บทที่1 - วุ่นวาย
-บริษัทธราธร-
‘เธียรธรรม’ ประธานเจ้าหน้าที่บริษัทธราธร จำกัด(มหาชน) ก้าวเข้ามารับช่วงต่อยอดธุรกิจของครอบครัวได้ใช้ความสามารถจนนำพาธุรกิจให้เติบโตยืนอยู่ในแถวหน้าของวงการอสังหาริมทรัพย์ในวัยเพียง28ปี โดยมีทรัพย์สินเข้าตลาดหลักทรัพย์มูลค่ากว่าสองแสนล้านบาทในปีนี้
“ข่าวของพี่ขึ้นหนังสือพิมพ์หน้าแรกเกือบทุกฉบับเลยค่ะ”
“…..” เจ้าของเรื่องที่ถูกพูดถึงพ่นควันบุหรี่ออกทางริมฝีปากหนาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ถึงแม้คนอื่นจะเชิญชมและเยินยอแต่เขากลับรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
“พี่ชายของน้องเก่งที่สุด ธารภูมิใจในตัวพี่มากเลยนะ ถ้าพ่อกับแม่รู้พวกท่านคงดีใจมากเหมือนกัน”
สายธารพูดด้วยแววตาเป็นประกาย เธอเป็นน้องสาวแท้ๆ ของเธียรธรรมที่มีอายุห่างกันมากถึงหกปี
พ่อกับแม่ประสบอุบัติเหตุทางเครื่องบินเสียชีวิตเมื่อหลายปีก่อน ทำให้เธอต้องอาศัยอยู่กับพี่ชายกันตามลำพัง เลยทำให้นับถือพี่ชายเปรียบเสมือนพ่อแม่อีกคนที่ช่วยเลี้ยงดูเธอมา
“อย่ามัวแต่ชมคนอื่น แล้วเรื่องเรียนของตัวเองไปถึงไหนแล้ว”
“วิชาภาษาไทยน้องตั้ง96เลยนะ”
“แล้วทำไมไม่ทำให้ได้100คะแนนเต็ม?” ชายหนุ่มมองไปยังน้องสาวด้วยสายตาคาดโทษ เพราะตอนที่เขายังเรียนมหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะปริญญาตรีหรือปริญญาโทก็ได้ถึงเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง
คนตัวเล็กแสดงสีหน้าเจื่อนลงเมื่อได้ยินแบบนั้น ถึงแม้จะพยายามมากแค่ไหนแต่มันก็ยังไม่พอสำหรับเขาอยู่ดี
“เอ่อ…ก็วิชานี้มันยาก ธารก็ทำเต็มที่แล้วนะ”
“ตั้งใจเรียนให้มากกว่านี้หน่อย ถ้ามัวแต่ทำตัวแบบนี้ อนาคตโตขึ้นมาจะเป็นยังไง”
“…..”
“หวังว่าครั้งหน้าธารคงไม่ทำให้พี่ผิดหวังนะ”
“คะ…ค่ะ”
บทสนทนาเมื่อสักครู่เป็นของพี่ชายฉันเอง เขาชื่อเธียร หรือเธียรธรรม ธราธร ผู้บริหารสุดเนี๊ยบแห่งบริษัทยักษ์ใหญ่เบอร์ต้นๆ ของประเทศแถมยังดุเหมือนหมาแม่ลูกอ่อน
พนักงานในบริษัทต่างพากันเกรงกลัวจนเยี่ยวเล็ดเพราะเขาเป็นคนที่เด็ดขาดมาก มากจนทำให้คนรอบข้างเครียดตามไปด้วย รวมถึงฉันอีกคน!
“พรุ่งนี้วันเกิดพี่ ธารขอชวนเพื่อนมากินข้าวที่บ้านเราด้วยได้ไหม”
ฉันส่งสายตาออดอ้อนเพื่อว่าเขาจะยอมเห็นใจ
“ใคร?”
“ยัยปริมค่ะ”
“…..” พี่เธียรเงียบไปเมื่อได้ยินชื่อของปริมที่เป็นเพื่อนฉันเอง
ความจริงพี่เธียรกับปริมก็เคยเห็นหน้าค่าตากันมาบ้างแล้ว แต่ยังไม่ได้ทำความรู้จักอะไรกันมากมาย
“นะพี่เธียร ให้เพื่อนน้องมางานวันเกิดพี่ด้วยได้ไหม พี่ก็รู้ว่านอกจากปริมแล้ว น้องไม่มีเพื่อนที่ไหนอีก”
“ถ้าน้องจะชวนเพื่อนมาก็ได้ แต่อย่าให้มาวุ่นวายกับพี่ก็แล้วกัน”
“ไม่วุ่นวายแน่นอน” ฉันรีบรับปากในทันทีเพราะกลัวพี่ชายตัวดีจะเปลี่ยนใจ
“คุณเธียรครับ อีกสิบนาทีได้เวลาประชุมแล้วครับ”
“ขอบใจมาก เดี๋ยวฉันตามไป”
-มหาวิทยาลัย-
“แกชวนฉันไปงานวันเกิดพี่เธียรจริงๆ เหรอ?” ปริมดูดีใจไม่น้อยหลังจากที่ฉันออกปากชวนไปงานวันเกิดของพี่เธียรคืนนี้ เป็นแค่การทานมื้อค่ำด้วยกันนิดๆ หน่อยๆ
“ก็ใช่น่ะสิ แกห้ามปฏิเสธนะ เพราะพี่ฉันอนุญาตแล้ว”
“…..” ปริมเอาแต่ยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เพราะเพื่อนฉันแอบชอบพี่เธียรมาตั้งนานแล้ว
“ชอบพี่เธียรไม่ใช่เหรอ เวลานี้เหมาะสมที่สุดแล้ว จะได้อยู่ใกล้ชิดกันไง”
“แต่พี่แกดุมากเลยนะ แถมยังชอบทำเหมือนรำคาญฉันอีกด้วย” สีหน้ากังวลของปริมแสดงขึ้นมาอย่างชัดเจน
“เขาก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ไม่มีอะไรหรอก แกอย่าคิดมาก”
“งั้นไปก็ได้” พอได้ยินแบบนั้นพิมพ์จึงรีบตอบตกลงในทันที
“งั้นสองทุ่มเจอกันนะ ห้ามมาช้าด้วย”
“แล้วเจอกัน”
-บ้านสิริรัฐภาค-
“วันนี้แต่งตัวซะสวยเชียวนะยัยผีแม่ชี” ปาลินออกปากชมพี่สาวเมื่อเห็นปริมกำลังยืนแต่งตัวทำผมอยู่หน้ากระจกภายในห้อง
“ลินว่าใครเป็นผีแม่ชี”
“ว่าตัวนั่นแหละ ขนาดจะออกไปเที่ยวยังใส่ชุดคลุมหัวเข่า กลัวผู้ชายเห็นขาอ่อนหรือไงย่ะ”
“วันนี้อารมณ์ดีไม่อยากทะเลาะกับลินนะ”
“ว่าแต่แต่งตัวสวยจัดเต็มขนาดนี้ จะไปเที่ยวไหนไม่ทราบคะ” ปาลินเดินเข้ามาชะโงกหน้าใกล้ๆ พี่สาวด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ไปงานวันเกิดเพื่อน”
“ขออนุญาตพ่อหรือยัง”
“ขอแล้ว พ่อบอกห้ามกลับเกินห้าทุ่ม”
“ลองเอาชุดลินไปใส่ไหม จะได้แซ่บให้ผู้ตะลึง แย่งซีนเจ้าของงานไปเลย”
“ไม่เอาหรอก ชุดลินมีแต่โป๊ๆ ทั้งนั้น” ปริมรีบยกมือห้าม ก่อนจะรีบเก็บข้าวของที่จำเป็นยัดใส่กระเป๋าใบหรูที่แม่เพิ่งซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด
“ใครๆ เขาก็ใส่กันทั้งนั้น ไม่เรียกว่าโป๊หรอก”
“ได้เวลาแล้ว ปริมไปก่อนนะ”
“แล้วจะไปยังไง ใครมารับ?”
“ขับรถไปเอง”
“อย่าลืมเอาแว่นไปด้วยนะ สายตาปริมไม่ค่อยดี ขับรถกลางคืนมันอันตราย”
“ใส่คอนแทคเลนส์แล้วไม่เป็นไรหรอก”
“ดูแลตัวเองดีๆ ถ้ามีปัญหาให้โทรหาลินเลยนะ”
“โอเค พี่ดูแลตัวเองได้” ร่างบางพยักหน้ารับพร้อมเดินเข้าไปกอดน้องสาวเหมือนทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน
-บ้านธราธร-
“ทางนี้ยัยปริม”
ใช้เวลาขับรถราวๆ เกือบสี่สิบนาทีก็มาถึงสถานที่นัดหมายคือคฤหาสน์หลังใหญ่ใจกลางกรุง
คนตัวเล็กกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปหาเพื่อนสาวด้วยท่าทางรีบร้อนเมื่อรู้ตัวว่ามาสายเกินเวลานัด
“เราคงไม่ได้มาช้าไปใช่ไหม”
“ไม่ช้าหรอก รีบไปหาพี่เธียรกัน”
หัวใจดวงน้อยพองโตหลังจากได้ยินชื่อของเธียรธรรม พี่ชายของเพื่อนที่เธอแอบรักมาเกือบสองปี
“เดี๋ยวก่อนสายธาร”
“มีอะไร?”
“ปริมดูโอเคไหม?” เธอพูดอย่างไม่มั่นใจก่อนจะหมุนรอบโตเพื่อให้สายธารช่วยดูความเรียบร้อย
“สวยแล้ว แกน่ะสวยที่สุด”
เมื่อทุกอย่างโอเคราบรื่น หญิงสาวทั้งสองจึงจับมือกันไว้แน่นแล้วรีบเดินไปยังห้องรับประทานอาหาร
“พี่เธียร! เพื่อนน้องมาแล้วค่ะ”
“สวัสดีค่ะ ดีใจที่ได้เจอพี่อีกครั้งนะคะ” ปริมยกมือไหว้พร้อมยิ้มกว้างทักทาย เธอหย่อนตัวนั่งลงข้างๆ สายธารโดยมีเธียรธรรมนั่งอยู่หัวโต๊ะ
“ไม่รู้จักมารยาทหรือไง ถึงได้มาสายไปตั้งสิบห้านาที” ชายหนุ่มหยิบแก้วไวน์ขึ้นจิบอย่างละเมียดละไมก่อนจะมองไปยังคนที่เพิ่งมาใหม่ด้วยสายตาเรียบเฉย
“สิบห้านาทีเองพี่เธียร ยัยปริมขับรถไม่ค่อยเก่งเลยมาถึงช้าหน่อยค่ะ”
“ถ้ารู้ว่าช้าก็ควรเพื่อเวลา ไม่ใช่ให้ผู้ใหญ่มานั่งรอแบบนี้”
“ปริมขอโทษค่ะพี่เธียร” คนตัวเล็กยกมือไหว้ขอโทษด้วยความรู้สึกผิดโดยไม่มีข้อโต้แย้ง
“เราไม่ได้สนิทกัน ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าพี่”
“เอ่อ…” คนกลางอย่างสายธารถึงกลับลำบากใจทำอะไรไม่ถูก แต่ก็พอเข้าใจได้ว่าพี่ชายเป็นคนแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
“ปริมขอโทษค่ะคุณเธียร”
“ไม่เป็นไรนะปริม กินข้าวกัน” เมื่อเห็นสีหน้าของเพื่อนไม่ดี สายธารจึงรีบเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อทำลายบรรยากาศที่น่าอึดอัด
“…..” ปาลิดาก้มหน้าก้มตาทานอาหารของตัวเองแบบเงียบๆ การนั่งร่วมโต๊ะกับเธียรธรรมในครั้งแรก ทำให้รู้สึกเกร็งไม่เป็นตัวของตัวเอง แต่กลับต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงของสายธารที่กระซิบอยู่ข้างหู
“เมื่อกี้ฉันเห็นพี่เธียรแอบมองแกอยู่บ่อยๆ ด้วยนะ”
“มีอะไรหรือเปล่า?”
“เขาชอบกินปลา แกลองตักปลาให้เขาดูสิ”
“จะดีเหรอธาร ปริมไม่กล้า” ร่างบางส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมหรี่สายตามองไปยังเธียรธรรมอย่างกล้าๆ กลัว
“เอาเลย ตักเลย เอาใจพี่เธียรไง”
“คุณเธียรทานปลาไหม เดี๋ยวปริมตักให้”
คนตัวเล็กรวบรวมความกล้าก่อนจะใช้ช้อนกลางตักปลานึ่งชิ้นโตใส่จานให้ชายหนุ่ม แต่สิ่งที่เขาทำคือเขี่ยมันออกไปไว้ข้างจานอย่างที่ไม่คิดจะกินมัน
“ถ้าคุณเธียรไม่ชอบปลา งั้นเอากุ้งไหมคะ”
“อย่ามายุ่งกับฉัน!”
“…..” ร่างบางสะดุ้งด้วยความตกใจเมื่อถูกตอกกลับใส่หน้ามาแบบนั้น เธอรีบชักมือกลับแล้ววางกุ้งใส่จานของตัวเอง
“พี่เธียรอย่าดุเพื่อนน้อง”
“งั้นก็บอกเพื่อนน้องสิ ว่าอย่ามาวุ่นวายกับพี่”
คนที่ได้ฟังถึงกลับก้มหน้าน้ำตก เธอแค่หวังดีแต่มันกลับกลายเป็นความรำคาญ
“พี่เธียรใจร้าย ดูสิ! เพื่อนน้องจะร้องไห้แล้วนะ”
สายธารยกมือลูบหลังเพื่อนสาวเพื่อเป็นการปลอบ ทั้งๆ ที่ภายในใจอยากตะโกนใส่หน้าพี่ชายดังๆ แต่ก็ต้องเก็บมันไว้
“อะ…อันนี้เป็นของขวัญวันเกิดจากปริมเองค่ะ สุขสันต์วันเกิดนะคะ”
ปริมหยิบกล่องของขวัญขนาดพอดีที่อยู่ในกระเป๋าวางลงบนโต๊ะ เธอตั้งใจจะเอามาให้เขา แต่ดูเหมือนว่าเขาจะรังเกียจเธอนักหนา
“เราขอตัวกลับก่อนนะธาร”
“จะไปไหน?”
สองขาเรียวหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงของเธียรธรรมที่พูดตามหลังมา ครั้งนี้เธอค่อยๆ หันกลับไปสบตากับเขาแบบตรงๆ
“ปริมจะกลับบ้านค่ะ”
“คิดจะไปจะมาตามใจตัวเองหรือยังไง หรือว่าไม่เห็นหัวฉันแล้ว”
“เปล่านะคะ ปริมไม่ได้คิดแบบนั้น”
“กลับมานั่งที่เดิม”
“…..” ด้วยความเกรงใจเพื่อน เธอเลยยอมเดินกลับมา ก่อนจะยืนคิดอยู่ชั่วครู่ว่าควรจะทำยังไงต่อไปดี
“ไม่ได้ยินที่ฉันบอกหรือไง นั่งลง!”
