7 เริ่มต้นดี มีชัยไปกว่าครึ่ง
รามัญเลี้ยวรถเข้าซอยเล็ก ๆ ที่ดูคุ้นเคย ก่อนจะจอดเทียบหน้าร้านอาหารตามสั่งธรรมดา ๆ ที่มีป้ายบอกชื่อร้านทำจากไวนิลเก่า ๆ ความสง่างามของรถซีดานคันหรูดูไม่เข้ากับบรรยากาศของร้านเลยแม้แต่น้อย
ณัฐชารู้สึกแปลกใจเล็กน้อยขณะก้าวลงจากรถ เธอยอมรับว่าในความคิดแรกว่า คนระดับรามัญจะต้องเป็นมื้ออาหารสุดหรูในร้านอาหารระดับท๊อป ซึ่งเหมาะกับสถานะของเขาที่เป็นถึงประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์ระดับหมื่นล้าน
แต่เมื่อเดินตามรามัญเข้าไปในร้านเล็ก ๆ ที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของพริกกระเทียมเจียว ทุกความคาดหวังของณัฐชาก็พังทลายลง มันเป็นร้านที่เรียบง่ายที่สุด มีเพียงโต๊ะเก้าอี้ไม้ธรรมดา ๆ และลูกค้าที่เป็นพนักงานออฟฟิศในตึกใกล้เคียง
“ร้านนี้...อร่อยที่สุดในย่านนี้แล้ว ผมกินของป้าเค้ามาตั้งแต่เรียนมัธยมนู่น” รามัญเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มอย่างเป็นกันเอง
“กระเพราะไข่เยี่ยวม้า คุณจะลองสั่งตามผมก็ได้นะ” เขาเอ่ยขึ้นขณะที่ณัฐชานั่งลงตรงข้ามกับเขา ความประหม่าของเลขาฯ สาว ลดลงอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นรามัญเป็นคนติดดินเหมือนอย่างที่เธอเป็น ณัฐชาสั่งเมนูเดียวกับเขาเพื่อความรวดเร็ว เพราะว่าเธอก็หิวแล้วเหมือนกัน กลิ่นหอมของอาหารในร้านนี้ช่างยั่วยวนน้ำลายไม่ใช่เล่น
เมื่ออาหารจานหลักมาวางตรงหน้า รามัญ ไม่ได้แสดงท่าทีสงวนตัวตามแบบฉบับของท่านประธานแม้แต่น้อย เขารีบตักเอาพริกน้ำปลาในถ้วยเล็ก ๆ ขึ้นมาราดลงบนจานอาหารของตัวเองอย่างคล่องแคล่ว ท่าทีของเขาไม่มีความกระด้างของชนชั้นสูงหลงเหลืออยู่เลย มีความติดดินที่เปิดเผย ช่างแตกต่างจากตำแหน่งหน้าที่และหน้าตาทางสังคมโดยสิ้นเชิง
“คุณชอบกินเผ็ดเหรอคะ” ณัฐชามองเขาด้วยความแปลกใจ ก่อนจะเอ่ยถามเมื่อมองพริกขี้หนูซอยที่อยู่บนจานของเขา
“ครับ ผมชอบเผ็ด ๆ” รามัญยิ้ม
“มันเผาผลาญดี” เขาหยุดชั่วครู่ แล้วเลิกคิ้วถามกลับ
“แล้วคุณล่ะ”
“เผ็ดก็ชอบบ้าง แต่ทานมากไม่ได้ เหงื่อมันออกเยอะ” เธอตอบ พลางใช้ช้อนเขี่ยพริกที่ติดมากับกระเพราะออกอย่างระมัดระวัง
“หึ! คุณคงจะกลัวเหงื่อออกแล้วไม่สวยใช่มั้ย” รามัญหัวเราะเบา ๆ สายตาของเขาจ้องมองเธออย่างเปิดเผย แต่เต็มไปด้วยความหยอกล้อ
ณัฐชาทำจมูกย่นเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยตอบ
“โธ่!!! คุณราม...ฉันเป็นผู้หญิงนะคะ ก็ต้องระมัดระวังเรื่องความสวยบ้างเป็นธรรมดา”
“ผมขอถามอะไรอย่างหนี่งได้ม่ะ” รามัญเอ่ยขึ้นอย่างมีความหมาย ขณะที่กำลังทานอาหาร ดวงตาของเขาทอประกายอย่างมีเลศนัย ราวกับกำลังวางแผนอะไรบางอย่าง
“คุณกล้านั่งมอเตอร์ไซค์กับผมมั้ย” แล้วรามัญก็ถามขึ้นต่อจากนั้น เสียงทุ้มของเขามีความท้าทายเธออยู่ไม่น้อย
“คะ” ณัฐชาอุทานเบา ๆ หญิงสาวนิ่งไปเล็กน้อย พยายามประมวลผลกับคำถามที่หลุดโลกนี้
“หมายความว่าจะให้ฉันซ้อนมอเตอร์ไซค์เหรอคะ” เธอถามย้ำอย่างไม่แน่ใจ
“อืม” รามัญพยักหน้าอย่างง่ายดาย
“แต่ไม่ใช่ตอนนี้หรอก” เขาหัวเราะเบา ๆ พลางเหลือบมองกระโปรงสั้นเหนือเขาที่เธอสวมใส่มาแล้วยิ้ม
“ผมมี บิ๊กไบค์ คันโปรดอยู่ที่เชียงใหม่ พอไปถึงที่นั่น ผมไม่ค่อยชอบขับรถยนต์หรอก มันน่าเบื่อ”
ณัฐชานึกภาพของเขา ขณะขับบิ๊กไบค์มันดูขัดแย้งกันดูชอบกลกับหมาดนักธุรกิจของเขา
“ถ้าคุณบอกล่วงหน้า ฉันก็ยินดีค่ะ” ณัฐชารับคำอย่างหนักแน่น
“แต่คงต้องขอใส่กางเกงนะคะ”
“ครับ!” รามัญยิ้มกว้างอย่างพึงพอใจ
“อยู่กับผมคุณอาจจะต้องแอดเวนเจอร์หน่อยนะ” รามัญกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ท้าทาย
“ฉันพอจะไปกับคุณได้ค่ะ” ณัฐชาตอบกลับด้วยแววตาที่สั่นไหว แต่แล้วความกังวลเล็ก ๆ ก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเธอ
“แต่ขออย่างเดียว... คุณห้ามขับเร็วเด็ดขาด” เธอเอ่ยอย่างมีนัยยะแฝงความจริงจัง
“คุณกลัวเหรอ” รามัญเลิกคิ้วถามอย่างสังเกต ก่อนจะเห็นถึงร่องรอยความไม่สบายใจที่เธอพยายามซ่อนไว้
“ค่ะ... เมื่อก่อนลูกชายฉันเคยขับบิ๊กไบค์ล้มมาแล้ว” น้ำเสียงของเธอแผ่วลงเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต
รามัญมองเธอด้วยความเข้าใจ ถึงแม้เขาจะไม่มีลูกชาย แต่ในอดีตพ่อของเขาก็ห่วงเขาแบบนี้ในช่วงที่เขาเองยังวัยรุ่นและเริ่มขับมอเตอร์ไชด์ไปออกทริป แต่แล้วรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าคมสันของเขาอีกครั้ง
“แสดงว่าลูกชายคุณกับผมน่าจะเข้ากันได้ วันหลังจะต้องชวนไปออกทริปด้วยกันสักหน่อยซะแล้ว”
“คงไม่ได้หรอกค่ะ!” ณัฐชารีบปฏิเสธอย่างรวดเร็ว สีหน้าของเธอจริงจังขึ้นทันที
“ทำไมล่ะ”
“ฉันบังคับให้เค้าขายบิ๊กไบด์คันนั้นไปแล้ว”
“โธ่คุณ!!... วัยรุ่นกับมอเตอร์ไซค์มันเป็นของคู่กันนะ” รามัญเอ่ยทักท้วงอย่างไม่เห็นด้วย
“ก็ฉันห่วงลูกนี่คะ” ณัฐชายืนกรานหนักแน่น แววตาที่ฉายความรักและความเป็นห่วงลูกของเธอนั้น ทำให้รามัญต้องสงบลงทันที
“ผมสัญญาว่าผมจะไม่ขับเร็วให้คุณต้องตกใจ...” รามัญรับปากอย่างจริงจัง
เขาไม่ยอมให้บทสนทนาหยุดอยู่แค่นั้น ก่อนจะวกกลับมาคุยเรื่องอาหารตามเดิม
“ไว้ไปเชียงใหม่ผมจะพาคุณไปทานก๋วยเตี๋ยวต้มยำที่อร่อยสุด รับรองรสชาติอย่างงี้เลย” เขายกนิ้วโป้งขึ้นมาประกอบ
“โอ๊ย! ไม่เอาหรอกค่ะ ฉันทานของพวกนั้นทีไรเหงื่อแตกท่วมตัวตลอด เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือนนะคะ” ณัฐชาทำท่างอนใส่เขา
“เอาน่า รอบหน้ารับรองเป็นห้องแอร์ แต่ร้านนี้ถ้าคุณไม่กินก๋วยเตี๋ยวก็กินข้าวซอยก็ได้นะ อร่อยเหมือนกัน” รามัญรับปากอย่างรวดเร็ว สีหน้าของเขามีความมุ่งมั่นคล้ายเวลาปิดดีลใหญ่ ๆ
“แต่ไม่ว่าจะเป็นกะเพราร้านนี้ หรือก๋วยเตี๋ยวร้านหน้า... ผมรับรองว่าคุณจะไม่มีทางเบื่อมื้ออาหารที่ไปทานกับผมอย่างแน่นอน”
คำพูดของเขานั้นเหมือนไม่ได้เชิญชวนไปทานอาหารสักเท่าไหร่ แต่เป็นการเชิญชวนให้ก้าวเข้าสู่ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดต่างหาก และณัฐชาก็รับรู้ถึงความนัยนั้นได้อย่างชัดเจน เพราะเธอเคยเจอผู้ชายที่เข้ามาจีบเธอทำนองนี้มากมาย
หญิงสาวนั่งคิดในใจว่าที่เขาทำไปทั้งหมดนั้นไม่ได้เสแสร้ง รามัญไม่ได้ติดหรูอย่างที่เธอคิดไว้ในตอนแรกเลยสักนิด
ณัฐชายังสังเกตต่อไปอีกว่า รามัญไม่ได้มีท่าทีรังเกียจกับความแออัดหรือความไม่หรูหราของสถานที่ ตรงกันข้าม... เขากำลังเพลิดเพลินกับการพูดคุยเป็นกันเองอย่างสบาย ๆ ราวกับกำลังนั่งทานอาหารกับเพื่อนสนิท มากกว่าเลขาฯ คนใหม่ที่เพิ่งรับเข้าทำงานได้ไม่กี่ชั่วโมง
ความเรียบง่ายที่ถูกซ่อนไว้ภายใต้ความมั่งคั่ง เป็นเสน่ห์อีกด้านที่ทำให้ณัฐชารู้สึกสนใจรามัญมากขึ้นกว่าเดิม และทำให้กำแพงความระมัดระวังที่เธอตั้งไว้เพื่อป้องกันตัวเองจากเจ้านาย... ค่อย ๆ สั่นคลอนลงทีละน้อย