บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 คำถากถาง

ชายหนุ่มเปิดม่านประตูรถม้า ให้ฟางว่านหนิงเป็นคนขึ้นก่อน ฝ่ามือเรียวจับเข้าที่มือหนายื่นให้ เจียงจวินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย สัมผัสถึงความเยียบเย็นที่มือของนาง เขาขมวดขึ้นเอ่ยเสียงดุดันขึ้นว่า “เจ้าป่วยหรืออย่างไร”

“ก็เปล่านี่นา” เขาเสแสร้งแกล้งเป็นห่วงเท่านั้น ฟางหว่านหนิงไม่หลงกลง่าย ๆ จึงเชิดหน้าใส่ ซ้ำยังเดินเข้าไปนั่งบนเบาะนุ่มที่วางเอาไว้ในรถม้า

“เหอะ” เขาแค่นหัวเราะอยู่ในลำคอ “คนอย่างเจ้าคงไม่ป่วยง่าย ๆ หรอกใช่หรือไม่” หลายปีมานี้นางเจ็บป่วยนับครั้งได้ คนตัวโตกว่านั่งลงเคียงข้าง พลางยื่นมือกอบกุมมือเรียวเล็กเอาไว้ สำรวจให้แน่ใจ มองใบหน้างามของนาง หัวใจดวงนี้พลอยเต้นโครมครามทุกที

ฟางหว่านหนิงชักมือกลับ ช้อนสายตามองค้อนขวับให้ทีหนึ่ง “คนเยี่ยงข้า ก็ไม่ตายง่าย ๆ เช่นเดียวกัน ยังอยู่รับใช้คุณชายสามได้เจ้าค่ะ” ชีวิตของนางเหตุใดจึงรันทดนักหนา จากบ้านเกิดมาตั้งแต่อายุสิบหนาว คราวนั้นยังจดจำได้ดี

ตระกูลของบิดาเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้น ท่านแม่จึงนำนางหนีภัยมาฝากเอาไว้ที่จวนตระกูลเจียง แห่งเจียงหนาน โดยให้นางใช้แซ่ฟางของมารดา เพื่อหลีกเลี่ยงเคราะห์ร้ายในครานั้น

นี่ก็ผ่านมาแล้วแปดปี ท่านแม่ก็หาได้ส่งจดหมายติดต่อนางแต่อย่างใด ดูว่าคล้ายหายไปจากชีวิตของนางเสียอย่างนั้น เด็กสาวนับคืนนับวันรอคอยให้ท่านแม่ มานำนางกลับไปอีกครา

ทว่าก็ยังไร้วี่แวว...ไร้ข่าวคราว ล้วนเงียบหาย

แปดปีมานี้ ฟางหว่านหนิงทำงานเยี่ยงสาวใช้รับใช้นาย ถึงกระนั้นแล้วท่านป้าซึ่งเป็นฮูหยินเป็นนายหญิงของจวนก็มักบ่นกระปอดกระแปดบ่อยครั้ง มิให้นางหยิบจับงานเยี่ยงสาวใช้ในจวน

จึงส่งนางไปดูแลคุณชายสาม ซึ่งเป็นบุตรชายคนเล็กของตระกูล และนั่นก็นำพาซึ่งความโชคร้าย ฟางหว่านหนิงกลายเป็นนางบำเรอให้แก่คุณชายสามนับครั้งไม่ถ้วน

วันนี้เขาคิดจะลงโทษนางด้วยอันใดกัน หญิงสาวร่างเล็กไม่อาจข่มความหงุดหงิดเอาไว้ได้ จึงเผยอปากขึ้นคิดเอ่ยถาม แต่กลับถูกเขาขโมยจุมพิตนางอย่างดูดดื่มอยู่ในรถม้า ร่างบอบบางแม้ว่าต่อต้าน ทว่าไม่นานนักนางก็อ่อนระทวยแทบกลายเป็นของเหลว

ชายหนุ่มละออกจากกลีบปากอันแสนหวานล้ำ เขากดยิ้มที่มุมปากดวงตาพราวระยับ มองหญิงสาวร่างเล็กซึ่งหอบหายใจถี่ระรัว ราวกับหายใจหายคอไม่ทัน “แค่จูบเท่านี้ยังไม่พอหรอกนะ หากยังพูดมาก ปากดีอีก วันนี้เกรงว่าเจ้าจะลุกทำงานรับใช้ข้าไม่ได้อีกหลายวัน”

“คุณชายขอรับ” สารถีวัยกลางคน ค่อย ๆ เคลื่อนรถม้าไปอย่างช้า ๆ ยามนี้ไม่มีเม็ดฝนที่ร่วงหล่นลงมาแล้ว หลังจากที่เมื่อครู่โปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย สร้างความเปียกชื้นบนถนนหนทางไม่น้อย แต่การเดินทางก็หาได้ยากลำบากแต่อย่างใด

“มีอะไรว่ามา” เจียงจวินเอ่ยเสียงเข็ม แต่ฝ่ามือหนานั้นยังกุมมือนุ่มนิ่มเอาไว้ ถึงแม้ว่าคนที่นั่งเคียงข้างกาย จะยื้อยุดไม่ยินยอมก็ตามที แต่ด้วยนิสัยชอบเอาชนะของเขา ก็ล้วนทำให้สตรีข้างกายยินยอมเสมอ คำพูดจาคล้ายว่าข่มขู่ ล้วนออกมาจากใจเขาทั้งสิ้น

ได้อยู่ใกล้ ๆ นางล้วนมีแต่ความปรารถนา พยายามหักห้ามใจแต่ก็ไม่อาจควบคุมตนเองได้ ช่างน่าแปลกนักเหตุใดเมื่อครู่ที่เขาโอบกอดคลอเคลียอยู่กับชิงเอ๋อร์ กลับหาได้รู้สึกถึงความรัญจวนใจสักนิด กลิ่นหวานนี้ช่างยั่วยวนบุรุษได้เป็นอย่างดี

ทว่าสำหรับเจียงจวินแล้ว กลิ่นหอมอ่อน ๆ นี้ชวนให้เขาลุ่มหลงนัก เขาไม่ชอบใจยามที่มารดาเอ่ยกล่าวบอกว่า นางคือว่าที่คู่หมั้น ว่าที่ภรรยาในอนาคต เขาไม่ชอบให้ใครมาบีบบังคับเยี่ยงนี้

มักต่อต้านมารดาเสมอ...แต่ก็ไม่อาจต่อต้านหัวใจดวงนี้ได้เลย ยามที่ได้ใกล้ชิดนาง ไม่อาจหักห้ามใจไม่ครอบครองเรือนร่างอันแสนนุ่มนิ่ม ผิวพรรณนุ่มลื่นสะอาดสะอ้าน ยิ่งริมฝีปากที่มักเผยอถ้อยคำก่นด่า เขาก็ยิ่งชื่นชอบลงโทษด้วยการป้อนจุมพิตอันแสนพิเศษให้เสมอ

ยามนี้รถม้าหยุดนิ่งแล้ว เขาเปิดม่านหน้าต่างขึ้น ก็พบว่ามีบุรุษผู้หนึ่งขวางรถม้าเอาไว้ พอเห็นว่าเป็นคนคุ้นเคยจึงเปิดม่านประตูออก แล้วลงไปเอ่ยถาม “วันนี้ลมอันใดหอบเจ้ามากัน”

หากจำไม่ผิด สหายของเขาผู้นี้เดินทางออกนอกเมืองไปเมื่อห้าวันก่อน เหตุใดจึงกลับมาเร็วถึงเพียงนี้ “ในมือของเจ้าถืออะไรมาเล่า”

คุณชายไป๋เบี่ยงกายออกมา สีหน้าเบิกบานนักหนา คาดไม่ถึงว่าจะพบนางระหว่างทาง จึงขวางทางรถม้าตระกูลเจียงเอาไว้ เพื่อพบสาวงาม สตรีที่เขาเฝ้าถวิลหาทุกเช้าค่ำ “คุณหนูฟาง ข้านำขนมมาฝากเจ้าน่ะ”

“...” ฟางหว่านหนิงไม่ตอบกลับ ยังคงนั่งนิ่ง ๆ ใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดที่ริมฝีปากอย่างขมขื่นใจ ก่อนจะยื่นมือเปิดม่านหน้าต่างคลี่ยิ้มบางเบาแล้วจึงเอ่ยพูดออกมา “ขอบคุณเจ้าค่ะคุณชายไป๋ ข้าน้อยเกรงใจนัก หวังว่าคุณชายจะไม่นำขนมมาให้ข้าอีก”

เจียงจวินได้ยินคำพูดของไป๋เลี่ยงก็ฉุนเฉียวไม่น้อย สหายรักผู้นี้แอบนำขนม มามอบให้ ฟางหว่านหนิงตั้งแต่เมื่อไรกัน “เหอะ...” เขาแค่นหัวเราะอย่างหงุดหงิดไปทีหนึ่ง ก่อนจะพูดว่า “ไป๋เลี่ยง เจ้าชอบนางเช่นนั้นหรือ”

ไป๋เลี่ยง คือคุณชายแห่งตระกูลไป๋ มีฐานะมั่งคั่งร่ำรวย ถือเป็นผู้มีหน้ามีตา บรรดาสตรีต่างก็หว่านเสน่ห์ให้ แต่ชายผู้นี้ก็หาได้แลเหลียวพวกนางสักนิด กลับถูกอกถูกใจสาวใช้ข้างกายของสหายรัก

พอทราบว่าฟางหว่านหนิงมิได้เป็นสาวใช้ นางคือคุณหนูฟางแห่งเจียงหยาง เขาก็ยิ่งมีความหวังขึ้นมา หากท่านพ่อท่านแม่รับปากเขาแล้วละก็ อีกไม่นานจะส่งแม่สื่อไปทาบทามสู่ขอมาเป็นฮูหยินของตนให้จงได้

ไป๋เลี่ยงยิ้มเก้อเขิน ในมือยังถือกล่องไม้แกะสลัก ด้านในมีขนมมากมาย นำมามอบให้สตรีที่หลงรัก พอสหายเอ่ยถาม ก็อดไม่ได้ที่จะพูดความในใจ “อืม ข้าชอบนาง”

เจียงจวินได้ยินก็โกรธจัด เดินงุ่นง่านขึ้นรถม้าอย่างคนหัวเสีย ก่อนจะเข้าไปข้างในยังชี้หน้าสหายรัก “เจ้าห้ามเข้าใกล้นางเป็นอันขาด” เขาเอ่ยเสียงก้องกังวานราวกับว่าน้ำเสียงนี้ตะคอกตอกหน้าไป๋เลี่ยงเสียอย่างนั้น

ฟางหว่านหนิงได้ยินก็หาได้รู้สึกชื่นอกชื่นใจสักนิด กลับรู้สึกว่าอีกเดี๋ยวเขาต้องมาพาลนางเป็นแน่ ไม่ทันไรร่างสูงใหญ่ก็หน้าบึ้ง เขามานั่งลงบนเบาะ มองนางตาเขียวเข้ม “ช่างยั่วยวนนักนะ ต่อไปนี้ห้ามออกไปไหนเด็ดขาด”

นางไหวไหล่เบา ๆ ราวกับว่ามีชัยชนะเหนือกว่า “ก็ช่วยไม่ได้ดีนี่นา ก็คนมันสวยคุณชายไป๋เลยหลงเสน่ห์ข้าอย่างไร”

คำพูดจานี้ทำให้ชายหนุ่มยิ่งหงุดหงิด ไม่อาจตะคอกนาง ขึ้นเสียงดังใส่ได้ ทำได้เพียงแค่ขึ้นเสียงตวาดออกไป “ออกรถ”

ไป๋เลี่ยงยังไม่ทันได้พบหน้าโฉมงาม กลับถูกเจียงจวินขัดขวาง สีหน้าของคนถือกล่องขนมมิได้ดูหดหู่เศร้าใจ แต่กลับมีแววตาเปล่งประกายวาววับ เขายิ้มสู้แล้วตะโกนตามหลัง “พรุ่งนี้ข้าจะไปหาเจ้านะ”

ม่านหน้าต่างถูกเปิดออกมาโดยชายหนุ่ม “ข้าไม่ต้อนรับเจ้า ไสหัวกลับจวนไปเสีย”

ฟางหว่านหนิงลองหยั่งเชิงชายหนุ่มขึ้นว่า “ท่านหวงก้างเช่นนี้ รักข้า ชอบข้าใช่หรือไม่” นางแอบมีความหวัง หวังว่าเขาจะรักชอบนางบ้าง เหมือนนางที่มอบใจให้กับเขาตั้งนานแล้ว

“ข้าเนี่ยนะ...” ชายหนุ่มช่างปากไม่ตรงกับใจ เอ่ยตัดเยื่อใยขึ้นมาทันที “ข้าไม่มีวันรักชอบเจ้าเป็นอันขาด เจ้าก็เป็นได้แค่นางบำเรอ...ช่วยให้ข้าคลายเหงาเท่านั้น” คำพูดแดกดันนี้ ทำให้คนฟังหน้าชาทีเดียว

ร่างบอบบางสะท้านไปทั้งกายรู้สึกทั้งเจ็บทั้งจุกจนพูดไม่ออก นางกลืนก้อนแห่งความขมขื่นลงไปอย่างยากลำบาก จากนั้นจึงฝืนยิ้มเจื่อนแล้วพูดขึ้นว่า “ข้าก็ไม่เคยคิดเช่นนั้น ข้าไม่มีวันมอบหัวใจให้คนไร้ใจเช่นท่านเด็ดขาด” ทำไมนางจึงเลือกที่จะมอบใจให้คนเย็นชาเช่นนี้ ฟางหว่านหนิงเอ๋ย...เหตุใดไม่จดจำเสียบ้าง ว่าคนผู้นี้เขามิเคยรักมิเคยเอ่ยวาจารื่นหูเลยสักครา

เจียงจวินได้ยินเยี่ยงนี้ จึงพูดจาประชดประชัน เอ่ยวาจาถากถางดูแคลนนางทันที “ดีจำเอาไว้ให้ขึ้นใจเล่า เจ้าก็เป็นเพียงแค่...คนไม่สำคัญ อย่าสำคัญตนเองผิด คิดว่าท่านแม่ของข้าชมชอบเจ้า อยากได้เป็นสะใภ้ แต่เจ้ามีดีคู่ควรกับตำแหน่งภรรยาของข้าหรือ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel