Chapter -Two- [1/2]
คีนได้แต่มองตามหลังพ่อที่เดินจากไปหลังจากตอกย้ำคำสั่งที่ไม่น่าฟังเลยสักนิดสำหรับเขา มันจะเป็นไปได้อย่างไรว่า คีน ชอว์น จะปล่อยให้ผู้หญิงที่เขาต้องการลอยนวลไปง่ายๆ
“สี่ห้าวันอย่างงั้นเหรอ...ก็เพียงพอแล้ว” คีนเปรยออกมา พ่อไม่บอกเหตุผลอะไรเลย แต่คีนก็ไม่โง่พอที่จะขัดคำสั่งของฟิลิป “ฉันแตะต้องเธอไม่ได้ แต่เธอแตะต้องฉันได้นะ” คีนยกมือข้างที่สัมผัสหญิงสาวขึ้นมา กลิ่นความหอมน่าหลงใหลยังคงอยู่
ตูม! คีนถอดเสื้อออกกระโดดลงสระน้ำ ออกกำลังกาย เขาต้องออกแรงให้บางอย่างในตัวเขาได้รับการผ่อนคลายเมื่อทุกอย่างไม่ได้เป็นไปตามคาดหมาย
ทางด้านตะวันที่วิ่งกลับเข้าห้องนอนตัวเอง ใบหน้าเธอแดงก่ำ ลมหายใจ ถี่แรง แต่ใบหน้ากลับรอยยิ้ม ดวงตาส่องประกายแวววาวอย่างมีความสุข มือเล็กยกขึ้นมาสัมผัสริมฝีปากที่เธอยังรู้สึกถึงสัมผัสของคีน นี่เธอพึ่งมาถึงวันแรกความคืบหน้าของเสน่ห์ในตัวเธอก็ใช้ได้กับคีนได้อย่างน่าประทับใจ
“ผู้หญิงร่านอย่างงั้นเหรอ” ตะวันเปรยสรรพนามที่คีนใช้กับเธอ และคงจะเป็นเขาคนเดียวบนโลกใบนี้ที่เรียกเธอแบบนั้น เพราะฉะนั้นเธอก็จะจัดให้เขาแบบไม่ผิดหวังแพ็คเกตร่านฉบับฟูออฟชั่นที่มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่จะได้รับ คีน ชอว์น
ตะวันที่เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ลงมาข้างล่างตามคำเชิญของฟิลิปที่ให้คนไปตามเธอมาดินเนอร์ ตะวันมองโต๊ะอาหารที่จัดไว้เพียงสองที่ แสดงว่าคีนคงไม่อยู่
“นั่งสิตะวัน” ฟิลิปเอ่ยและเดินมาขยับเก้าอี้ให้กับตะวัน
“ขอบคุณค่ะ”
“มื้อนี้คงมีเราเพียงสองคน ซึ่งฉันดีใจนะที่วันนี้ฉันมีเพื่อนดินเนอร์”
“ทำไมเหรอคะ ปกตินายท่านต้องทานอาหารตามลำพังเหรอคะ”
“ก็เป็นส่วนใหญ่...คีนออกไปทำงาน และคงไปต่อตามประสาเขา กว่าจะกลับก็ดึกๆ ไม่ก็เกือบเช้า แต่ฉันชินเสียแล้ว...” ตะวันทำเพียงยิ้ม เป็นธรรมดาของคนที่อายุมาก ฟิลิปเองก็เช่นกันเขาเข้ามาช่วงวัยที่ต้องการ มีลูกหลานใกล้ๆตัว ดินเนอร์เป็นไปอย่างสบายๆ เพราะตะวันไม่ได้ห่างการติดต่อกับฟิลิปนานนักแบบที่คนอื่นเข้าใจ การติดต่อระหว่างฟิลิปและเธอไม่มีใครรู้แม้แต่แคทรีนที่ตะวันไม่สามารถบอกให้รู้ได้
“มิซาโต้จะเดินทางมาร่วมงานของนายท่านด้วยนะคะ” ฟิลิปยิ้มออกมา เมื่องานที่เขามอบหมายให้ตะวันดำเนินการผลออกมาอย่างเกินคาด
“แล้วเขาติดปัญหาในเรื่องของสัญญาบ้างมั้ย”
“บอกตามตรงเลยนะคะ เรื่องนี้ตะวันไม่ทราบเลยจริงๆ มิซาโต้ไม่เคยพูดเรื่องงานให้ตะวันฟังเลย”
“อย่างงั้นเหรอ แต่ฉันคิดว่าเขาน่าจะตกลงนะ บางทีการเดินทางมาร่วมงานของฉันในครั้งนี้อาจมาพร้อมข่าวดีก็เป็นได้”
“ตะวันก็คาดหวังให้นายท่านสมปราถนาค่ะ” ฟิลิปเผยรอยยิ้มออกมา หลังจากสิ้นสุดการดินเนอร์ ตะวันเดินออกจากอาคารบ้าน บ้านหลังนี้ยังสวยงามยิ่งใหญ่เหมือนเดิม ในตอนกลางคืนที่ดวงไฟพร้อมใจกันทำงานส่องสว่างให้อาณาบริเวณบ้านสวยงามไปอีกแบบในยามค่ำคืน
ตะวันหวลคิดถึงคีน ถ้าตอนนี้เขาออกไปทำงานอย่างที่ฟิลิปว่าจริงๆ ก็คงไม่พ้นงานที่ผิดกฎหมาย และคีนต้องเป็นผู้นำในการควบคุมดำเนินงานด้วยตนเอง ตะวันเงยหน้ามองท้องฟ้าภาพสะท้อนใบหน้าของคีนปรากฎให้เธอได้เห็นภายใต้สำนึกของเธอเอง สองแขนเล็กยกขึ้นมาโอบกอดตัวเองเมื่อความอบอุ่นบริเวณนั้นน้อยลงทุกที ความมืดมิดปกคลุมไปทั่วอาณาบริเวณแต่ก็มีแสงไฟจากดวงไฟที่ติดตั้งประดับประดาสวยงามตามลักษณะของบ้านที่ต้องมีเวรยามเฝ้าตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง
ตะวันเดินไปเรื่อยๆ ผ่านหน้าเวรยามร่างใหญ่ของบ้านที่ก้มศีรษะให้เธอเล็กน้อยเป็นการแสดงความเคารพ ที่นี่แตกต่างกับบ้านที่ญี่ปุ่นที่บ้านไม่ใหญ่โต ตะวันอยู่กับแคทรีนที่มีครอบครัวและกำลังจะคลอดลูกคนแรกในอีกไม่กี่วัน แน่นอนว่าพวกเธอรู้แล้วว่าเป็นเด็กผู้หญิง ที่นั้นอบอุ่นแต่ตะวันอยากกลับมาที่นี่ตลอดเวลา
“มันมืดแล้วนะ” ตะวันหันหลังกลับเมื่อเสียงของคนเมื่อตอนบ่ายดังมาจากที่ไม่ไกลนัก
“ฉันเห็นอยู่” ตะวันตอบกลับ สายตาจับจ้องมองคีน ในชุดดำทั้งชุด เขากลับมาแล้วแสดงว่างานที่ทำเสร็จลุล่วงแล้วสินะ แต่เขาคงยังไม่ได้กลับขึ้นห้องส่วนตัวของตัวเอง เพราะอาวุธประจำกายยังเหน็บอยู่ที่ขอบเอวกางเกง
“ให้ไปส่งที่ห้องมั้ย?” คีน เอ่ยออกมาอย่างใจดี พร้อมกับขยับเข้ามาใกล้ โดยที่ตะวันไปหลบหลีกหรือถอยออกห่างสักนิด
“ห้อง? ของฉันหรือของคุณ”
“ก็ขึ้นอยู่กับเธอว่าอยากจะไปห้องไหน”
“ถ้าฉันเบื่อห้องสี่เหลี่ยม ฉันอยากอยู่กับธรรมชาติบ้างละคะ”
“ฉันไม่เกี่ยงงอนอยู่แล้ว ที่ไหนก็ไม่เป็นปัญหา ถ้าเธอยินยอมให้ฉันขัดคำสั่งของพ่อ”
“คำสั่งนายท่าน?...อะไรเหรอคะ”
“อยากรู้เหรอ?” คีนขยับเข้าโอบกอดร่างบางกลิ่นหอมไปทั้งตัว ลมหายใจเขาเป่ารดใบหน้าของตะวัน ที่ยังยืนนิ่งปล่อยให้คีนทำตามที่อยากทำ หัวใจของเธอมันบอกแบบนั้น
“เธอต่างหากต้องบอกฉันว่าทำไมพ่อถึงไม่ให้ฉันแตะต้องเธอ” ตะวันยิ้มออกมาในทันที
“ถ้าฉันบอกคุณ แล้วฉันจะได้อะไร”
“ก็ขึ้นอยู่กับเธอ เพราะฉันคงไม่อาจหาญพอที่จะขัดคำสั่งพ่อ แต่เธอไม่ได้ถูกสั่งห้ามในการแตะต้องฉันนะ...” ตะวันยิ้มออกมา
“เท่าที่ฉันจำได้ ฉันพึ่งบอกคุณไปว่าคุณไม่เป็นที่ประทับใจของฉันนะคะ แล้วทำไมฉันต้องอยากแตะต้องคุณด้วย คุณคีน”
“แล้วถ้าฉันบังคับเธอละ...” คีนพูดพร้อมกับชักปืนออกมาและขึ้นเซฟตี้ป้องกันการลั่นของปืนเรียบร้อยแล้ว ให้ปลายกระบอกปืนจ่อที่ต้นแขนเล็กของตะวัน
ตะวันเปลี่ยนทิศทางสายตาไปมองปืนเล็กน้อยอย่างไม่เดือดร้อนอะไร
“คุณควรจะปลดเซฟตี้นะคะ ถ้าจะใช้มันมาข่มขู่ฉัน” คีนยิ้มออกมา ถึงแม้เขาจะเข้าใจว่าตะวันรู้ดีว่าครอบครัวเขาเป็นอย่างไร แต่เธอไปอยู่กับพี่สาวเขานานหลายปี แคทรีนไม่มีทางให้ตะวันจับต้องของเหล่านี้เด็ดขาด แต่ตะวันกลับรู้เรื่องของปืนเป็นอย่างดี
“ถ้างั้นฉันต้องขออภัยในความงี่เง่าของตัวเอง” คีนเก็บปืนและเลื่อนใบหน้าให้ริมฝีปากสัมผัสอย่างอ่อนโยนที่ต้นแขนที่ปลายกระบอกปืนจ่ออยู่เมื่อสักครู่ และคีนไม่หยุดและจบเพียงแค่นั้น ริมฝีปากเขาไล่ลงไปเรื่อยๆ ตามท่อนแขน มือแข็งแรงกอบกุมมือเล็กที่เนียนนุ่มมาจุมพิตตามข้อนิ้ว โดยที่สายตาส่งสัญญาณให้กับตะวันที่คีนแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าเขาต้องการอะไร
ตะวันใบหน้าแดงก่ำ ร้อนวูบวาบๆไปทั่วร่างกายอีกครั้งกับสัมผัสเพียงแค่นั้นของคีน ขนอ่อนตามร่างกายเธอลุกชันหัวใจเต้นแรงขึ้น เธอกลับมาที่นี่ไม่กี่ชั่วโมงเจอกับคีนครั้งที่สอง และทุกครั้งที่เจอทำให้ระบบการสูบฉีดโลหิตในร่างกายเธอทำงานหนัก
“ฉันง่วงนอนแล้ว” ตะวันกระซิบปลดปล่อยเสียงที่สั่นพร่าออกมา
“เธอตื่นสายได้นะ ถ้าคืนนี้ต้องนอนดึกหรือได้นอนอีกทีในเช้าของอีกวัน” คีนกระซิบให้เหตุผล เพราะคนอย่างเขาไม่เคยต้องใช้กำลังกับเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องให้เสียแรงโดยเปล่าประโยชน์
