าไปหาสองแม่ลูก
“ว่าไงแม่ลูก ได้โรงเรียนใหม่กันหรือยัง?”
“โรงเรียนของหนูเล็กได้แล้วค่ะ ไม่ไกลจากคอนโดพี่ครีมเท่าไหร่ เรื่องโรงเรียนยังไม่ต้องรีบหรอกเพราะว่าช่วงนี้ยังเป็นช่วงปิดเทอม” รัมภาภัสร์บอก “ส่วนของรุ้ง นี่เลย เขากำลังเปิดรับสมัครพอดี ที่เดียวกับพี่ครีม”
ปัจจุบันคนเป็นพี่นั้นเป็นมัณฑนากรอยู่ที่บริษัทออกแบบและตกแต่งภายในแห่งหนึ่ง เธอเองก็จบมัณฑนศิลป์มาเช่นเดียวกับพี่สาวแต่ยังไม่ทันได้ใช้ความรู้ที่ร่ำเรียนมาก็ดันมีรัมภาวีร์เสียก่อน เวลานี้จึงเป็นโอกาสดีที่เธอจะได้ทำตามความใฝ่ฝันของเธอ แม้จะรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้วว่าสักวันเด็กหญิงรัมภาวีร์จะต้องร่ำร้องกลับไปหาคนเป็นพ่ออย่างคนที่สายเลือดตัดกันไม่ขาดแต่เธอก็อยากจะลองทำงานที่ใฝ่ฝันมาสักครั้ง แม้เวลามันอาจจะสั้นก็เถอะ
“ตามใจทั้งคุณแม่คุณลูกเลยจ้า อยากทำอะไรก็ทำ” บอกก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าและใส่รองเท้า “พี่ไปทำงานก่อนนะ แล้วเดี๋ยวพี่จะลองคุยกับบอสดู”
“ขอบคุณค่ะ”
“ตั้งใจทำงานนะครีมจ๋า กลับมาเร็ว ๆ ด้วยหนูเล็กอยากกินหมูกระทะ” หนูน้อยรัมภาวีร์บอกพร้อมกับโบกมือไปมา
“โอเค งั้นเดี๋ยวเย็นนี้ครีมจ๋าจะพาไปกิน แต่ครีมจ๋าเปย์เยอะไม่ไหวนะ งบน้อย” คนเป็นป้าบอกก่อนที่จะออกจากห้องไปในทันที
รัมภาภัสร์ยิ้มก่อนจะยกมือขึ้นตบกับฝ่ามือน้อย ๆ ของลูกสาว “ครีมจ๋าไปแล้ว เราออกไปกันบ้างดีกว่า”
“หนูเล็กพร้อมมาก” หนูน้อยตอบรับก่อนที่สองแม่ลูกจะจูงมือกันออกจากห้องบ้าง สถานที่แรกที่จะไปก็คือบริษัทที่รติภัทรทำงานอยู่
เพราะรัมภาภัสร์ชอบที่จะทำอะไรด้วยตัวเอง เธอจึงคิดที่จะไปสมัครงานด้วยตัวเองไม่อยากจะให้ใครเรียกว่า “เด็กฝาก”
“ครีมจ๋าต้องตกใจแนะเลย”
“ก็เราต้องการให้ครีมจ๋าตกใจนี่เนาะ” รัมภาภัสร์บอกยิ้ม ๆ ในระหว่างที่พี่สาวเลี่ยงออกไปคุยโทรศัพท์เธอและลูกสาวได้ตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วถึงแผนการที่จะไปปรากฎตัวที่บริษัทของรติภัทรเพื่อที่จะสมัครงานและจะไม่บอกรติภัทรจนกว่าคุณป้ายังสาวจะเห็นเอง
